“แม่…อึก แม่ครับ แม่เป็นอย่างไรบ้างครับ ชุนเอ๋อรีบเอาน้ำมาให้แม่เร็วเข้าแม่ลืมตาแล้วฮึกฮือออ” ร่างเล็กผอมบางของเด็กผู้ชายหน้าตามอมแมมในชุดเสื้อผ้าฝ้ายเนื้อหยาบสีตุ่นที่ครั้งนึงมันน่าจะเคยเป็นเสื้อสีขาวของใครมาก่อนเพราะความที่เสื้อมันใหญ่กว่าตัวเด็กน้อยจนเห็นได้ชัดเจน กำลังยื่นมือที่มอมแมมพอๆกับใบหน้ามาลูบที่หน้าของซูเม่ยอย่างแผ่วเบาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลนองใบหน้าเล็กๆนั้นไม่ขาดสาย แววตาเด็กชายตัวน้อยมีแววยินดีอย่างเห็นได้ชัด
“แม่ดื่มน้ำก่อนนะครับ ชุนเอ๋อเอามาให้แล้ว น้องร้องไห้ไม่หยุดเลยครับเพราะคิดว่าแม่ไม่หายใจแล้ว ผมบอกว่าแม่ไม่เป็นไรน้องก็ไม่เชื่อ เห็นไหมพี่บอกแล้วว่าแม่ต้องไม่เป็นไรหยุดร้องได้แล้วนะ” เจ้าตัวน้อยหันไปบอกน้องโดยที่ไม่ดูเลยว่าตัวเองก็ยังไม่หยุดร้องไห้ แถมขี้มูกก็ไหลออกมาปนกับน้ำตาจนน่าสงสาร พอๆกับเด็กหญิงตัวน้อยในวัยไม่เกินสามขวบที่ปีนเตียงเตาขึ้นมาอย่างยากลำบากหลังจากส่งกระบอกไม่ไผ่ที่มีน้ำสีขุ่นๆให้กับพี่ชายที่อายุไม่น่าเกิน 6 ขวบเรียบร้อยแล้ว
“แม่จ๋า หนูหิวข้าวจังเลยแง หนูห่วงแม่ด้วยแล้วหนูก็หิวด้วยจ้ะ ทำไงดีไม่มีอาไรกินเยยแง” เด็กน้อยโถมตัวมากอดที่อกของซูเม่ยอย่างแรงแต่ด้วยความที่แกผอมมากซูเม่ยเลยไม่กระเทือนอะไรมากนักแค่จุกนิดหน่อย
“แม่เหรอ! นี่อย่าบอกนะ อย่าบอกนะ ว่าเรา….”ซุเม่ยที่กำลังตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าก็พลันได้รับข้อมูลที่ถ่ายทอดผ่านสมองอย่างมากมายและหลั่งไหลข้อมูลมาจนเธอทนไม่ไหวต้องละมือที่โอบกอดร่างเล็กออกมากอดตัวเองและคู้ตัวลงอย่างทรมานจนเด็กชายตัวน้อยหรือ เสี่ยวเฟิน ต้องรีบเข้ามาประคองด้วยสองมือเล็กๆของเขาทันที