EBOOK เล่ม2มาแล้วนะคะ
(แนะนำให้ซื้อวันที่17/11/67 เวลา 0.01น. เพราะไรต์ทำโปรเหลือ 329.แต่ทางเว็บให้เลือกวันล่วงหน้า1วัน จึงกลายเป็นว่าเปิดขายก่อนค่อยลดวันถัดไป)
หลี่เมิ่งเหยาจงตื่น
ดวงตาของนางกะพริบอยู่สองสามที
ข้าบอกให้เจ้าตื่น หลี่เมิ่งเหยา !
เปลือกตาของเด็กสาวเปิดขึ้นในทันที บรรยากาศรอบตัวกลายเป็นหมอกควันสีขาว ทอดกว้างออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่เป็นความจริงหรือความฝัน “ท่านเป็นใคร” นางเอ่ยถามชายชราเคราขาวโพลนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“ข้าเป็นดวงวิญญาณคุ้มครองกำไลหยกบนข้อมือของเจ้า”
“ดวงวิญญาณคุ้มครอง ท่านมาทวงกำไลหยกคืนรึไง เช่นนั้นก็เอาไปเถอะ แล้วส่งข้ากลับไปยังโลกเดิมได้หรือไม่”
“เฮอะ ช่างกล้าเอ่ย ร่างกายเจ้าดับสูญไปแล้ว เหลือเพียงดวงวิญญาณล่องลอยมาพร้อมกับกำไลของข้า”
“ข้าแค่สวมใส่กำไลวงนี้ จากนั้นก็จำสิ่งใดไม่ได้อีกเลย ท่านบอกได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับข้าที่โน่น”
“เจ้าคงตายกะทันหันเลยจำไม่ได้ ตอนเจ้าสวมกำไลวงนี้ คานไม้ด้านบนร่วงใส่หัวของเจ้า ทำให้เจ้าตายในทันที หากเจ้าไม่ได้สวมกำไลนี้ติดข้อมือไว้ คงได้เวียนว่ายไปอยู่ในปรโลกแล้ว แต่ข้าไม่รู้ว่าทำไมกำไลจึงเลือกพาดวงวิญญาณของเจ้า ล่องลอยข้ามภพกลับมาอยู่ในร่างของแม่หนูผู้นี้ได้”
“ขะข้าตายแล้วจริง ๆ สินะ” แม้คาดเดาไว้ก่อนหน้านี้ แต่พอได้ยินกับหู หัวใจของนางกลับสั่นคลอนแทบยืนไม่อยู่
“เศร้าไปก็ไม่ช่วยอันใด ที่ข้าปลุกเจ้าตื่นเพราะวันเวลาของข้าได้หมดสิ้นลงแล้ว นับจากนี้ไปเจ้าเป็นเจ้าของกำไลวงนี้ต่อจากข้า”
“ท่านเป็นวิญญาณคุ้มครองกำไลแต่ข้าเป็นมนุษย์ จะไปมีความสามารถใดคุ้มครองกำไลได้”
“ข้าถึงได้แปลกใจนัก เหตุใดกำไลหยกโลกันตร์ถึงได้เลือกมนุษย์ธรรมดาเช่นเจ้า แทนที่จะเป็นดวงวิญญาณที่บำเพ็ญเพียรมานับร้อยนับพันปีเช่นข้า”
“กำไลหยกโลกันตร์ ชื่อน่ากลัวอะไรเช่นนี้” นางยกกำไลบนข้อมือขึ้นพิจารณาดูอีกรอบ
“มันเป็นเพียงแค่ชื่อ ความจริงมันเป็นหยกจากเพลิงลาวา หลอมเหลวผ่านวันเวลามานับหมื่นหมื่นปี มีท่านเซียนผู้หนึ่งได้เก็บกักความปรารถนาของผู้คนเอาไว้ในกำไลวงนี้ หากผู้ใดได้ครอบครองนับว่าเป็นวาสนาที่ดี”
หลี่เมิ่งเหยางุนงง อันใดคือเก็บกักความปรารถนาของผู้คนเอาไว้ “กำไลนี่ขอพรได้เช่นนั้นรึ”
“ไหนเลยจะง่ายดายเช่นนั้น สถานที่แห่งนี้เหมาะสำหรับฝึกฝนวิชาความสามารถของเจ้า แต่ตอนนี้เจ้าเข้ามาได้เฉพาะยามนอนหลับเท่านั้น มีเคล็ดวิชาอยู่ในนี้มากมาย เจ้าสามารถเลือกนำไปฝึกฝนได้ เมื่อจิตใจเจ้าหลอมรวมเป็นหนึ่งกับกำไลหยกโลกันตร์ได้ ภายภาคหน้าย่อมสุขสบายอย่างไร้ทุกข์ จงหมั่นฝึกฝนเข้าล่ะ เวลาของข้า...ได้ดับมอดลงแล้ว” ร่างของวิญญาณคุ้มครองหยกโลกันตร์ค่อย ๆ จางหายไป กระทั่งกลายเป็นดวงดาวลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
“เหยาเอ๋อร์ตื่นได้แล้ว” เสียงของมารดาเขย่าปลุก ทำให้หลี่เมิ่งเหยาตื่นขึ้นจากภวังค์ความฝัน
นี่มันเรื่องจริงหรือ
“ท่านแม่ หน้าท่าน”
เฉาซูหลิ่งยกนิ้วขึ้นแตะใบหน้าตัวเองเบา ๆ “หน้าข้าคงดูไม่ได้เลยใช่ไหม ฝุ่นเยอะมากกว่าข้าจะปัดกวาดเช็ดถูกเสร็จเหนื่อยแทบตาย เจ้าเข้าไปนอนพักผ่อนด้านในก่อนเถอะ นี่ใกล้มืดค่ำแล้วดีที่แวะซื้อของกินมาก่อน ไม่เช่นนั้นคืนนี้คงได้อดข้าวเป็นแน่” นางมองดูพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว หากออกไปซื้อของกินยามนี้ เกรงว่าขากลับอาจไม่ปลอดภัยก็เป็นได้
“เข้าเรือนกันเถอะท่านแม่” หลี่เมิ่งเหยาไม่แน่ใจเรื่องความฝัน บางทีนางอาจต้องนอนหลับอีกหน เผื่อได้เข้าไปยังสถานที่แห่งนั้นอีก
เรือนที่อยู่ด้านข้าง มีเงาร่างสายหนึ่งพุ่งตัวลงจากบนกำแพง ตรงเข้าไปรายงานผู้เป็นนายที่อยู่ในห้องทำงาน เขาคือซ่งหลินต๋า คนสนิทของหยวนเหวินเซียว
“ได้ความว่าอย่างไร” หยวนเหวินเซียวปิดตำราในมือลง เขามาพักอยู่ที่นี่ได้สองเดือนแล้ว เรือนด้านข้างว่างเปล่าไร้คนอาศัยมาตลอด แต่วันนี้กลับได้ยินเหมือนเสียงของคนพูดคุยกัน จึงได้ให้ซ่งหลินต๋าไปสำรวจดู หากเป็นคนร้ายเข้าไปหมายจะชิงทรัพย์ สามารถจัดการแทนเจ้าของเรือนได้
“เป็นสตรีนางหนึ่งกับบุตรสาวอายุราวสิบปีเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ คงจะเป็นคนตระกูลหลี่เจ้าของเรือนขอรับ” ซ่งหลินต๋ารายงานตามที่เห็น
“เดินทางมากันแค่สองคนแม่ลูกเองหรือ” คิ้วของคนถามย่นเข้าหากัน
“ขอรับ”
“ไม่มีบ่าวไพร่ตามมาด้วยรึ”
“ไม่มีขอรับ”