“ไวท์ไม่ต้องพยายามติดต่อพริ้มแล้วนะคะ แค่พริ้มห่างเหินไปไวท์น่าจะรู้แล้วว่าพริ้มรู้สึกยังไง พริ้มไม่อยากหลอกไวท์ พริ้มอยากให้ไวท์พบเจอคนที่ดี เราเลิกกันนะคะ” คำพูดเรียบง่ายของเธอทำให้ไวท์อึ้งไปชั่วขณะแต่คนที่ยืนยิ้มกลับเป็นคนที่ยืนอยู่ด้านหลังไวท์แล้วส่ายหน้าไปมาให้กับสิ่งที่หมอหนุ่มกำลังเผชิญ
“คุณพูดเล่นใช่ไหม ผมไม่เข้าใจ ผมทำอะไรผิด” ไวท์พยายามซักไซ้ถามถึงเหตุผลพร้อมเดินตามพริ้มพยายามรั้งแขนเธอไว้ “พริ้ม ฟังผมก่อน”
“พริ้มแพ้ขนหมาขนแมวแล้วคุณทำงานแบบนี้ จะอยู่ด้วยกันยังไง ธุรกิจไวท์ก็มีจะมาลำบากวุ่นวายกับสัตว์พวกนี้ทำไม พริ้มต้องการเวลาจากไวท์ ไวท์มีให้พริ้มได้ไหม วันๆ ไวท์เอาแต่หมกมุ่นกับหมาแมวแล้วพริ้มละ ไวท์ไม่เห็นจะดูแลเลย เดือนหนึ่งทานข้าวด้วยกันครั้งหนึ่งนี่เรียกว่าแฟนกันเหรอไวท์ พริ้มต้องการคนที่มีเวลามากกว่านี้ ไวท์ไม่ใช่คนนั้น” พริ้มสะบัดมือไวท์ออกอย่างแรงแล้วเดินเข้าไปหาชายที่ยืนเขี่ยเท้ารออยู่ข้างรถหรูที่เพิ่งออกหมาดๆ เงยหน้าพ่นซิการ์สวนทางไวท์ที่ก้าวถอยหลังมองพริ้มเข้าไปควงแขนชายผมเขียว
“พริ้ม คุณจะทิ้งเวลาที่เราคบกันง่ายแบบนี้เลยหรือครับ”
“ไวท์อยู่กับสิ่งที่ไวท์รักไปเถอะ พริ้มมีคนที่พร้อมให้เวลาพริ้มแล้ว”
“โทษทีนะหมอ ผู้หญิงไม่เอาทำใจหน่อยแล้วกัน” เพชรกระตุกยิ้มโอบเอวพริ้มพาขึ้นรถ
“พริ้ม ให้โอกาสผมหน่อยได้ไหม” คำอ้อนวอนของไวท์พร้อมเข้าไปรั้งแขนพริ้มยื้อไว้อย่างปวดใจจนมีคนเข้ามากระชากแขนไวท์อีกข้างดึงแยกออกห่าง สายตาคมดุมองเพชรที่ลอบกลืนน้ำลายลงคอเบี่ยงหน้าไม่สบตาเธอ
“ผู้หญิงดีๆ เขาไม่ทิ้งผู้ชายที่มีอนาคตไปหาผู้ชายที่มีแต่เงินไม่มีสมองและไม่รู้ด้วยว่าจะมีอนาคตหรือเปล่า ในเมื่อขี้มันกระเด็นหลุดออกไปแล้ว หมอจะโง่ไปกำมันขึ้นมาให้เลอะมือทำไม” คำพูดเสียดแทงของกรีนทำเพชรกลืนน้ำลายลงคอโอบเอวพริ้มไว้แน่นเมื่อรู้สึกถึงพลังหญิงคนละขั้วเริ่มต้านกัน