ฟ่านฟ่านเป็นนักศึกษาชั้นปีสุดท้ายของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง เขาประสบอุบัติเหตุถูกรถชนตอนเดินข้ามถนน ทำให้ไปเกิดใหม่ในร่างของเกอน้อยวัยสิบขวบผู้หนึ่ง ที่อาศัยอยู่ในเรือนสกุลฟ่าน หมู่บ้านสิบลี้ แคว้นต้าหลี่
ขาพบว่าสิ่งที่ตนเองสามารถทำได้ดีที่สุดก็คือการเรียนหนังสือ ฟ่านฟ่านจึงตัดสินใจว่าจะสอบเข้าเรียนในสำนักศึกษาหลวงอันดับหนึ่งของแคว้นให้ได้ ด้วยเหตุนี้ฟ่านฟ่านจึงกลายเป็นบัณฑิตตัวน้อยผู้ใฝ่เรียนรู้
แต่เพราะที่บ้านมีฐานะยากจน ฟ่านฟ่านจึงต้องทำงานคัดลอกตำราเพื่อส่งเสียตนเองเรียน ทำให้เขาได้รู้จักกับชายหนุ่มแก่เรียนที่ชอบซื้อตำราผู้หนึ่งเข้า พวกเขากลายมาเป็นสหายรู้ใจกันและยังได้เป็นบัณฑิตร่วมสำนักในเวลาต่อมา
.
หลังจากใช้ความพยายามอย่างหนัก ฟ่านฟ่านก็สามารถสอบเข้าเรียนในสำนักศึกษาหลวงอันดับหนึ่งของแคว้นได้แล้ว ด้วยเหตุนี้เองทำให้เขาต้องย้ายเข้าไปใช้ชีวิตในสำนักศึกษาที่มีแต่บัณฑิตผู้พากเพียรในการเรียนรู้
ฟ่านฟ่านสามารถเก็บเงินก้อนแรกจากการเขียนหนังสือมาซื้อรถม้าให้กับครอบครัว สร้างอาชีพใหม่ให้กับผู้เป็นบิดา และเจ้าตัวยังมีความฝันว่าจะซื้อบ้านในเขตกำแพงเมืองให้กับสกุลฟ่านอีกด้วย
เกอตัวน้อยต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อลบคำครหาที่ว่าเป็น เกอแม้จะเรียนหนังสือแต่ก็ไม่มีวันสอบเข้าเป็นขุนนางได้ ด้วยการพิสูจน์ว่าการเรียนไม่จำเป็นต้องเป็นขุนนางก็สามารถใช้ความรู้ที่มีเลี้ยงดูตนเองได้
อุปสรรคที่ต้องเผชิญเหล่านี้ ท้ายที่สุดก็เป็นทางผ่านให้ฟ่านฟ่านในวัยสิบขวบได้เติบโตขึ้นในวันข้างหน้า...
ท้ายที่สุดแล้วฟ่านฟ่านก็สามารถซื้อเรือนในตัวเมืองด้วยความสามารถด้านการคำนวณที่เก่งกาจของตน คนสกุลฟ่านจึงได้ย้ายสำมะโนครัวเข้าไปเป็นคนเมืองและใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายอยู่ในเขตกำแพง
ช่วงเวลาแห่งการเติบโตของฟ่านฟ่าน เขาใช้มันไปกับการคบหาสหายที่รู้ใจ พัฒนาทักษะความรู้ความสามารถของตนไปจนถึงขีดสุด และยังได้ออกตำราโดยมีอาจารย์จากสำนักศึกษาต้าเสวียเป็นผู้ลงนามบนหน้าปก มันถูกวางขายไปทั่วแคว้นจนเป็นที่รู้จักของเหล่าบัณฑิต
จุดหมายปลายทางที่ฟ่านฟ่านวางเอาไว้มันค่อย ๆ ประสบความสำเร็จเข้ามาทีละก้าวจากความเพียรพยายามของตนเอง นั่นก็ชี้ให้เห็นแล้วว่าความพยายามไม่เคยทำร้ายฟ่านฟ่านเลย...