“พ่อเลี้ยงครับ ผมขอฝากอะไรกับพ่อเลี้ยงหน่อยได้มั้ยครับ” นายธิเบตกล่าวเสียงอ่อนแรง
“จะฝากทำไม ในเมื่อหัวหน้าไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” แม้ว่าจะอยากให้นายธิเบตรอดแค่ไหน แต่บาดแผลที่เกิดขึ้นกับเขา มันก็ทำให้พ่อเลี้ยงบูรณ์ต้องเผื่อใจเอาไว้เช่นกัน เพราะนายธิเบตอาจจะไม่มีชีวิตรอดก็ได้
“ยอมรับความจริงเถอะครับพ่อเลี้ยง ผมว่าผมไม่รอดแน่นอน” นายธิเบตเริ่มมั่นใจ เพราะลมหายใจของเขารวยรินเหลือเกิน
“มีอะไรจะฝากก็บอกมาเถอะหัวหน้า” พ่อเลี้ยงหนุ่มต้องยอมรับความจริงในที่สุด เพราะดูจากสภาพของนายธิเบตตอนนี้เขาอาจจะไม่ไหวอย่างที่เขาบอกก็ได้
“ผมฝากธิชามันด้วยนะพ่อเลี้ยง มันไม่มีใครนอกจากผม” นายธิเบตกล่าวด้วยแววตาเศร้าหมอง เขาไม่มีใครที่สามารถฝากธิชาไว้ได้เลยนอกจากพ่อเลี้ยงบูรณ์เท่านั้น และพ่อเลี้ยงก็เป็นคนที่นายธิเบตไว้ใจมากที่สุด
“ไม่เอาล่ะผมไม่รับฝาก” เมื่อได้ยินเหมือนสิ่งที่เป็นดังเช่นคำสั่งเสีย พ่อเลี้ยงหนุ่มก็รีบปฏิเสธทันที เขายังไม่อยากสูญเสียพนักงานที่ซื่อสัตย์และจงรักภักดีกับเขาเช่นนายธิเบต
“ขอร้องล่ะครับพ่อเลี้ยง ผมฝากดูแลธิชาด้วยนะครับ” เสียงนายธิเบตอ่อนแรงลงเรื่อยๆ
“ครับ ผมจะดูแลธิชาเป็นอย่างดี หัวหน้าไม่ต้องห่วงนะครับ” ชายหนุ่มจำเป็นต้องรับปาก เพราะเขาอยากให้นายธิเบตหมดห่วง
“ขอบคุณมากครับ” เมื่อกล่าวจบ สติสัมปัชชัญญะของนายธิเบตก็ดับลงทันที พ่อเลี้ยงหนุ่มรีบเหยียบคันเร่งเพื่อเพิ่มความเร็วของรถ ตอนนี้ความเร็วของเขาเกินมาตรฐานที่กฏหมายกำหนดเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังไม่ทันใจเขา เพราะอาการของนายธิเบตมันแย่เกินกว่าที่เขาประเมินไว้ในครั้งแรก
กว่าจะมาถึงโรงพยาบาลได้ นายธิเบตก็หายใจอ่อนแรงลงไปมากแล้ว ชีพจรของเขาเต้นอ่อนลงเรื่อยๆ ร่างของนายธิเบตถูกนำตัวเข้าไปในห้องฉุกเฉิน เพื่อทำการช่วยเหลือเบื้องต้น ในขณะที่พ่อเลี้ยงหนุ่มร่างกายก็เต็มไปด้วยเลือดของนายธิเบต เขายืนรออยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยความกระวนกระวาย
“พ่อ!!!” ร่างบางของธิชาวิ่งมาหยุดที่หน้าห้องฉุกเฉิน พร้อมกับน้ำตาที่มันอาบสองแก้ม สายตาที่เธอมองไปที่พ่อเลี้ยงหนุ่ม เต็มไปด้วยความโกรธ
“ใจเย็นธิชา ตอนนี้หมอเขากำลังช่วยหัวหน้าอยู่” พ่อเลี้ยงหนุ่มหันไปปลอบคนตัวเล็ก ที่แววตาไม่ได้เป็นมิตรกับเขาสักนิด