เรื่อง เผลอใจรัก
ตอน
พิมพ์มาดา & ภาคิน
และ
ฟ้าใส & ธามไท
ผู้เขียน ประกายฟ้าแพรวแสงสีทอง
All rights reserved.
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ทุกประการ ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์ ทำซ้ำ ดัดแปลง ห้ามลอกเลียนแบบ
เรื่องราวทั้งหมดเกิดจากจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น
ลงให้อ่านทุกวัน
ในเล่มนี้จะมี 2 ตอนนะคะ
1.พิมพ์มาดา & ภาคิน (ลงให้อ่านฟรีจนจบ)
2.ฟ้าใส & ธามไท (มีเฉพาะใน E-BOOK)
เป็นแนว ฟีลกู๊ด โรมานซ์สบายๆ ผ่อนคลาย นะคะ ไม่หนัก ไม่ดราม่า ไม่มีปมอะไรมากมาย
ตัวอย่าง
พิมพ์มาดา & ภาคิน
Talk ภาคิน
“สวัสดีค่ะ” ในขณะที่ผมยืนจิบกาแฟดำแบบเข้มข้นอยู่เสียงทักทายหวานๆ ก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง ผมหันกลับไปมอง ตรงหน้าคือเด็กสาวคนหนึ่งกำลังส่งยิ้มแห้งๆ มาให้ผม ตัวเธอเล็กบอบบางผิวขาวอมชมพู ยืนอยู่เต็มความสูงอันน้อยนิดในชุดเดรสสั้นสีฟ้าพาสเทล สวมแว่นสายตาทรงกลม ดูใสซื่อเปิ่นๆ นี้เหรอคนที่จะมาเป็นผู้ช่วยคนใหม่ของผม เมื่อคืนผมกลับเข้าบ้านราว ๆ สี่ทุ่ม แม่บ้านรายงานเสร็จสรรพว่าแขกคนสำคัญของพี่ชายผมได้มาถึงเรียบร้อยแล้ว
“อืม ...” ผมครางรับในลำคอเบาๆ “เธอคือพิมพ์มาดาใช่มั๊ย?” ผมถามย้ำอีกที เมื่อเห็นเธอยืนนิ่งไม่ไหวติง ตาเบิกกว้างแทบจะถลนออกมาจากเบ้า เธอจดจ้องมองมาที่ซิกแพกของผม ยัยเด็กนั่นคงไม่เคยเห็นผู้ชายเซ็กซี่แบบนี้มาก่อนสินะ ลืมบอกไปว่าเวลาอยู่บ้าน ผมจะใส่เพียงกางเกงวอร์มขายาว ท่อนบนเปลือยเปล่า เพราะมันรู้สึกรีแลกซ์ดี
“ใช่ค่ะ ... คุณคือ?” คิ้วของเธอเลิกขึ้นอย่างสงสัย และดูเหมือนว่าตอนนี้เธอพยายามจะเบือนหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ท่าทีประหม่าของเธอทำให้ผมนึกสนุก เลยสาวเท้าเข้าไปยืนใกล้ๆ ตอนนี้หัวเธอเฉียดตรงหน้าอกผมพอดี ยัยเด็กนี้ไซส์มินิมาก จนผมต้องโน้มคอลงไปกระซิบที่ข้างหูของเธอ “ใช่ ... ฉันภาคิน เจ้านายเธอ”
“คุณไม่ใช่เจ้านาย ... หนูเป็นผู้ช่วยคุณต่างหาก” เธอเชิดหน้าเรียวเล็กขึ้นเผชิญสายตากับผม
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ผมหัวเราะออกมาเสียงดังกับอากัปกิริยาอวดดีของเธอ ไม่น่าเชื่อว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะเป็นลูกสาวของพี่การันต์จริงๆ
Talk พิมพ์มาดา
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก!!! ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ จังหวะการเต้นของหัวใจฉันก็เปลี่ยนไปซะดื้อๆ รู้สึก แปลกๆ ชอบกล โดยเฉพาะตอนที่ลมหายใจร้อนๆ ของคุณภาคินเป่ารดลงมาที่ต้นคอ เป็นเพราะว่าฉันไม่เคยใกล้ชิดผู้ชายแบบนี้มาก่อน หรือ เป็นเพราะอิตานี่หล่อกินไป น้าอรบอกว่าคุณภาคินอายุสามสิบเจ็ดปี ฉันก็เผลอจินตนาการไปว่าผู้ชายวัยใกล้เลขสี่จะต้องแก่งัก ที่ไหนได้ผู้ชายตรงหน้ายังหนุ่มยังแน่นอยู่เลย รูปร่างสูงกำยำ ผิวสองสี กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ อกผาย ไหล่ผึ่ง คิ้วหนากำลังพอดี จมูกโด่งเป็นสัน ผมเซ่อหน่อยๆ ใบหน้าหล่อคม มีหนวดเคราขึ้นรำไร ลุคเถื่อนนิดๆ ของเขา มันทำให้ฉันหายใจไม่ทั่วท้อง รู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก
“พร้อมเริ่มงานวันไหนเด็กน้อย?” เขาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์แถมยังยักคิ้วให้ฉันทีหนึ่ง
“หนูพร้อมทุกเมื่อ” ฉันค่อยๆ ถอยหลังออกห่างจากคนตัวโต พลางสาดสายตามองไปทางอื่น เพราะไม่อยากเห็นสายตาล้อเลียนที่เขามองมา
“ป้าขอโทษค่ะ ... คือว่า” เสียงของป้าน้อมดังขึ้น ทำให้คุณภาคินถอยห่างออกไปแบบอัตโนมัติ ฉันเบือนหน้าไปทางประตู เห็นป้าน้อมมองมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“คุณอิงอรให้ป้ามาตามหนูพิมพ์ไปบ้านโน้นค่ะ” พอป้าน้อมพูดเสร็จก็รีบหันหลังเดินออกไปเลย ส่วนฉันเองก็ได้จังหวะพาตัวเองออกไปจากสถานการณ์อันชวนอึดอัดนี้
--------------------------------------
ตัวอย่าง
เรื่อง เผลอใจรัก
ตอน
ฟ้าใส & ธามไท
“ฉันมาสมัครเรียนขี่ม้าค่ะ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ไหนคะ?” ฟ้าใสแจ้งความต้องการกับพนักงานต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ที่นี้ไม่มีสอนจูงเดินม้าโพนี่ มีแต่คอร์สเรียนขี่ม้าจริงจัง” เสียงเข้มที่ดังขึ้นมาในระหว่างที่เธอคุยกับพนักงานสาว ทำให้หญิงสาวต้องหันขวับไปมองข้างๆ คนที่พูดคือชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อคมราวเทพบุตร กิริยาท่าทางดูเยือกเย็นหยิ่งยโส สวมกางเกงยีนสีดำ เสื้อยืดสีขาว สวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตตัวหลวมลายสก็อตสีดำ รองเท้าขี่ม้าสีเดียวกัน
ฟ้าใสยกมือเรียวขึ้นจับหน้าอกด้านซ้าย หัวใจของเธอกำลังเต้นแรงจนแทบจะกระดอนออกมาข้างนอกอยู่แล้ว เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะเอ่ยโต้ตอบ “ฟ้าตั้งใจมาเรียนขี่ม้าคะ ฟาร์มคุณก็ไม่มีโพนี่นิคะ” เธอเชิดหน้าขึ้นมองเขาอย่างท้าทาย พร้อมกับส่งรอยยิ้มกวนๆ ให้ด้วย
ชายหนุ่มก้มมองหญิงสาวอย่างสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นจ้องดวงตากลมโต “แค่รองเท้าก็ไม่ผ่านแล้ว”
น้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงนัยประชดประชันของเขา ทำให้ฟ้าใสต้องกลอกตามองบนอย่างหงุดหงิด วันนี้เธอสวมรองเท้าบูทส้นสูง กางเกงยีนขาสั้น เสื้อกล้ามสีขาวสวมทับด้วยเสื้อคลุมแขนยาวสีชมพูอ่อนๆ เธอมองใบหน้าหล่อคมอย่างเหนื่อยใจ “ฮัลโหลลล... ฟ้าไม่ได้มาเรียนวันนี้ค่ะ แค่แวะเข้ามาเอารายละเอียดเฉยๆ เข้าใจยากจริงๆ” เธอทำหน้ามุ่ยใส่เขา
“งั้นก็ตามมานี้” พูดเสร็จก็หมุนตัวเดินไปอย่างรวดเร็วแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ฟ้าใสได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างอย่างงงๆ
ด้วยช่วงขาที่สั้นกว่ามากทำให้ฟ้าใสจำเป็นต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น พร้อมกับเอ่ยเรียกชายหนุ่มให้หยุดรอ “คุณคะ รีบไปไล่วัวไล่ควายที่ไหน?” ร่างหนาชะงักเท้าแบบกะทันหัน หน้าผากมนของเธอจึงชนเข้ากับแผ่นหลังหนาอย่างจัง “โอ๊ะ .. คุณ!” หญิงสาวยกมือขึ้นลูบหน้าผากอย่างอารมณ์เสียเพราะเธอรู้ว่าเขาแกล้ง
ชายหนุ่มหันกลับมามองคนตัวเล็ก “ฟาร์มผมไม่ได้เลี้ยงวัวควายนะ อยากเลี้ยงวัวนมเหมือนกันแหละ ผมกำลังศึกษาข้อมูลอยู่” เขาอธิบายเป็นตุเป็นตะ ก่อนที่จะหมุนตัวกลับไปเดินต่อ
หญิงสาวสะบัดหัวไปมาสองสามที เธอกำลังประมวลผลอยู่ ไม่แน่ใจว่าอีกคนแค่กวนหรือซีเรียส เพราะสีหน้าของเขาดูเรียบนิ่งซะเหลือเกิน “คือฟ้าแค่เปรียบเปรย” เธอตะโกนตามหลังก่อนที่จะวิ่งตามไป “"ว้ายยย!!!" เธอแผดเสียงดังลั่นอย่างตกใจเมื่อรองเท้าส้นสูงของเธอสะดุดกับก้อนหินจนทำให้เสียหลักเซถลาล้มลงกลิ้งไปกับพื้นหญ้า รู้สึกเจ็บแปลบทำให้ร่างเล็กต้องพยายามยันตัวขึ้นมานั่งชันเข่า “โอ๊ยย ... เจ็บค่ะ” เธอโอดครวญออกมาเบาๆ เมื่อเห็นว่ามีแผลถลอกตรงหัวเข่าแถมยังมีเลือดซิบออกมา
“มาเดินในฟาร์มไม่ใช่มาเดินแฟชั่นโชว์” เมื่อเห็นร่างเล็กสูดปากข่มความเจ็บปวด ชายหนุ่มก็โน้มตัวแล้วยื่นมือหนาออกไปเพื่อช่วยฉุดเธอให้ลุกขึ้น หญิงสาวยื่นมือออกไปจับมือหนาก่อนที่จะตะกายลุกขึ้นมาจากพื้น มืออีกข้างก็พยายามปัดฝุ่นที่เปื้อนตามตัวออก
“ก็คุณเดินเร็ว...” เธอทำหน้ามุ่ยใส่เขา
“ผมผิด ... ว่างั้น?” คิ้วหนาทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันแน่นเมื่อได้ยินในสิ่งที่เธอพูด “คุณรุ้งผมฝากพาลูกค้าไปทำแผลด้วยนะ เสร็จแล้วพาเธอไปหาผมที่ออฟฟิศด้วยนะครับ” ชายหนุ่มหันไปออกคำสั่งกับพนักงานวัยกลางคนที่กำลังเดินปรี่เข้ามาดูเหตุการณ์ พูดเสร็จก็เดินสาวเท้ายาวๆ ไปเลย
“คุณค่ะเจ็บมากมั๊ย ตามรุ้งมาทางนี้เลยค่ะ” พนักงานวัยกลางคนยื่นมือมาช่วยประคองหญิงสาว
“พอทนไหวคะ” เธอมองตามแผ่นหลังกว้าง ใจร้ายที่สุด ไม่วายที่จะแค่นด่าเขาในใจ ก่อนที่จะเดินไปกับคุณรุ้งไปทำแผล ...