ก๊อกๆๆ
"เชิญครับ"
"ผอ.คะ คุณ สตีฟ เชิญพบค่ะ"
"อ้อครับ คุณลีน่า เอกสารที่ผมขอ เตรียมให้พร้อมด้วยครับ" ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับลุกจากห้องทำงานของตนเองตรงไปที่ห้อง ท่านปธ ทันที
ก๊อกๆๆ
"เชิญครับ อ้อ อเล็กซ์ นั่งสิ" ชายหนุ่มที่อ่อนวัยกว่า นั่งลงพร้อมกับเอกสารที่นำติดมือมาด้วย
"เป็นไงบ้าง ไม่ค่อยมีเวลาได้พูดคุยกันสักเท่าไร่เลยนะ นาย โอเครึเปล่า" อเล็กซ์ยิ้มพลางยื่นแฟ้มเอกสารส่งให้
"ท่าน ปธ นี่ครับเอกสารที่ผมนำมาตามที่ท่านขอ"
"อืม.." ปธ หนุ่มใหญ่ วัย 30 ปลาย มองดูเอกสารตรงหน้า แล้วจึงเอ่ยขึ้น
"น่าสนใจดีนี่ ว่าแต่.. นายมาอยู่ที่นี่ นานแค่ไหนแล้วนะ อเล็กซ์"
"3 ปีแล้วครับ ทีผมมาอยู่ที่นี่" ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับสบตา ท่าน ปธ หนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้า
"ถ้างั้น ผมว่า เราน่าจะลองทำดูนะ โปรเจคนี้น่าสนใจดี คุณรวบรวมข้อมูลแล้วส่งให้ผม ดูอีกครั้ง คราวหน้าเราจะเอาเข้าที่ประชุม"
"ได้ครับ ผอ" ชายหนุ่มรับคำ ก่อนก้าวออกจากห้อง
หลังเลิกงาน ผอ หนุ่มกลับมาถึง ห้องสูทของโรงแรมหรู เมื่อก้าวเข้าห้อง ก็พบกับจดหมาย ที่จ่าหน้าซองถึงเขา วางอยู่ อเล็ก จึงเปิดอ่าน ไม่ทันจบ ชายหนุ่มจึงยิ้ม ใจความจดหมาย ถามถึงความเป็นอยู่ของเขา และเล่าเรื่องราวตอนที่ อเล็กซ์จากมา ลงท้ายจดหมาย มีใจความว่า อากาศที่นั่น ไปอย่างไรบ้าง ดูแลสุขภาพด้วยนะลูก แม่อยู่ทางนี้ กับลุเซี่ย สบายดี รักลูก เหม่ยฉี
หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายแล้ว อเล็กซ์ หรือ อี้หง จึงออมานั่งตาก ลมรับสายลมเย็นอยู่ที่ระเบียงพลางเหม่อ มองไปยังท้องฟ้งเบื้องหน้าจนสุดสายตา นานแค่ไหนแล้วนะ แล้วทางนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง เขาได้แต่คิดย้อนกลับไป เมื่อ3 ปีก่อน ..
สำนักงานใหญ่ บริษัท ฟู่หวิน
ปธ หนุ่ม คุณชายกลางแห่งบ้านตระกุล ฟู่ เสร็จจากกระประชุม ผู้ถือหุ้น ก็ก้าวออกจากห้องประชุม พร้อม อาเฉียน คนสนิทเก่าแก่ กับ ผู้ติดตามอีก 3 คน
"คุณ นายรอ คุณชายอยู่ที่ห้องครับ" อาเฉียนเอ่ย
"อืม.. คุณแม่มีเรื่องอะไรฉัน? อาเฉียนพอจะรู้มั้ย" ปธ หนุ่มเอ่ยถาม ขณะเดินไปตามทาง พนักงานที่ผ่านไปมาก็ก้มศรีษะ เป็นการเคารพ ทักทาย
"อาเฉียน พอจะนึกออกอยู่เพียงเรื่องเดียวขอรับ"
"เรื่องอะไร หรือ คุณแม่ถึงต้องมารอ" คุณชายรองสกลุฟู่ นามไป๊เย่ว เอ่ย
"ถ้าให้ผมเดา ก็คงจะเป็นเรื่องแต่งงาน" คนสนิท ตอบพร้อมกับเหลือบมองสีหน้าเจ้านาย
"เฮ้อ..." ได้ยินเพียงเสียงถอนหายใจจากเจ้านายเท่านั้น ก็พอจะรู้แล้วว่า การเจอกันครั้งนี้ของ คุณนายใหญ่ ก็คงจะเหมือนกับ หลายครั้ง ที่ผ่านมา
"คุณแม่ จะพูดเรื่องนี้กี่ครั้ง ผมก็ยังไม่เปลี่ยนใจ" ไป๋เย่วพูดด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น
"ลูกไป๊" มารดาเอ่ย ทั้งยังมองหน้าบุตรชาย อย่าง อ่อนใจ นางมีลูกชายถึงสามคน คนโต ก็พิการ ส่วนคนเล็กนั้นก็คงจะอีกหลายปีกว่าแต่งงานได้ นี่ก็เหลือเพียง ลูกชายคนนี้ของเธอเท่านั้นที่สถานะตอนนี้พร้อมที่สุด
"คุณพ่อเพิ่งจากพวกเราไป ไหนจะงานที่นี่อีก ผมยังไม่คิดจะแต่งงานตอนนี้หรอกครับ" ไป๊เย่ว ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับหันหลังให้กับมารดา
"ลูกไป๊...ลูกจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ หน้าที่ของลูกผู้ชาย ยังไงก็ต้องแต่งงาน มีลูกหลาน สืบวงศ์สกุล" มารดายังคงเอ่ยหว่านล้อมอย่างไม่ลด ความพยายาม แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรอีก บุตรชายก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาเอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน
"ที่บ้านเป็นอย่างไรบ้างครับ" ไป๊เย่ว เปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที เขารู้สึกเอือมระอา ที่จะต้องพูดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แบบนี้อยู่หลายครั้ง
"ผมไม่ได้กลับไป นานแล้ว"
วันนี้ บ้านตระกูล ฟู่ ดู คึกคักเป็นพิเศษ เพราะเป็นวันเกิดของ นายน้อย ตี้เหริน และคุณชายไป๊เย่ว ก็จะกลับมาร่วมงานเลี้ยงที่จัดขึ้นที่บ้านด้วย คนงาน และสาวใช้หลายคน จึงกำลังสาระวน กับการจัดเตรียม สถานที่ โดยมี ซู่หราน ซึ่งตอนนี้ กลายเป็นพ่อบ้าน ของบ้านตระกูล ฟู่ไปแล้ว
"เอา ระวังๆกันหน่อย" เขาเองก็ดีใจไม่น้อยที่ รู้ข่าวจากอาเฉียนว่า คุณชายไป๊ จะกลับมา หลายปีแล้วที่ ไม่ได้เจอหน้าคุณชายเลย ตั้งแต่...คนผู้หนึ่ง หายออกไปจากบ้านคุณชายใหญ่ เองก็ดีใจเช่นกัน ที่ จะได้เจอน้องชายเขาเช่นกัน วันนี้คุณชายใหญ่จึงขอร้องให้พยาบาลที่ดูแลเขา พาเขาลงจากตึก มาดูคนงานในบ้านปัดกวาดเช็ด ทำความสะอาคตกแต่ง ประดับประดา บ้านให้สวยงามพร้อมต้อนรับแขกเหรื่อที่จะมางานเป็นครั้งใหญ่
"คุณชายใหญ่คะ แดดแรงแล้ว กลับขึ้นตึกเถอะค่ะ" พยาบาลหลินเอ่ยพร้อมกับหันหน้ารถล้อเลื่อนเข็นขึ้นตึกไป
"อาเหว่ย ออกรถ" น้ำเสียงราบเรียบของเจ้านายเอ่ย
"ขอรับคุณชาย"
งานครบรอบวันเกิดของ นายน้อย ตี้เหริน เป็นไปอย่างเรียบง่าย มีเพื่อน ของตี้เหริน กับ แขก ของมารดา แล้วนอกนั้นก็เป็น คนในบ้านฟู่ ตี้เหรินเดิน เข้าไปหา คุณชายใหญ่ ที่นั่ง อยู่ริมสระ
"พี่ชายใหญ่ อวยพร วันเกิดให้ผม หน่อยสิ" บุตรชายคนโตของ บ้านฟู่ มองหน้าน้องชายพร้อมกับ เอ่ยขึ้นว่า
"พี่ขอให้ตี้เหริน น้องชาย ของพี่ มีสุขภาพแข็งแรง เป็นลูกที่ดีของแม่ เป็นน้องที่ดีของพี่ๆตลอดไป"เมื่อเด็กหนุ่มได้ยินเช่นนั้น ตี้เหรินก็รู้สึกซาบซึ้งใจตรงเข้าโอบกอด พี่ชายตบไหล่ของเด็กหนุ่มเบาๆ
"โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ยังทำเป็นเด็กไปได้"
"ปีก่อน มีคุณพ่อ ปีนี้ไม่มีท่านแล้ว พี่ใหญ่ก็เปรียบเหมือนคุณพ่อ พี่เองก็ต้องแข็งแรงเหมือนกันนะครับ" คุณชายใหญ่ไม่ตอบอะไรเพียงแต่พยักหน้ารับคำอวยพรจากน้องชายคนเล็กเท่านั้นแล้วพยาบาลหลิน ก็ยื่นกล่องของขวัญให้ พร้อมกับส่งยิ้มอย่างจริงใจ
"สุขสันต์วันเกิดค่ะ นายน้อย"
ไป๊เย่ว ที่ยืนดูอยู่ไม่ไกล นั้นก็คิดไปว่านี่ก็นานมากแล้วที่เขาไม่ได้กลับมา บ้านใหญ่หลังนี้เลย แม้หลายๆอย่างในบ้านจะเปลี่ยนไป แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ยังคงเดิม อย่างเช่น ซู่หราน ที่ยังคงยืนอยู่ห่างๆ คอยติดตาม เจ้าชีวิตเขา
"อ้อ ซู่หราน เรื่องที่ฉันให้นายไปจัดการเรียบร้อยรึยัง" ซู่หราน ซึ่งหลบอยู่ในเงามืดจึงเอ่ยขึ้น
"เรียบร้อยแล้วขอรับคุณชาย ซู่หรานจัดการตามที่คุณชายสั่งเรียบร้อยแล้ว"
"อืม งั้นก็ดีแล้ว ขอบใจนายมาก" พอเขารู้ว่า ซู่หรานกำลังเดินตามเขามา ชายหนุ่มจึงเอ่ย
"ซู่หราน ฉันอยากอยู่คนเดียว นายไม่ต้องตามฉันมา" บ่าวรับใช้ได้ยินเช่นนั้น จึงชะงักเท้าหยุดเดินตามทันที
ที่ห้องอาหารใหญ่
มารดาของไป๋เย่ว นั้นไม่พอใจที่ บุตรชายของตนนั้น เชิญคุณนายรองกับบุตรของเธอมาร่วมโต๊ะอาหารด้วย ไหนจะบุตรคนโตของคุณนายรองที่ดูทีไรก็รกหูรกตาอีก เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไม บุตรชายถึงทำเช่นนี้
มื้อนี้มีซู่หรานเป็นคนดูแลรับใช้บนโต๊ะอาหาร เขาคอยกำกับ คนงาน สาวใช้อยู่ไม่ห่าง เมื่อสมาชิกมากันพร้อมแล้ว ไปเย๋วจึงเอ่ยขึ้น
"มาๆ..ทานข้าวกันครับ แม่รอง" คุณนายรองรู้สึกดีใจ ที่ถูกเชิญมาร่วมโต๊ะด้วย บุตรทั้ง 2 ก็เช่นกัน เธอคิดว่า เห็น ไป๋เย่วมา ตั้งแต่เด็ก ถึงจะมีนิสัย เอาแต่ใจตัว หุนหัน อารมณ์รุนแรงไปบ้าง แต่อีกด้านหนึ่งเขาช่างเหมือน คุณท่านเหลือเกิน เข้าใจ และเห็นใจผู้อื่น เสมอ
"ไป๊เย่ว แม่ว่าลูกน่าจะกลับมาอยู่ทีบ้านได้แล้วนะ" มารดาพูดพร้อมกับลอยหน้าลอยตาไม่สนใจผู้อื่นเลยนอกจากบุตรชายคนรองของตน
"ลูกไม่อยู่เสียคนใครจะจัดการเรื่องในบ้าน"
"ซู่หราน ไงครับ" ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับ คีบอาหารใส่ชามของตนวางไว้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกว่า
"ถ้ามีเรื่องที่ซู่หรานตัดสินใจไม่ได้ เขาจะบอกผ่านอาเฉียนมาถึงผมเอง คุณแม่ไม่ต้องกังวลมากนัก" แล้วก็หันไปคีบอาหารใส่ชามพี่ชายคนโตที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะอาหาร
"พี่ใหญ่ ทานเยอะๆ ครับ"
"พี่รองครับ ผมมีเรื่องจะขอ" นายน้อยสกุลฟู่ เอ่ยขึ้น พร้อมกับคีบกับข้าวใส่ชามให้ มารดาเขาไปก่อนจะเอ่ยต่อไปอีก
"เรื่องแกลลอรี่แสดงผลงานของผม.."
"อ้อ ถ้าเรื่องนั้น อาเฉียน จัดการให้เรียบร้อยแล้วล่ะ รอจัดการเรื่องเล็กๆน้อยๆอีก 2 3 วัน ก็น่าจะเรียบร้อยแล้ว นายไม่ต้องห่วงไปหรอก"เมื่อได้ยินพี่ชายพูดเช่นนั้น นายน้อยของบ้านจึงยกยิ้มพร้อมกับเอ่ย ขอบคุณพี่รองของเขา
"ขอบคุณครับพี่รองที่ช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ผม"
ที่ห้องทำงานเดิมของ นายท่าน บัดนี้ ไป๋เย่ว อยู่ในห้อง พร้อมกับคุณนายรองภรรยาคนที่สองของบิดา
"นี่เป็นเช็ค ค่าใช้จ่ายประจำเดือนนี้ ของคุณนายครับ ส่วนเรื่องที่คุณนาย ขอผมมานั้น ผมขอคิดดูก่อน"
คุณนายรองรับเช็คพร้อมกับเอ่ยขอบคุณ แล้วก็เดินออกจากห้องทำงานไป จนสวนกับซู่หรานที่อยู่หน้าห้อง ซู่หราน เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับ เครื่องดื่มอุ่นๆ บ่าวยืนมองเจ้านายหนุ่มที่ หลายปีมานี่ เจ้านายของเขาดูเหน็ดเหนื่อยมากเหลือเกิน รินเครื่องดื่มใส่แก้วแล้ว เขาก็กำลังจะเดินออกจากห้องออกไป แต่แล้วชายหนุ่มก็ต้องชะงักเท้าค้างไว้
"ซู่หราน" น้ำเสียงนี่งเรียบเอ่ยขึ้น "อยู่เป็นเพื่อนฉันก่อน.."
อาเหว่ยวันนี้ไม่ได้มีธุระออกไปที่ไหนจึงมา นั่งกินข้าวอยู่ที่โรงครัว แล้วเขาก็อดคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ที่มีเสียงหัวเราะใสๆ ของเด็กชายคนนึง ดังก้องๆขึ้น
"เห้อ... นายคงจะอยู่สบาย มีความสุขแล้วใช่มั้ย อี้หง ถึงได้ไม่ส่งข่าวมาให้ฉันรู้บ้างเลย" แล้วอาเหว่ยเขาก็เห็นว่า อาเฉียน ลงนั่งอยู่ตรงหน้าเขาอีกคน อาเหว่ยชายกลางคนเอ่ยขึ้น พร้อมกับมองไปรอบโรงครัวใหญ่ที่เมื่อก่อนเคยมีคนงานมานั่งกินข้าวอยู่ที่นี่ เกือบ 50 คน แต่เดี๋ยวนี้ เหลือคนงานอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
"ไม่ได้เข้ามากินข้าในโรงครัวนี้หลายปีแล้วนะ มีอะไรอร่อยๆบ้างเนี่ย" อาเฉียนเอ่ย พร้อมกับนั่งลง
"รีบๆกินเข้าเถอะ เดี๋ยวเรามีงานที่ต้องไปทำอีก"
เมื่อมารดา คุณนายใหญ่ของบ้าน เห็นซู่หราน เดินออกจากห้องทำงาน ของไป๊เย่วบุตรชายเธอ เธอเองก็รู้สึกไม่พอใจ จึงเดินครงไปตบหน้า ซู่หราน พร้อมกับก่นด่า บ่าวรับใช้ จนดังลั่นบ้าน
"สารเลว...คนชั้นต่ำอย่างแก กล้ายั่วลูกชายของฉัน กลางวันแสกๆแบบนี้หรอ ไป..ไสหัวแกไปให้พ้นๆอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าแกแถวนี้อีก"นางเอ่ยพร้อมกับฟาดมือไปที่ตัว ซู่หรานอย่างไม่ยั้งมือไป 2 3 ที จน คนในห้องได้ยินเสียงเอะอะจึงเปิดประตูออกมา
"แม่..หยุดเดี๋ยวนี้!!! ผมบอกให้หยุด"ไป๋เย่วเอ่ยห้าม พร้อมกับยื่นมือไปรับฝ่ามือของมารดาเธอไว้
"นี่แม่ทำอะไร ซู่หราน แม่ตีเขาทำไม?"
"ปล่อยๆแม่นะ ไป๊เย่วถอยไป แม่จะตีมันให้ตายคามือเลย ถอยไป.."
มารดาพยายามดึงมือให้หลุดจากมือบุตรชาย ไป๋วเย่ว พยักหน้าให้ บ่าวรับใช้นั้นหลยออกไปจากตรงนี้ ซู่หราน พยักหน้ารับพร้อมกับเดินก้มหน้าก้มตาออกไปพร้อมกันน้ำตาที่เอ่อเต็มหน่วยตาทันที
ไป๋เย่วเองก็เริ่มเอือมระอา กับการกระทำของมารดาเต็มทีแล้ว ไหนจะเรื่องที่มารดานั้นไปละลานหาเรื่องคุณนายรอง จนเขาต้องรีบไปขอโทษคุณนายรองถึงเรือนพัก ตั้งแต่บิดา เขาจากไป เรื่องในบ้านทุกอย่างที่ อาเหวินเคยทำ ทำไมสำหรับเขาแล้ว มันดูยากเย็นเช่นนี้
"นั่งอ่านอะไรอยู่หรอ เหม่ยฉี" ชายชราเจ้าของบ้านเด็กกำพร้าเอ่ยกับน้องสาว
"จดหมายจาก อี้หงค่ะ พี่เซี่ย ฉันไม่ได้เจอหน้าลูกเลยหลังจากออกจากเรือนจำมา ลูกจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ฉันคิดถึงลูกมากจริงๆค่ะพี่" น้ำตาไหลอาบหลังจากที่เธออ่านได้อ่านจดหมาย จากแดนไกล ชายชราที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็คิดถึงหลานชายเขาไม่น้อยไปกว่ามารดาเลย อี้หง หลานคงไม่เจ็บไม่ป่วยนะชายชรารำพึง
ย้อนให้นึกถึงเมื่อ 3 4 ปีก่อน ไป๊เย่ว ตามหาอี้หง แทบพลิกแผ่นดิน ถึงชายชราจะรู้ว่าหลานชายไปอยู่ที่ไหน แต่ก็บอกหรือพูดอะไรไม่ได้ เพราะอี้หงขอร้องเขาไว้ มารดาของเขาเองก็เช่นกัน ถึงจะรู้ว่า ไป๊เย่ว รู้สึกอย่างไรกับบุตรชาย แต่บุตรชายขอร้องไม่ให้บอกที่อยู่กับใครทั้งนั้น แม้กระทั่งอาเหว่ยเอง ก็ห้ามบอก ไป๊เย่ว ตามหาอี้หงอยู่เกือบปี ตามไปทุกที ที่คิดว่าอี้หงจะไป แม้กระทั่ง บ้านอาเหิวน ซึ่งลาออกหลังจาก บิดาเขาเสียได้ไม่นาน ไป๊เย่วก็ยังแวะเวียนไป เยี่ยมหาอยู่เสมอ แต่ก็เปล่าประโยชน์ เขาเหนื่อย ล้า อ่อนแรง โกรธ โมโห อีกทั้ง แค้น เจ็บใจ เสียใจ น้อยใจ
"ทำไม..นายไปโดยไม่ลาฉันเลยสักคำ" ด้วยความที่เจ็บแค้น ไป๋เย่วจึงสั่งห้ามคนในบ้านเอ่ยชื่อของคนนี้อีก และนั่นเองที่ทำให้ซู่หราน กับคนในบ้านนั้นจึงไม่ค่อยได้พบเจอเจ้านายอยู่หลายปี เพราะหลังจากที่ อี้หงได้หายออกจากบ้านไป ไป๋เย่วก็ ย้ายออกจากบ้าน มาพักอยู่ที่ สำนักงานใหญ่นับจากนั้น หากมีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการ ก็จะกลับบ้านเสียที
ระหว่างขับรถเดินทางไปสำนักงานใหญ่ บ่าวรับใช้ทั้งคู่ อาเฉียน กับอาเหว่ย ก็ต่างมองหน้ากัน ก่อนที่ทั้งคู่จะเอ่ย
"เอายังไงดีล่ะ จะปลุกนายท่านดีมั้ย ห๊ะ.. อาเฉียน"
"ไม่ต้อง..ให้ท่านพักผ่อนเสียหน่อย" อาเฉียนเอ่ย หันมองไปที่ ไป๋เย่ว ที่หลับอยู่เบาะด้านหลัง ในใจก็คิดพลางว่า ท่านคงเหนื่อยมากจริงๆ ถึงได้มาหลับบนรถแบบนี้
"อาเหว่ย.. นายไม่รู้จริงๆหรอ ว่าคนๆนั้นไปอยู่ที่ไหน" เสียงราบเรียบเย็นเยียบเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ต่อให้นานแค่ไหน เขาก็ไม่มีวันลืมคน คนนั้นได้ ไป๋เย่วหลุบตาลงพร้อมกับหยดน้ำตา ที่กำลังกลิ้งร่วงหล่น เมื่อได้ฟังคำตอบจากคนสนิทแล้ว หัวใจที่ไร้เรี่ยวแรงนั้นก็แทบจะหยุดเต้นไปทันที
"ไม่ทราบจริงๆขอรับนายท่าน"อาเหว่ยนั้นได้แต่คิด ถ้าเขารู้ว่าอี้หงอยู่ที่ไหน มีหรือจะไม่ยอมบอก ก็เขาเองที่พา คุณชายไป๊ ออกตามหา คนนี้ไปทั่ว แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าอี้หง ไปอยู่ที่ไหน
"อะไร น่ะ" ไป๊เย่วเอ่ยพลางมองดูผู้ช่วย อาเฉียน วางบัตรเชิญ ไว้ที่บนโต๊ะ
"บัตรเชิญงานการกุศล ของ นายน้อย ตี้เหรินครับ นายท่านจะไปร่วมงานหรือไม่ครับ"
"ไปสิ" ไป๊เย่วเอ่ยพร้อมกับเปิดซองออกดูพร้อมกับเอ่ยต่อไปอีกว่า
"เป็นงานแสดงผลงานของน้อง คนเล็กที่ได้รางวัลชนะเลิศการประกวด และมีผลงานอื่นๆที่ร่วมจัดแสดง ให้ประมูล นำรายได้บริจาคให้องค์กร การกุศลด้วย ถือซะว่าเป็นการ โปรโมท ประชาสัมพันธ์ บริษัท ฟุ่หวิน ไปในตัว อาเฉียน ก็เตรียมตัวให้พร้อมด้วยล่ะ"
"ครับนายท่าน" อาเฉียนรับคำ
เสียงฮัม เพลง ดังลอยมาจากด้านหลังเรือน ดูเหมือนเจ้าของเสียงฮัมนี้คงจะอารมณ์ดีมีความสุขอยู่ไม่น้อย ลุงเซี่ย ยกยิ้มเขาเองก็ดีใจไม่น้อยไปกว่าน้องสาวเช่นกัน จึงเดินตามเสียงนั้นไป
อ่า.. เหม่ยฉี เธอกำลัง สาระวน วุ่นวายอยู่ในครัว จนพี่ชาย ต่าง มารดารต่องเอ่ย
"นี่มันอะไร เหม่ยฉี ทำไมข้าวของถึงได้มากมายแบบนี้" น้องสาวตรงหน้านั้น ได้แต่ยิ้ม แล้วเอ่ย
"พี่ ออกไปข้างนอก แล้วช่วยจัดโต๊ะอาหารใฉันให้ด้วย มื้อเย็นนี้ เราจะมีแขกมาร่วมโต๊ะ"
ลุงเซี่ยเห็นอาหาร ที่ปรุงเสร็จวางบนโต๊ะแล้วก็รู้ได้ทันที่ว่าแขกที่ เหม่ยฉี พูดนั้นเป็นใคร พลันเสียงรถจอดที่ ด้านหน้า แล้วแขกที่ว่าก็เดินเข้ามา
"ลุงเซี่ย ครับ ลุงสบายดีมั้ย" ถึงสายตาของเขาจะพร่าเลือนไปตามอายุ แต่หูของเขานั้นยังใช้งานได้ดี เสียงนั้น ทำไมเขาจะจำไม่ได้ เจ้าของบ้านสงเคราะห์เด็กนั้นค่อยเก้าเท้าเดินไปตรงหน้าประตู พร้อมกับน้ำตาของชายชราที่เอ่อล้น นั่น..มัน คือหลานชายที่หายหน้าหายตาไปเสียหลายปี บัดนี้เขากลับมาแล้ว
"มาๆๆ... นั่งลงก่อน" ชายชราพาอี้หงมานั่งลงที่โต๊ะอาหาร อี้หงมองไปที่โต๊ะ เต็มไปด้วยของชอบของเขาทั้งสิ้น เขาแค่ส่งคนให้มาหามารดา บอกว่าจะแวะมาทานมื้อเย็นด้วย ไม่คิดว่ามารดาจะลงมือปรุงอาหารด้วยตัวเองแบบนี้
"พี่คะ ทานข้าวค่ะ" เหม่ยฉีเอ่ยเรียก พี่ชายที่เอาแต่จ้องมองหลานชายทั้งน้ำตาที่ยังคงเต็มหน่วยตา
"อ้อ...กิน กินข้าวกัน" หญิงกลางคนกับชายชราเจ้าของบ้านเด็กกำพร้าไม่เคยกินข้าวมื้อไหนแล้วมีความสุขเท่านี้มาก่อน ทั้งมารดาและลุงต่างก็แย่งกันคีบกับข้าวมาวางบนชามข้าวของเด็กหนุ่ม
อีกครั้งแล้วที่ ไป๊เย่ว ต้องกลับมาจัดการปัญหาที่บ้าน ครั้งนี้ พยาบาลหลิน โทรไปแจ้งเขาว่า คุณนายใหญ่ ทำร้ายคุณนายรอง จนบาดเจ็บ หลังจากวางสายแล้ว เขาจึงบอกให้ อาเหว่ย กับ อาเฉียน ตรงกลับบ้าน ทันที เมื่อมาถึง ไป๋เย่วก็ ตรงไปที่เรือนคุณนายรองก่อน และพยาบาลหลินก็อยู่ที่นี่ด้วย พร้อมกับ บุตรสาวและบุตรชายของเธอ
"เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ แม่รอง" บุตรสาวที่ทนเห็นแม่เธอถูก ทำร้ายไม่ได้ จึงพยามจะเอ่ยขึ้น