1
ปิดเทอมหน้าร้อน
อีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอม ฉันจะเป็นรุ่นพี่ม.ปลายแล้วนะจ๊ะ!!!
ฮ่าๆไม่ต้องงงเพราะฉันกำลังจะขึ้นม.4 สาวน้อยธรรมดาไม่ได้โดดเด่นอะไร ฐานะก็กลางๆ มีชื่อเสียงเรียงนามว่า “เพลง”คือฉันเองนางเอกของเรื่องนี้โฮะๆๆ
ฉันมีน้องชายหนึ่งคนห่างจากฉันสองปี ฉันชื่อเพลงน้องฉันชื่อพ่อง ล้อเล่นน่า..
น้องชายสุดน่ารักน่าถีบของฉันชื่อพาย ฉันกับน้องอยู่กันตามลำพังส่วนพ่อแม่ทำงานที่ต้องเดินทางบ่อยจึงไม่ค่อยได้กลับบ้าน ชีวิตของฉันราบรื่นดีไม่มีอะไรวุ่นวายใจยกเว้นเวลาเจอกับเขาคนนั้น
นายตี๋!!!
นั่นคือฉายาของไอ้มนุษย์หน้าหล่อ พ่อรวยตามแบบฉบับพระเอกนิยายอ่ะเนาะ ชื่อจริงๆของหมอนั่นชื่อเฉินๆหลงๆ อะไรสักอย่างนี่แหละ
ความจริงหมอนั่นเป็นพวกพันธุ์ทางน่ะ พ่อเป็นคนจีน แม่ไทย หน้าตาของนายหลงจึงออกมาขาวๆตี๋ๆ และด้วยความที่มันไม่ชอบชื่อตัวเอง บวกกับที่บ้านอาม่าชอบเรียกว่าอาตี๋ ทำให้เพื่อนๆทั้งหลายพร้อมใจเรียกหมอนั่นว่าตี๋ ซึ่งก็ดีกว่าเยอะ
และดูเหมือนหมอนั่นจะชินกับฉายาที่กลายเป็นชื่อของเขาไปซะแล้ว
ส่วนฉันก็เป็นลูกครึ่งเหมือนกัน พ่อเป็นคนกรุงเทพ แม่เป็นคนอุดร
มาเข้าเรื่องต่อ นายตี๋เป็นเพื่อนร่วมห้อง ตั้งแต่มอต้น ดูภายนอกบุคคลคนนี้ดูสุภาพบุรุษ แมน แฮนซั่ม น่าซั่ม(อุต๊ะ)หรือเรียบร้อยประดุจผ้าพับไว้อะไรเทือกนั้น แต่ความจริงไม่ใช่นะจ้ะ
... สมัย ม.2
ฉันเป็นนักเรียนวงโยธวาทิตของโรงเรียน วันหนึ่งขณะที่ซ้อมอยู่ดีๆเสียงประตูห้องดนตรีก็ดังขึ้น
แอ๊ด...
แล้วร่างเปรตของนายตี๋กับนายกอ(นามสมมติ)ก็เดินเข้ามาฉับๆก่อนจะยกมือทักทายฉันด้วยนิ้วกลาง
“โย่ว!”ไอ้กอทักทาย
“มาทำไมให้อายบ้านนา” ฉันถามเสียงนิ่งที่จริงวางฟอร์มไปงั้นแหละ
“อ๋อ! ไอ้ตี๋มันอยากเข้าวงน่ะ รุ่นพี่เลยบอกมาลองซ้อมดูก่อนว่าจะรอดมั้ย”
ไม่รอดหร๊อก ดูจากโหงวเฮ้งแล้ว หน้าตาอ่อนปวกเปียก ผิวดีแบบนั้นไม่รู้จะมาเข้าให้แดดเผาเล่นทำไม
อคติล้วนๆ
แล้วหมอนั่นก็ได้เริ่มจับเครื่องดนตรี ที่ชื่อว่าทรอมโบน
สามวันต่อมา
ฉันเดินเลียบๆเคียงๆเข้าไปหานายตี๋ที่กำลังพักดื่มน้ำอยู่
“เป็นไง?” ฉันถามแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามเขา
“^^” นายตี๋ยิ้มแทนคำตอบ
ต้องยอมรับเลยว่าฉันหวั่นไหว แพ้ผู้ชายหน้าตี๋อ่ะค่ะ
“แล้วมีอะไรเดินมาหา”
“ก็แค่จะมาถาม..ว่าไหวมั้ย”
“ไม่รู้ดิ” นายตี๋ตอบแล้วทำหน้ากวนตีน ชนิดที่ว่าถ้าใครเห็นเข้านายตี๋โดนกระทืบตายคาตีนแน่
“อย่าเพิ่งท้อ ถ้าเธอผ่านจุดเริ่มต้นไปได้เธอจะเข้าใจว่ามันมีความสุขยังไง ตอนแรกเราไม่เคยคิดจะเข้ามาอยู่วงโย ไม่เคยคิดว่าจะมายุ่งเกี่ยวกับดนตรี ทีนี้เราดันตามเพื่อนเข้ามาแรกๆก็จะออกละ แต่เล่นไปเล่นมามันก็มีความสุขรู้สึกว่ามันสนุกทั้งๆที่มันเหนื่อย” ฉันเล่าไปยิ้มไปพอคิดถึงวันเลือกชุมนุมครั้งแรก
เพื่อนสนิทสองคนของฉันคือชานกับแก้วพากันมาสมัคร ด้วยเหตุผลที่ว่าตามผู้ชายเข้ามาจ้าเป็นรุ่นพี่หน้าตาดีงามคนหนึ่งที่นางสาวแก้วเขาปลื้มปริ่ม
แต่มารู้ความจริงทีหลังว่าพี่เขาอยู่ชุมนุมดนตรีร็อค
แป่ว...
และแล้วหลายวันต่อมา
นายตี๋สุดที่รักของสาวๆทุกคนก็ผลุบๆโผล่ๆหายหัวไป และในที่สุดก็ลาออกจากวงโดยที่ยังไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ เห็นมั้ยฉันบอกละว่าหมอนี่อยู่ได้ไม่นานหรอก
แล้วฉันก็ได้รู้ถึงด้านอื่นๆที่ไม่สร้างสรรค์ของเขาอย่างที่สาวๆน้อยคนนักจะมีโอกาสได้ล่วงรู้
จนกระทั่งจบม.2 ขึ้นม.3
มนุษย์ตี๋เริ่มควงสาว มีสาวเล็กสาวใหญ่ แม่ม่าย แม่ยก(สองอันหลังไม่ใช่ละ)มาจอแจไม่เว้นวันหยุดราชการ ออกลายตั้งแต่ ม.3 เนี่ยนะ!!!
พวกสาวๆอาจไม่รู้ แต่ถ้ารู้คงเบะปากสามครั้งแล้วสมเพชตัวเอง ว่านายตี๋น่ะหน้าม่อ ชอบหว่านเสน่ห์ แถมยังลามกด้วย บางวันส่งรูปลามกๆมาทางแชทให้ฉัน!!
ฉันก็ไม่ได้อยากดูเลย แต่ก็อยากรู้สาระข้างในอ่ะเนาะ อะไรก็ไม่รู้ มิยาบิๆ
เห้อ!ละเหี่ยใจนัก
แล้วพฤติกรรมของมนุษย์ตี๋ก็เป็นเช่นนี้เรื่อยมา คบผู้หญิงไม่นานก็เลิก แบบว่าหล่อเลือกได้ คุยซ้อนจนอ่านแชทไม่ทัน ชอบแสดงความชั่วให้ฉันเห็น ฉันเองก็ไม่ค่อยจะเป็นคนสอดรู้สอดเห็นเท่าไหร่ด้วยอ่ะนะ
จนถึงปัจจุบัน
ครืด..ครืด..
“คอลเซนเตอร์สวัสดีค่ะ”ฉันกรอกเสียงใส่มือถือกวนแก้วที่โทรมา สงสัยต้องชวนไปทำเรื่องเสียทรัพย์แน่ๆ
(คอลเซนเตอร์อะไรเสียงอย่างกับควายออกลูก)
อ้าว อีนี่
"มีอะไร" ฉันถาม
(วันนี้กูว่าจะชวนไปดูหนังอ่ะ) แก้วตอบ
“เรื่องอะไร?” ฉันถามอีก
(ใหญ่ฟัดใหญ่โหดข้ามจักรวาล)
ฟังจากชื่อแล้วต้องเป็นหนังรักแน่เลย ถุย!!
“มีเรื่องอื่นมั๊ย?” ฉันถาม
(มันเป็นหนังที่สนุกมาก มีคนบอกมา) แก้วว่า
“เออๆ ไปกี่โมง”
(เนี่ยอีก15นาทีกูจะถึงบ้านมึงแล้ว)
“ฮะ!?!”
(หวังว่ามึงคงอาบน้ำแล้วนะ)
“ยัง” ฉันตอบ
(รีบไปเลย!!!) แก้วไล่
"ไม่เป็นไรกูไม่อาบก็ได้ ไม่ถือๆ"
(แต่กูถือว้อย) แก้วว่า
ไม่รู้หรอว่าต้องประหยัดน้ำช่วยโลก
โถโถโถ
สุดท้ายก็ต้องอาบ เพราะว่าฉันเป็นคนสะอาดสะอ้าน จริงๆ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
ในที่สุดเราสามสาว ชาน เพลง แก้ว ก็มาเดินอาดๆ ตากแอร์ฉ่ำๆ ในห้างรอเวลาหนังฉาย
ซึ่งก็คืออีกเกือบชั่วโมง แล้วจะให้ตูรีบอาบน้ำแต่งตัวทำตัวเงินตัวทองอะไรฟะ?
ดูเหมือนแก้วจะรู้ว่าฉันเคืองมันนิดๆเพื่อนสาวผู้น่ารักจึงง้อด้วยการพูดคำว่า
“เดี๋ยวกูเลี้ยงไอศกรีม”
“จริง?” ฉันกับชานพูดพร้อมกัน
"เทิดทูนกูสิ"
"ทูนหัวของบ่าว"
"ตอแหลนักเจ้าพวกนี้"
...ขณะที่เรากำลังนั่งรอไอศกรีม สิ่งมีชีวิต 2 ชีวิตก็เดินเข้ามาในร้าน
“นั่นเจ้ดาวโรงเรียนหนิมึง” ยัยแก้วขาเผือกสะกิดฉันให้ดูสองคนนั้น
“เห็นแล้ว” ฉันตอบแล้วหมุนแผ่นเมนูเล่น
“มากับไอ้ตี๋ด้วย กินเด็กเวอร์” ชานเพื่อนสาวเทียมของฉันพูดขึ้นในระดับเสียงปกติ
ไม่กลัวเขาได้ยินรึไงว่านินทาอยู่ แถมไอ้เพื่อนสองคนนี้ก็ไปมองหน้าเขาอยู่ได้ เขาลุกมาสกายคิกใส่ยอดหน้าขึ้นมาว่าไงเนี่ย
แกร๊ก!
เสียงถ้วยไอศกรีมกระทบผิวโต๊ะเรียกความสนใจของทั้งสองคนกลับมา รอดตายไป
แล้วเราทั้งสามก็เริ่มกินไอศกรีมราวกับห่างหายจากมันไปนานทั้งๆที่ความจริงเพิ่งมากินเมื่อวันก่อนเอง
ไม่กี่นาทีต่อมาโอศกรีมก็เริ่มหมดเกลี้ยงประดุจสุนัขเลีย เลยต้องสั่งมาเพิ่มอีกสองถ้วยใหญ่
เพราะเราคือ...สายแดก
มัวแต่กินและพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปทั่วโดยเฉพาะเรื่องของคนอื่น จนลืมดูเวลา
รู้ตัวอีกทีก็ถึงเวลาหนังฉายแล้ว...
เรารีบจ่ายเงินแล้วติดเกียร์หมาวิ่งไปโรงหนังอย่างเร็วเพราะกลัวไม่ทัน
.....ณ โรงหนัง
ฉันชานและแก้วนั่งกินป๊อบคอร์น ดูไตเติลหนังอย่างสบายอารมณ์ จนมีหนุ่มสาวคู่หนึ่งเดินมานั่งที่นั่งข้างฉัน แต่ฉันไม่ได้สนใจพิจารณาว่าสองคนนั้นเป็นใคร จนกระทั่งได้ยินเสียงหัวเราะคุ้นๆจากคนที่นั่งอยู่ข้างๆฉันจึงชำเลืองตาไปดูด้วยความเสือก
ชิบหาย!!!
โลกกลมเกินไปรึเปล่าวะ!!!
นายตี๋กับเจ้ดาวโรงเรียนมาสวีทวี้ดวิ้วกันอยู่ในโรงหนังบู้เนี่ยนะ!!!
เริ่ดค่ะ!
โรงข้างๆมีหนังรักโรแมนติกเจือกไม่ไป...
ขณะที่ฉันกำลังชำเลืองตามอง นายตี๋ก็ดันหันมาพอดี แวบแรกก็ดูเหมือนจะตกใจ แต่แล้วมนุษย์ตี๋ก็ยกยิ้มให้ฉันแล้วพูดเบาๆ
“ปวดหัวไม่ใช่หรอ” นายตี๋ถาม
คืออย่างนี้ก่อนที่แก้วจะโทรมา นายตี๋ชวนฉันไปเที่ยวด้วยเหตุผลอันใดมิทราบ
เหงามั๊ง..
ฉันจึงสังหรณ์ใจว่าหมอนี่ต้องชวนฉันไปทำอะไรมิดีมิร้ายแน่เพราะฉันสวย
ฉันจึงโกหกไปว่าฉันปวดหัวแถมด้วยการเสแสร้งทำเสียงอ่อยเหมือนคนใกล้ตาย
"แหะแหะ" ได้แต่หัวเราะแห้งๆกลับไป
หลังดูหนังจบชานฉันแก้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
ตกเย็น...
ติ๊ง!
“ไงคนป่วย” ผู้ชายยหน้าตี๋ส่งข้อความมาทางแชท
“อะไร”
“พรุ่งนี้ไปเที่ยวเป็นเพื่อนหน่อย”
“เหงาหรอ?”
“พรุ่งนี้เจอกัน”
“ไม่ไป จะดูซีรีส์” ฉันพิมพ์ตอบ
แต่เสียใจหมอนั่นออฟไลน์หนีไปแล้วจ้า
...แกร๊ก
มีใครบางคนเปิดประตูห้องฉันเข้ามา มันผู้นั้นก็คือเจ้าพาย น้องชายฉันเอง
“มีอะไร”
“มาหาขนมกิน” น้องชายตอบแล้วเดินมาหยิบโหลขนมที่ฉันมักวางไว้โต๊ะเขียนหนังสือไปเปิดกิน
ก่อนจะนั่งลงข้างฉันดูเหมือนมันจะเห็นแชทที่ฉันคุยกับไอ้ตี๋เปิดค้างอยู่
“พี่สองคนเป็นอะไรกัน”
“ใคร” ฉันปิดแชทแล้วแกล้งทำเป็นเลื่อนอ่านฟีดข่าว
“ก็พี่กับพี่ตี๋ไง”
“ถามได้ก็เพื่อนดิ”
“นี่คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกซีรีส์หรอ เขาชวนไปเที่ยวขนาดนี้ยังจะลีลา รีบๆยัดเยียดความเป็นเมียให้พี่ตี๋ได้แล้ว”
"พูดอะไรของแกไอ้เด็กจัญไร"
นางเอกซีรีส์อะไรยะฉันน่ะนางเอกนิยาย
วันต่อมา
วันหยุดช่วงปิดเทอมฤดูร้อนแสนสงบของฉันหลังจากทำความสะอาดบ้านไปในรอบเดือน
ฉันก็มานั่งอืดๆสวยๆ
พักผ่อนด้วยการเปิดคอมดูซีรีส์ในเว็บผีเว็บเถื่อนนี่ชอบนักแล
“เพลง...ไปเที่ยวกัน!!!”
เสียงมารดังขัดจังหวะความสุข ฉันหันไปทางที่มาของเสียงร่างสูงก้าวฉับๆเข้ามาทางฉันเหมือนเป็นบ้านของตัวเอง
ดูมัน!รองเท้าก็ไม่ถอด
ฉันเพิ่งทำความสะอาดยกใหญ่ไปเองนะว้อย!
ฮ่วย!
ฉันอุตส่าห์สอบคัดเลือกเข้าไปเรียนในโรงเรียนที่ว่ากันว่ามีแต่คุณหนูผู้ดีเต็มโรงเรียนตามบัญชาของท่านพ่อได้แท้ๆ แต่ไม่นึกเลยว่ามนุษย์ตี๋จะไปเรียนต่อที่เดียวกันแถมยังได้อยู่ห้องเดียวกันอีก ส่วนเพื่อนๆของฉันชานเรียนโรงเรียนเดิม ส่วนแก้วมาต่อที่เดียวกันแต่อยู่คนละห้อง
ทำไมไม่เป็นแก้วที่อยู่กับฉัน
บรื๊น....
อ้ากกกก! นี่มันรถหรือจรวด
“ขับช้าๆหน่อยก็ได้รีบไปสวรรค์ชั้นไหนฮะ!?” ฉันด่านายตี๋เสียงดัง
"ไม่ได้ไปหรอก"
สบายใจที่มันตอบโต้
"เพราะน่าจะได้ไปนรก"
"ไอ้ตี๋ปากหมา"
เอี้ยด!!!
จู่ๆรถก็เบรกกระทันหันจนฉันเสียหลักหน้าอกกระแทกนายตี๋เข้า
อั๊ย นมฉัน
“จะเบรกกระทันหันทำไม” ฉันเปิดหมวกกันน็อคแล้วถามกึ่งด่านายตี๋
“ไม่เห็นไฟแดงรึไงครับ”
แป่ว.....
“....โทษจ้า”ฉันทำเสียงจ๋อย
“เมื่อกี้นมเธอกระแทกหลังฉันมันแข็งๆยังไงไม่รู้ว่ะ”
“ไอ้จัญไรแมน!” ฉันว่าแล้วเอามือปิดหน้าอก
"ปิดอะไรน่ะตุ่มยุงกัดหรอ"
"โอ๊ย ใครจะไปใหญ่เหมือนมิยาบิแกล่ะ"
ฮึ่ย! ไอ้นี่มันลามกจริงๆ
…รถวิ่งไปเรื่อยๆจนถึงที่หมาย ซึ่งเป็นสถานที่ที่ฉันไม่คาดคิดว่านายตี๋จะพามานั่นคือ..วัด
เป็นวัดแถบๆชานเมืองมีพื้นที่กว้างต้นไม้เยอะร่มรื่น พอหาที่จอดรถได้เราก็ไปบูชาดอกไม้ไหว้พระ แล้วออกมาใส่บาตรด้วยเหรียญ จากนั้นก็มาให้อาหารปลาที่มีคนปล่อยไว้ที่สระขนาดใหญ่ในวัด
“ตี๋ๆ” ฉันเรียกคนที่กำลังขว้างขนมปังให้ปลา จนเขาหันมาแล้วทำหน้าประมาณว่า มีอะไร?
“เป็นอะไรมากรึเปล่าเนี่ย” ฉันถามเขาอย่างเป็นห่วง
“เป็นอะไร?”
“ก็เห็นนายดูเป็นคนดี เข้าวัดเข้าวาแปลกๆ เลิกกับแฟนอีกแล้วหรอ หรือว่าอกหักจนอยากหนีมาบวช”
“คิดออกมาได้ คนคุยผมมีเป็นสิบนะครับ” นายตี๋พูดแบบหลงตัวเองซึ่งมันก็จริง น่าจะไปทำงานการรถไฟอ่ะ สับรางเก่งเหลือเกิน
"เออ นึกว่าจะบวช"
ฉันยิ้มอย่างโล่งใจอย่างน้อยก็ยังดีกว่าได้รู้ว่าที่ชวนฉันมาเที่ยวเพราะอกหักล่ะนะ
เพราะถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆฉันคงเจ็บน่าดู ฉันยังไม่เคยบอกสินะว่าฉันแอบชอบนายตี๋ตั้งแต่ตอน ม.1 จำได้ว่าตอนนั้นเขายังเป็นแค่เด็กชายธรรมดา ไม่สูง หน้าตายังดูไม่โดดเด่นอะไรเป็นคนดูซื่อๆไม่ค่อยมีใครสนใจนอกจากฉันและเพื่อนผู้ชายในกลุ่มของเขา
ฉันคอยช่วยเหลือเขาบ้างแบบเนียนๆเวลาเขาไม่สบายใจฉันก็จะแกล้งไปเล่าเรื่องตลกให้ฟังและคอยพูดให้กำลังใจ นายตี๋ตอนนั้นเป็นคนปอดแหกมาก ใจไม่หนักแน่น และอ่อนแอกว่าผู้ชายคนอื่น ไม่กล้าหือกับใคร ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง เก็บกดและเงียบ
ถึงฉันจะโดนเขาเมินบ้างในช่วงแรกๆแต่ฉันก็หน้าด้านพอที่จะแกล้งทำเป็นไม่คิดอะไรแล้วทำให้เขายิ้มได้ แต่เวลาแค่ 1 ปีผ่านไปคนที่ฉันแอบชอบก็เริ่มเปลี่ยนไป เขาสูงขึ้น หน้าตาดูดีขึ้น แต่ยังคงไม่ค่อยพูดกับใครเหมือนเดิม
แต่แล้ววันหนึ่งจากคนที่ไม่เคยมีใครสนใจก็มีผู้หญิงมาบอกว่าชอบจากนั้นก็ดูเหมือนว่าเขาจะเริ่มป๊อบขึ้นเรื่อยๆ แถมหลังจากเขาลาออกจากวงโย เขาก็ไปเล่นบาสเตะบอลจนแข็งแรง ตัวสูง และเป็นที่ยอมรับของเพื่อนๆและสาวๆ ฉันเริ่มจะได้เจอกับความจริงหนึ่งที่ว่าเขากำลังห่างจากฉันไปมาก แต่ฉันก็ยังชอบเขาอยู่และจะคอยให้คำปรึกษากับเขาแบบนี้ไปเรื่อยๆจนวันไหนที่เขาลืมฉันฉันก็จะหยุด ถึงแม้ตอนนี้ความรู้สึกแอบชอบของฉันมันจะเริ่มหายไปบ้างแล้วก็ตาม
เป็นเพื่อนกันแบบนี้มันก็ดีแล้วป่ะ