ทาสรักหัวใจสิเน่หา (หัวใจบัญชารัก)
อธิป อรุณวัฒนารุ่งเรือง (คุณรอง) อายุ 31 ปี
“ไอยวริญไม่ใช่น้องสาวผม”เธอจะเป็นน้องสาวของเขาได้ยังไงในเมื่อสำหรับเขาเธอเป็นอะไรที่มากกว่านั้น
ไอยวริญ ศิริวัฒนา (คุณหนูเอย) อายุ 21 ปี
“ฉันไม่ใช่พี่ชายเธอ” คำๆนี้เป็นคำแรกที่เขาพูดกับเธอและมันก็ยังเป็นคำที่ทำให้เธอรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่ได้ยิน
ตัวอย่าง
“เอยว่าเราควรจบความสัมพันธ์นี้ แล้วกลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม”ไอยวริญถึงกับเชิดหน้าเม้มปากแน่นรู้สึกขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีก่อนที่จะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่แฝงไปด้วยความหนักแน่น
“พี่น้องอย่างนั้นเหรอ”อธิปเอ่ยขึ้นเสียงเรียบพร้อมกับมองใบหน้าหวานนิ่ง
“ใช่ค่ะ พี่น้อง”
“ฮึ เธอลืมไปแล้วหรือไงว่าฉันไม่ใช่พี่ชายของเธอ”
ไอยวริญถึงกับดวงตาสั่นไหวขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของร่างสูงก่อนที่จะเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วเบาอย่างพยายามควบคุมตัวเอง
"เอยไม่เคยลืมว่าคุณรองไม่เคยคิดว่าเอยเป็นน้องสาวมาตั้งแต่แรก แต่เอยไม่อยากอยู่แบบนี้ เอยไม่อยากทำผิดต่อแม่ต่อคุณลุงอีกต่อไป"
ทำไมเขาจะต้องตอกย้ำอยู่ตลอดเวลาว่าเขาไม่เคยเห็นเธอเป็นน้องสาวไม่เคยคิดว่าเธอเป็นญาติของเขา เท่าที่ผ่านมาเขายังเห็นเธอเจ็บปวดไม่พอหรือไง
หรือว่าเธอมันน่ารังเกลียดเกินไปที่เขาจะนับญาติด้วย
"แล้วถ้าฉันไม่ยอมล่ะ"อธิปเอ่ยขึ้นเสียงเรียบพร้อมกับมองไปที่ร่างบางด้วยสายตาดุดัน
"คุณรอง! คนใจร้ายแค่นี้คุณยังเห็นเอยเจ็บไม่พออีกเหรอ ทำไมคุณจะต้องทรมานเอยแบบนี้ด้วย"ไอยวริญถึงกับเบิกตากว้างขึ้นมาทันทีก่อนที่จะมองร่างสูงด้วยสายตาเจ็บปวดระคนน้อยใจพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรากลงมาตามสองแก้มนวล
ไอยวริญไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากเขา เขาคิดที่จะให้เธอเป็นผู้หญิงอีกคนของเขาโดยที่เขาเองก็มีคนรักอยู่ด้วยอย่างนั้นเหรอ
คนใจร้าย! เขาใจร้ายกับเธอมากไปจริงๆ
อธิปที่กำลังจะพูดอะไรถึงกับชะงักไปทันทีเมื่อเห็นน้ำตาที่ไหลรินตามสองแก้มนวลก่อนที่จะเอ่ยขึ้นเสียงเรียบแล้วเดินออกจากห้องนอนของหญิงสาวไปทันที
"ฉันอาจจะใจร้ายกว่าที่เธอคิดก็ได้ เพราะฉันไม่เคยคิดจะปล่อยเธอไปด้วยสิ ไอยวริญ"
……………………………………………………………..
“จะไปไหน”อธิปเอ่ยขึ้นเสียงเรียบอย่างพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองพร้อมกับมองใบหน้าหวานอย่างไม่พอใจ
“เอยจะออกไปอยู่ข้างนอกค่ะ”ไอยวริญที่ยืนนิ่งเพราะมัวแต่ตกใจที่เห็นร่างสูงเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วพร้อมกระชับมือที่ถือกระเป๋าแน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
“จะออกไปอยู่ที่อื่นอย่างนั้นเหรอ ใครอนุญาตให้เธอออกไปอยู่ที่อื่น”อธิปถึงกับหรี่ตามองใบหน้าหวานนิ่งเอ่ยขึ้นเสียงเข้มอย่างไม่พอใจ
บ้าเอ้ย! ออกไปอยู่ข้างนอกอย่างนั้นเหรอ!
เธอกล้าดียังไงที่จะออกไปอยู่ที่อื่นโดยไม่บอกเขาสักคำ
“เอยขออนุญาตแม่กับคุณลุงแล้ว”ไอยวริญถึงกับสะดุ้งขึ้นอย่างตกใจเมื่อได้ยินเสียงเข้มที่เอ่ยขึ้นเสียงดังจนแทบเป็นเสียงตวาดอย่างไม่พอใจ
“แต่ฉันไม่อนุญาต! เอากระเป๋าขึ้นไปเก็บซะ”
“ไม่ค่ะ คุณลุงกับแม่อนุญาตแล้ว คุณรองไม่มีสิทธิมาห้ามเอย”ไอยวริญถึงกับเม้มปากแน่นก่อนที่จะเอ่ยขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอก็คงจะเอาแต่ยืนเงียบไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรออกมา แต่ไม่ใช่ตอนนี้ที่เธอจะไม่มีทางยอมเขาอย่างเด็ดขาด ในเมื่อคุณลุงกับมารดาของเธออนุญาตแล้วเขาก็ไม่มีสิทธิที่จะห้ามเธอ
“ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ”อธิปถึงกับดวงตาวาวโรจน์ขึ้นมาทันทีเมื่อได้ฟังคำตอบของหญิงสาวก่อนที่จะแสยะยิ้มออกมาอย่างน่ากลัวแล้วยกมือเรียวหนาคว้าแขนเรียวบางเอาไว้ทันที
ไม่มีสิทธิอย่างนั้นเหรอ!
ถ้าเขาไม่มีสิทธิในตัวเธอ แล้วใครหน้าไหนกันที่มีสิทธิ
……………………………………………………………..
“ได้เวลาพักแล้วไม่ใช่หรือไง ทำไมยังนั่งทำงานอยู่อีก”
ไอยวริญที่กำลังวุ่นอยู่กับการพิมพ์งานถึงกับเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกใจเมื่อได้ยินเสียงเข้มแสนคุ้นหูก่อนที่ริมฝีปากบางจะเม้มเข้าหากันทันทีเมื่อมองเห็นร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“คุณรอง!”
ไอยวริญถึงกับใบหน้าแดงซ่านขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าแล้วทำให้เธออดที่จะคิดถึงเรื่องที่คอนโดเมื่อคืนไม่ได้
คนบ้า! ใครอนุญาตให้เขามาอุ้มเธอกันในเมื่อเขาตื่นแล้วก็ควรที่จะปลุกเธอสิไม่ใช่อุ้มเธอเข้าไปในห้องแบบนั้น แต่ก็ยังดีที่เขายอมกลับไปไม่ถือโอกาสนอนที่คอนโดของเธอไม่อย่างนั้นเธอคงจะรู้สึกอายมากกว่านี้
“เก็บของสิ”อธิปเอ่ยขึ้นเสียงเรียบพร้อมกับพยักหน้าให้ร่างบางเก็บงานตรงหน้าให้เรียบร้อย
“คะ”ไอยวริญถึงกับเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจไม่เข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายต้องการสื่อ
“มันเป็นเวลาพักไม่ใช่หรือไง”อธิปถึงกับถอนหายใจออกมาทันทีก่อนที่จะเดินเข้ามารวบเก็บเอกสารที่อยู่ตรงหน้าร่างบางเอาไว้รวมกันพร้อมกับปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์เครื่องหรูโดยไม่สนใจใบหน้าตื่นของอีกฝ่าย
“คุณรอง!”ไอยวริญถึงกับร้องขึ้นเสียงดังอย่างไม่พอใจก่อนที่จะมองร่างสูงอย่างอดโมโหไม่ได้
เอกสารที่เธอจัดเรียงอย่างเรียบร้อย ไหนจะงานที่เธอยังไม่ได้บันทึกอีก แล้วดูเขาทำสิจะไม่ให้เธอโมโหได้ยังไง
“เลือกเอาว่าจะให้ฉันสั่งอาหารขึ้นมานั่งทานกับเธอบนนี้ หรือจะออกไปทานข้าวกับฉันข้างนอก”อธิปเอ่ยขึ้นเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความจริงจังไม่มีวี่แววล้อเล่นสักนิด
“ใครบอกว่าเอยจะออกไปกินข้าวกับคุณ”ไอยวริญถึงกับมองร่างสูงตาโตก่อนที่จะเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ
เธอพูดตอนไหนกันว่าจะออกไปทานข้าวกับเขา มีแต่เขาที่พูดเองเออเองคนเดียว
“ถ้าอย่างนั้นก็กินที่นี่”อธิปเอ่ยขึ้นอย่างสรุปก่อนที่มือหนาจะคว้าโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะทำงานของร่างบางขึ้นโทรหาปลายสายโดยไม่สนใจใบหน้างอง้ำของเจ้าของโต๊ะสักนิด
“วศินสั่งอาหารขึ้นมาให้ฉันที่...”
“ก็ได้ค่ะ เอยจะออกไปทานข้าวกับคุณ”ไอยวริญถึงกับตาโตขึ้นมาทันทีพร้อมกับเอ่ยขึ้นเสียงรัวเมื่อรู้ว่าร่างสูงกำลังจะทำอะไร
อธิปยกยิ้มอย่างพอใจก่อนที่จะเดินออกไปจากห้องโดยไม่กลัวว่าร่างบางจะกลับมาพยศอีกครั้ง