“กำปั้น น่ารักแค่ชื่อเท่านั้นแหละ”
“แม่พูดแบบนี้อีกแล้วนะ”
“ทำไม?”
“เปล่าครับ”
ในโลกใบนี้จะเก่งกับใครก็ได้ยกเว้นแม่ ฟังไม่ผิดครับ คนที่น่ากลัวที่สุดสำหรับผมไม่ใช่พ่ออย่างที่ใคร ๆ คิดหรอกแต่เป็นคุณแม่คนสวยต่างหาก แม้แต่พ่อที่ว่าแน่ก็ยังต้องฟังแม่เลย
“เรื่องฝึกงานไปถึงไหนแล้ว”
“อีกสองอาทิตย์เริ่มครับ”
“แล้วจะเรียนต่อไหม”
“เรียนครับ ต่อปวส.นั่นแหละ”
“อืม” ผมกำลังจะจบปวช.สาขาวิชาช่างอิเล็กทรอนิกส์ เหลือฝึกงานแค่นั้นเอง “เรื่องผู้หญิงให้มันเบา ๆ หน่อยนะ” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยก่อนจะปรายตามองผมเล็กน้อย
“โทษทีพอดีลูกชายพ่อมันหล่อ”
“หล่อให้ดีแล้วกัน ไม่ใช่อยู่ดี ๆ กูมีหลานแบบไม่ทันตั้งตัวล่ะ”
“ผมป้องกันอย่างดีพ่อสบายใจได้”
“เออ”
ครอบครัวเราคุยกันได้ทุกเรื่องครับ พ่อกับแม่ไม่เคยห้ามไม่ว่าผมจะทำอะไร มีเรื่องชกต่อยบ้างตามประสาก็ไม่เคยด่า พ่อบอกว่าเกิดมาทั้งทีต้องใช้ชีวิตให้คุ้ม ผิดถูกเป็นยังไงเรียนรู้เอาเอง ทุกอย่างมีเหตุก็ต้องมีผลเมื่อทำลงไปแล้วก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมาให้ได้ด้วย อีกอย่างบ้านไม่ใช่แค่สถานที่แต่บ้านคือความรู้สึก
ผมมีน้องสาวหนึ่งคน น้องชื่อเพียงฝันครับ เราห่างกันถึงสามปี น้องกำลังจะจบมัธยมต้น บ้านเรามีธุรกิจส่วนตัว แถมยังมีคุณแม่เจ้าระเบียบที่เป็นถึงทนายความอีกด้วย แต่เจ้าระเบียบที่ว่าก็เป็นเฉพาะกับผมเท่านั้นแหละ จะว่ายังไงดีล่ะ ทั้งบ้านแม่เป็นคนเดียวครับที่คอยฉุดรั้งเวลาที่ผมหรือน้องออกนอกเส้นทาง วิธีแสนเลือดเย็นไว้ใช้กับผมส่วนของน้องพ่อจะเป็นคนจัดการแทน
“ไม่ต้องรอนะ วันนี้ผมจะไปบ้านเพื่อน” เอ่ยบอกแม่ที่กำลังจะเข้าครัวเตรียมทำมื้อเย็น
“อย่าลืมไปรับน้องนะ”
“ครับ” ขานรับอย่างเข้าใจก่อนจะเข้าไปสวมกอดแล้วหอมแก้มอย่างเช่นทุกครั้ง
“ให้มันน้อย ๆ หน่อย” ไม่พูดเปล่าพ่อยังรั้งแม่ให้ออกห่างจากผมอีกด้วย
“โธ่พ่อ! นี่แม่ผมนะ”
“แม่มึงแต่เมียกู โตเป็นควายแล้วมาหงมาหอมอยู่อีก” ดูความขี้หวงเถอะครับ เชื่อเขาเลย
“เฮ้อ... พ่อน่าเบื่อจังแต่ไม่เบื่อแม่คนสวยหรอกนะ” ผมว่ายิ้ม ๆ แล้วหอมแก้มแม่อีกครั้ง
“ไอ้นี่!”
“ฮ่า ๆ ไปแล้ว ๆ” ขืนยังกวนประสาทต่อต้องถูกด่าแน่นอน
ช่วงเย็นผมไปรับเพียงฝันอย่างเช่นทุกครั้ง แต่วันนี้ต่างออกไปตรงที่มีรอยเล็บบนใบหน้านี่แหละ
“หนู...”
“ไปคุยกันที่บ้าน”
แน่นอนว่ากลับถึงบ้านก็ถูกพ่อบ่นไปตามระเบียบ... แค่บ่นเท่านั้นแหละ น้องอ้อนหน่อยพ่อก็ใจอ่อนแล้ว ยกเว้นแต่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ เขาก็จะมีวิธีจัดการในแบบของเขา
“แกอีกคน อย่าคิดว่าไม่รู้นะว่าไอ้ที่ไปสักมาเพราะปิดรอยแผลเป็น” ครับ ตามนั้นเลย พ่อผู้ล่วงรู้ความลับของผมแทบทุกอย่าง รวมไปถึงเรื่องหัวใจก็ด้วย “กูกับไอ้โอมเป็นเพื่อนรักกัน มึงจะทำอะไรช่วยนึกถึงตรงนี้ด้วย”
“ผมก็ไม่ได้ทำอะไรนี่”
“กูให้มึงพูดใหม่”
“ผมกับเอิงเอยเราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว เขาเป็นคนเลือกที่จะไปเอง”
“ก็มึงมันหว่านเสน่ห์ไปเรื่อยใครที่ไหนเขาจะอยู่ กูขอแต่ทีแรกแล้วไงว่าอย่านะ แต่พูดกับมึงมันก็เท่านั้นแหละยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ”
“พ่อสบายใจได้ ความสัมพันธ์ของพ่อกับลุงโอมไม่แตกหักกันเพราะผมแน่นอน”
“กูไม่กลัวแตกหักกับไอ้โอมหรอกกูกลัวมึงจะไม่เป็นผู้เป็นคนเพราะการกระทำของตัวเองมากกว่า”
“...”
“ช่างเถอะ! พูดไปมึงก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ไว้เจอคนที่คิดจะรักและอยากอยู่ด้วยจริง ๆ นั่นแหละถึงจะรู้ตัว”
ผมไม่เคยเข้าใจในสิ่งที่พ่อพูดจนกระทั่งใครบางคนผ่านเข้ามาในชีวิต
“สนใจเหรอวะ”
“เปล่า”
“ในโลกนี้มึงโกหกใครก็ได้นะ แต่ไม่ใช่กูที่เป็นเพื่อนสนิทมึง ใครก็ได้ที่ไม่ใช่น้องกู ถือว่ากูขอ...”
“พูดเหี้ยอะไรของมึง กูไม่คิดอะไรสักหน่อย”
“งั้นเหรอ” น้ำเสียงเหมือนไม่เชื่อเอ่ยก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาแล้วพูดต่อ “เราต่างคนต่างเหี้ย มึงเองก็มีน้องสาวหวังว่าคงเข้าใจ”
“เดี๋ยวอย่าเพิ่ง ไอ้มิวสิคมึงต้องใจเย็น ๆ ก่อนนะ ไอ้ปั้นมันไม่ได้อะไรหรอก มึงก็รู้ว่าคนที่มันปักใจอยู่ตอนนี้คือพี่เอิงเอยคนสวย” ไอ้เคมีกระแนะกระแหนขึ้นมาบ้าง ผมไม่ปฏิเสธหรอกนะแต่นั่นมันเมื่อก่อนไง ความสัมพันธ์ของเรามันจบไปแล้วครับ
“ถ้าเมื่อก่อนกูไม่เถียง แต่ตอนนี้กูไม่เชื่อ”
ถึงตอนนี้เริ่มเข้าใจแล้วครับว่าทำไมพ่อถึงห้ามหัวชนฝาเรื่องที่ผมกับเอยคบกัน ความสัมพันธ์ที่ตัดกันแล้วเจ็บที่สุดคงไม่พ้นเพื่อนตัดเพื่อน เพราะทุกคนต่างเลือกคนที่ตัวเองรักอยู่แล้ว ตรงกันข้ามถ้ามันจีบเพียงฝันผมก็คงค้านเหมือนกัน แล้วอีกอย่างเราสนิทกันมากถึงขนาดแค่มองตาก็รู้ใจ มันเป็นยังไงผมก็เป็นแบบนั้นแหละ
แต่แล้ววันหนึ่งทุกอย่างมันกลับไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจไว้เมื่อใครบางคนเริ่มมีอิทธิพลต่อความรู้สึกผม
“ไม่ไปได้ไหมคะ”
“…”
“พี่ไม่ไปกับเขาได้ไหม”
“อย่ารั้งให้เสียเวลาเลย คนที่ไม่คิดจริงจังกับใครเขาหวังแค่ร่างกายอย่างเดียวเท่านั้นแหละ”
“รู้แบบนี้แล้วก็ช่วยบอกน้องมึงด้วยว่าอย่ายุ่งกับกูอีก”
“หนูจะยุ่ง! พี่จะมีใครก็เรื่องของพี่”
“...” ยิ่งพยามห่างเท่าไหร่ทำไมมันเหมือนยิ่งใกล้เท่านั้นนะ
(ผัวะ!)
“กูยังอยากเป็นเพื่อนกับมึงอยู่นะ”
“ไอ้มิวใจเย็น ๆ ฟังมันอธิบายก่อน”
“ต้องฟังอะไรอีกพวกมึงก็เห็น กูเคยขอแล้วไงว่าใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่น้องกู!”
“ฮึก! พี่มิวพอแล้ว หนูต่างหากที่เป็นฝ่ายตามเขา”
“เสียงเพลง!”
“ฮึก...”
“ได้! ถ้าอย่างนั้นก็ได้ งั้นต่อไปนี้มึงเป็นฝ่ายตามน้องกูบ้างก็แล้วกัน”
ประโยคทิ้งท้ายถูกพ่นออกมา แล้วก็เป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้พูดคุยกัน ในที่สุดก็เสียเพื่อนจนได้ แต่ผมไม่โทษใครหรอกนะ ทั้งหมดนี้มันก็พังเพราะการกระทำของผมอย่างที่พ่อเคยเตือนจริง ๆ นั่นแหละ ...
ฉันรู้จุดจบของความสัมพันธ์ครั้งนี้ดีแต่ฉันก็เลือกที่จะอยู่ต่อ
ความรักครั้งก่อนทำเอาฉันสาหัสไม่น้อยเลย มันทำให้ฉันไม่เป็นตัวเองและจมอยู่กับความรู้สึกเดิม ๆ จนกระทั่งเจอใครคนหนึ่ง
“เป็นเด็กเป็นเล็กดื่มอะไรขนาดนั้น” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยก่อนจะนั่งลงตรงที่ว่างข้างฉัน “อกหักหรือไง”
“อือ”
“เจ็บแป๊บเดียวก็หายแล้วไม่ตายง่าย ๆ หรอก” คำปลอบใจไร้ซึ่งความอ่อนโยนถูกเอ่ยออกมาก่อนจะแย่งเครื่องดื่มในมือฉันไปดื่มจนหมด “อกหักเขาไม่ร้องไห้กันหรอกนะ เขาเริ่มต้นใหม่กันทั้งนั้นแหละ”
“เริ่มต้นใหม่เหรอคะ” ใช่ค่ะ ฉันเริ่มต้นใหม่จริง ๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนส่วนใหญ่ถึงหวั่นไหวง่ายตอนที่กำลังเสียใจ เพราะใครอีกคนเข้ามาทำให้รู้สึกว่าตัวเรามีค่ากับเขาไง
ความสัมพันธ์ของเราไม่มีชื่อเรียก เขาไม่บอกใคร ส่วนฉันก็บอกใครไม่ได้ เป็นความสัมพันธ์ที่รู้กันแค่สองคนจริง ๆ ค่ะ
ชื่อเสียงเรียงนามของเขาฉันได้ยินมาหนาหูพอสมควร แต่ก็เลือกที่จะมองข้ามแล้วมีความสุขกับพื้นที่เล็ก ๆ ของตัวเอง ตราบใดที่เขายังไม่เรียกใครว่าแฟนฉันก็ถือว่าฉันยังมีสิทธิ์ค่ะ
ตลอดระยะเวลาสามปีฉันมีความสุขมากกับความสัมพันธ์ครั้งนี้มาก มากจนไม่คิดว่าจะได้ใช้ประโยคปลอบใจของเขากับตัวเองอีกครั้ง
“คนเดียวที่ผมรักมีแค่เอย...”
“...” คนเดียวในใจเขาก็ยังคงเป็นรักแรกของเขาอยู่ดี ขณะที่ฉันมีแค่เขาทั้งหัวใจ
“พี่เคยเตือนแล้วไม่ใช่เหรอ” ประโยคหวังดีถูกเอ่ยออกมาจากปากของพี่ชายฉัน “ทำไมเราถึงดื้อดึงแบบนี้”
“ฮึก...”
และแล้วทุกอย่างก็กลับสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง แต่คราวนี้หัวใจของฉันกลับบอบช้ำกว่าเดิมซะอีก อาจเป็นเพราะยังเด็กเลยไม่เข้าใจว่าความรักที่ดีมันเป็นยังไง ผู้ชายที่ดีมันเป็นแบบไหน หรือเป็นฉันเองที่ไม่ดีพอ ...
หลังจากเรื่องราวครั้งนั้นจบลง ฉันก็ทรยศความซื่อสัตย์ของตัวเองด้วยการไม่จริงจังกับใคร มันแปลกที่ฉันไม่พบความสุขในช่วงเวลานั้นเลย แต่ทำไมเขาทำแล้วมีความสุขล่ะ
“พี่ขอโทษ”
“เก็บคำขอโทษของพี่ไว้ใช้กับคนที่พี่รักเถอะ”
“...”