จบ My love ไม่คิดว่าจะรัก
49
ตอน
27.5K
เข้าชม
158
ถูกใจ
145
ความคิดเห็น
143
เพิ่มลงคลัง
คำเตือนเนื้อหา
คำเตือนเกี่ยวกับเนื้อหาในเรื่องอาจมีการสปอยล์ถึงเนื้อเรื่องหลัก
ไม่คิดว่าจะรัก หมายความว่าจะรักตลอดไป ...

“กำปั้น น่ารักแค่ชื่อเท่านั้นแหละ”  

“แม่พูดแบบนี้อีกแล้วนะ”  

“ทำไม?” 

“เปล่าครับ”  

ในโลกใบนี้จะเก่งกับใครก็ได้ยกเว้นแม่ ฟังไม่ผิดครับ คนที่น่ากลัวที่สุดสำหรับผมไม่ใช่พ่ออย่างที่ใคร ๆ คิดหรอกแต่เป็นคุณแม่คนสวยต่างหาก แม้แต่พ่อที่ว่าแน่ก็ยังต้องฟังแม่เลย  

“เรื่องฝึกงานไปถึงไหนแล้ว”  

“อีกสองอาทิตย์เริ่มครับ”  

“แล้วจะเรียนต่อไหม” 

“เรียนครับ ต่อปวส.นั่นแหละ”  

“อืม” ผมกำลังจะจบปวช.สาขาวิชาช่างอิเล็กทรอนิกส์ เหลือฝึกงานแค่นั้นเอง “เรื่องผู้หญิงให้มันเบา ๆ หน่อยนะ” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยก่อนจะปรายตามองผมเล็กน้อย  

“โทษทีพอดีลูกชายพ่อมันหล่อ”  

“หล่อให้ดีแล้วกัน ไม่ใช่อยู่ดี ๆ กูมีหลานแบบไม่ทันตั้งตัวล่ะ” 

“ผมป้องกันอย่างดีพ่อสบายใจได้”  

“เออ” 

ครอบครัวเราคุยกันได้ทุกเรื่องครับ พ่อกับแม่ไม่เคยห้ามไม่ว่าผมจะทำอะไร มีเรื่องชกต่อยบ้างตามประสาก็ไม่เคยด่า พ่อบอกว่าเกิดมาทั้งทีต้องใช้ชีวิตให้คุ้ม ผิดถูกเป็นยังไงเรียนรู้เอาเอง ทุกอย่างมีเหตุก็ต้องมีผลเมื่อทำลงไปแล้วก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมาให้ได้ด้วย อีกอย่างบ้านไม่ใช่แค่สถานที่แต่บ้านคือความรู้สึก  

ผมมีน้องสาวหนึ่งคน น้องชื่อเพียงฝันครับ เราห่างกันถึงสามปี น้องกำลังจะจบมัธยมต้น บ้านเรามีธุรกิจส่วนตัว แถมยังมีคุณแม่เจ้าระเบียบที่เป็นถึงทนายความอีกด้วย แต่เจ้าระเบียบที่ว่าก็เป็นเฉพาะกับผมเท่านั้นแหละ จะว่ายังไงดีล่ะ ทั้งบ้านแม่เป็นคนเดียวครับที่คอยฉุดรั้งเวลาที่ผมหรือน้องออกนอกเส้นทาง วิธีแสนเลือดเย็นไว้ใช้กับผมส่วนของน้องพ่อจะเป็นคนจัดการแทน 

“ไม่ต้องรอนะ วันนี้ผมจะไปบ้านเพื่อน” เอ่ยบอกแม่ที่กำลังจะเข้าครัวเตรียมทำมื้อเย็น  

“อย่าลืมไปรับน้องนะ” 

“ครับ” ขานรับอย่างเข้าใจก่อนจะเข้าไปสวมกอดแล้วหอมแก้มอย่างเช่นทุกครั้ง 

“ให้มันน้อย ๆ หน่อย” ไม่พูดเปล่าพ่อยังรั้งแม่ให้ออกห่างจากผมอีกด้วย 

“โธ่พ่อ! นี่แม่ผมนะ” 

“แม่มึงแต่เมียกู โตเป็นควายแล้วมาหงมาหอมอยู่อีก” ดูความขี้หวงเถอะครับ เชื่อเขาเลย 

“เฮ้อ... พ่อน่าเบื่อจังแต่ไม่เบื่อแม่คนสวยหรอกนะ” ผมว่ายิ้ม ๆ แล้วหอมแก้มแม่อีกครั้ง 

“ไอ้นี่!” 

“ฮ่า ๆ ไปแล้ว ๆ” ขืนยังกวนประสาทต่อต้องถูกด่าแน่นอน  

ช่วงเย็นผมไปรับเพียงฝันอย่างเช่นทุกครั้ง แต่วันนี้ต่างออกไปตรงที่มีรอยเล็บบนใบหน้านี่แหละ 

“หนู...” 

“ไปคุยกันที่บ้าน”  

แน่นอนว่ากลับถึงบ้านก็ถูกพ่อบ่นไปตามระเบียบ... แค่บ่นเท่านั้นแหละ น้องอ้อนหน่อยพ่อก็ใจอ่อนแล้ว ยกเว้นแต่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ เขาก็จะมีวิธีจัดการในแบบของเขา 

“แกอีกคน อย่าคิดว่าไม่รู้นะว่าไอ้ที่ไปสักมาเพราะปิดรอยแผลเป็น” ครับ ตามนั้นเลย พ่อผู้ล่วงรู้ความลับของผมแทบทุกอย่าง รวมไปถึงเรื่องหัวใจก็ด้วย “กูกับไอ้โอมเป็นเพื่อนรักกัน มึงจะทำอะไรช่วยนึกถึงตรงนี้ด้วย”  

“ผมก็ไม่ได้ทำอะไรนี่” 

“กูให้มึงพูดใหม่” 

“ผมกับเอิงเอยเราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว เขาเป็นคนเลือกที่จะไปเอง” 

“ก็มึงมันหว่านเสน่ห์ไปเรื่อยใครที่ไหนเขาจะอยู่ กูขอแต่ทีแรกแล้วไงว่าอย่านะ แต่พูดกับมึงมันก็เท่านั้นแหละยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ”  

“พ่อสบายใจได้ ความสัมพันธ์ของพ่อกับลุงโอมไม่แตกหักกันเพราะผมแน่นอน”  

“กูไม่กลัวแตกหักกับไอ้โอมหรอกกูกลัวมึงจะไม่เป็นผู้เป็นคนเพราะการกระทำของตัวเองมากกว่า” 

“...” 

“ช่างเถอะ! พูดไปมึงก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ไว้เจอคนที่คิดจะรักและอยากอยู่ด้วยจริง ๆ นั่นแหละถึงจะรู้ตัว”  

ผมไม่เคยเข้าใจในสิ่งที่พ่อพูดจนกระทั่งใครบางคนผ่านเข้ามาในชีวิต 

“สนใจเหรอวะ”  

“เปล่า”  

“ในโลกนี้มึงโกหกใครก็ได้นะ แต่ไม่ใช่กูที่เป็นเพื่อนสนิทมึง ใครก็ได้ที่ไม่ใช่น้องกู ถือว่ากูขอ...” 

“พูดเหี้ยอะไรของมึง กูไม่คิดอะไรสักหน่อย”  

“งั้นเหรอ” น้ำเสียงเหมือนไม่เชื่อเอ่ยก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาแล้วพูดต่อ “เราต่างคนต่างเหี้ย มึงเองก็มีน้องสาวหวังว่าคงเข้าใจ” 

“เดี๋ยวอย่าเพิ่ง ไอ้มิวสิคมึงต้องใจเย็น ๆ ก่อนนะ ไอ้ปั้นมันไม่ได้อะไรหรอก มึงก็รู้ว่าคนที่มันปักใจอยู่ตอนนี้คือพี่เอิงเอยคนสวย” ไอ้เคมีกระแนะกระแหนขึ้นมาบ้าง ผมไม่ปฏิเสธหรอกนะแต่นั่นมันเมื่อก่อนไง ความสัมพันธ์ของเรามันจบไปแล้วครับ 

“ถ้าเมื่อก่อนกูไม่เถียง แต่ตอนนี้กูไม่เชื่อ” 

ถึงตอนนี้เริ่มเข้าใจแล้วครับว่าทำไมพ่อถึงห้ามหัวชนฝาเรื่องที่ผมกับเอยคบกัน ความสัมพันธ์ที่ตัดกันแล้วเจ็บที่สุดคงไม่พ้นเพื่อนตัดเพื่อน เพราะทุกคนต่างเลือกคนที่ตัวเองรักอยู่แล้ว ตรงกันข้ามถ้ามันจีบเพียงฝันผมก็คงค้านเหมือนกัน แล้วอีกอย่างเราสนิทกันมากถึงขนาดแค่มองตาก็รู้ใจ มันเป็นยังไงผมก็เป็นแบบนั้นแหละ  

แต่แล้ววันหนึ่งทุกอย่างมันกลับไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจไว้เมื่อใครบางคนเริ่มมีอิทธิพลต่อความรู้สึกผม 

“ไม่ไปได้ไหมคะ” 

“…” 

“พี่ไม่ไปกับเขาได้ไหม” 

“อย่ารั้งให้เสียเวลาเลย คนที่ไม่คิดจริงจังกับใครเขาหวังแค่ร่างกายอย่างเดียวเท่านั้นแหละ”  

“รู้แบบนี้แล้วก็ช่วยบอกน้องมึงด้วยว่าอย่ายุ่งกับกูอีก”  

“หนูจะยุ่ง! พี่จะมีใครก็เรื่องของพี่”  

“...” ยิ่งพยามห่างเท่าไหร่ทำไมมันเหมือนยิ่งใกล้เท่านั้นนะ  

(ผัวะ!) 

“กูยังอยากเป็นเพื่อนกับมึงอยู่นะ” 

“ไอ้มิวใจเย็น ๆ ฟังมันอธิบายก่อน”  

“ต้องฟังอะไรอีกพวกมึงก็เห็น กูเคยขอแล้วไงว่าใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่น้องกู!” 

“ฮึก! พี่มิวพอแล้ว หนูต่างหากที่เป็นฝ่ายตามเขา” 

“เสียงเพลง!” 

“ฮึก...” 

“ได้! ถ้าอย่างนั้นก็ได้ งั้นต่อไปนี้มึงเป็นฝ่ายตามน้องกูบ้างก็แล้วกัน”  

ประโยคทิ้งท้ายถูกพ่นออกมา แล้วก็เป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้พูดคุยกัน ในที่สุดก็เสียเพื่อนจนได้ แต่ผมไม่โทษใครหรอกนะ ทั้งหมดนี้มันก็พังเพราะการกระทำของผมอย่างที่พ่อเคยเตือนจริง ๆ นั่นแหละ ... 

ฉันรู้จุดจบของความสัมพันธ์ครั้งนี้ดีแต่ฉันก็เลือกที่จะอยู่ต่อ 

ความรักครั้งก่อนทำเอาฉันสาหัสไม่น้อยเลย มันทำให้ฉันไม่เป็นตัวเองและจมอยู่กับความรู้สึกเดิม ๆ จนกระทั่งเจอใครคนหนึ่ง 

“เป็นเด็กเป็นเล็กดื่มอะไรขนาดนั้น” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยก่อนจะนั่งลงตรงที่ว่างข้างฉัน “อกหักหรือไง” 

“อือ” 

“เจ็บแป๊บเดียวก็หายแล้วไม่ตายง่าย ๆ หรอก” คำปลอบใจไร้ซึ่งความอ่อนโยนถูกเอ่ยออกมาก่อนจะแย่งเครื่องดื่มในมือฉันไปดื่มจนหมด “อกหักเขาไม่ร้องไห้กันหรอกนะ เขาเริ่มต้นใหม่กันทั้งนั้นแหละ”  

“เริ่มต้นใหม่เหรอคะ” ใช่ค่ะ ฉันเริ่มต้นใหม่จริง ๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนส่วนใหญ่ถึงหวั่นไหวง่ายตอนที่กำลังเสียใจ เพราะใครอีกคนเข้ามาทำให้รู้สึกว่าตัวเรามีค่ากับเขาไง  

ความสัมพันธ์ของเราไม่มีชื่อเรียก เขาไม่บอกใคร ส่วนฉันก็บอกใครไม่ได้ เป็นความสัมพันธ์ที่รู้กันแค่สองคนจริง ๆ ค่ะ  

ชื่อเสียงเรียงนามของเขาฉันได้ยินมาหนาหูพอสมควร แต่ก็เลือกที่จะมองข้ามแล้วมีความสุขกับพื้นที่เล็ก ๆ ของตัวเอง ตราบใดที่เขายังไม่เรียกใครว่าแฟนฉันก็ถือว่าฉันยังมีสิทธิ์ค่ะ 

ตลอดระยะเวลาสามปีฉันมีความสุขมากกับความสัมพันธ์ครั้งนี้มาก มากจนไม่คิดว่าจะได้ใช้ประโยคปลอบใจของเขากับตัวเองอีกครั้ง  

“คนเดียวที่ผมรักมีแค่เอย...” 

“...” คนเดียวในใจเขาก็ยังคงเป็นรักแรกของเขาอยู่ดี ขณะที่ฉันมีแค่เขาทั้งหัวใจ 

“พี่เคยเตือนแล้วไม่ใช่เหรอ” ประโยคหวังดีถูกเอ่ยออกมาจากปากของพี่ชายฉัน “ทำไมเราถึงดื้อดึงแบบนี้” 

“ฮึก...” 

และแล้วทุกอย่างก็กลับสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง แต่คราวนี้หัวใจของฉันกลับบอบช้ำกว่าเดิมซะอีก อาจเป็นเพราะยังเด็กเลยไม่เข้าใจว่าความรักที่ดีมันเป็นยังไง ผู้ชายที่ดีมันเป็นแบบไหน หรือเป็นฉันเองที่ไม่ดีพอ ... 

หลังจากเรื่องราวครั้งนั้นจบลง ฉันก็ทรยศความซื่อสัตย์ของตัวเองด้วยการไม่จริงจังกับใคร มันแปลกที่ฉันไม่พบความสุขในช่วงเวลานั้นเลย แต่ทำไมเขาทำแล้วมีความสุขล่ะ  

“พี่ขอโทษ” 

“เก็บคำขอโทษของพี่ไว้ใช้กับคนที่พี่รักเถอะ” 

“...” 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (2)

5.0

ของรีวิวบอกว่าคุ้มค่ากับการอ่าน