คีรินลืมตาตื่นมาพบบุรุษหล่อเหลากำลังลุกออกจากเตียงไปด้วยร่างกายเปลือยเปล่า เขาคือตัวร้ายของนิยายเรื่องหนึ่งที่ตนเองเคยอ่าน คนผู้นั้นคือขุนเขา และตัวเราคือคีริน ตัวละครใช้แล้วทิ้งคนหนึ่งที่อีกฝ่ายกกด้วยหลายวันก่อนเฉดหัวทิ้งไปอย่างไม่ใยดี
ในใจขุนเขาย่อมมีแต่นายเอกอยู่เต็มหัวใจ
ช่างสิ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขาเลย คีรินไม่ใช่ตัวหลัก จำได้ว่าตัวร้ายให้คอนโดที่กำลังอยู่แก่เขา รถหนึ่งคัน และเงินสามล้านเหมือนตอนบริษัทปลดพนักงานออก จะไปยากอะไร ก็แค่ออกมาจากตัวหลักของเรื่องก็สบายแล้ว ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกันอีก สุดแต่พ่อตัวร้ายจะไปรักใครก็ไม่สน
ดั่งคำกล่าวที่ว่า ใครตายช่างมัน
ตอนนี้ก็รอแค่พ่อหนุ่มคนนั้นกลับมาที่นี่อีกครั้ง นั่งรอคอยคนรวยเจ้าพ่อมาเฟียเอาเงินมาฟาดหัวจากนั้นคีรินก็จะร้องไห้สักหน่อยแล้วหอบเงินเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ขายคอนโดย้ายไปอยู่ไกลๆจากตัวเอกทั้งหลาย
สมองอันชาญฉลาดของเขานี่มัน ล้ำเลิศแท้
ขณะที่กำลังหาทางออกให้ตัวเองอยู่นั้นพ่อตัวร้ายก็มาหาที่ห้องตามเนื้อเรื่อง แต่กลับไม่ได้มาคนเดียว ในอ้อมแขนมีเด็กคนหนึ่งนอนหลับอยู่ทั้งน้ำตา คีรินจำไม่ได้ว่าในนิยายมีฉากนี้อยู่ ทั้งยามจดจ้องใบหน้าตัวร้ายเองก็มีร่องรอยการร้องไห้หลงเหลืออยู่เช่นกัน
“รินทร์ ช่วยเฮียเลี้ยงเขาหน่อย”
“ชิบหาย”
@@@
ภูผามองพี่รินทร์ที่หลับอยู่บนตักอาขุนนิ่งๆ มือเล็กอยากปลุกพี่รินทร์มาเล่นด้วยก็ถูกคุณอาห้ามเอาไว้
“พี่รินทร์เหนื่อยพี่ภูให้พี่รินทร์พักก่อนครับ” ขุนเขาดึงหลานชายมานั่งบนขาอีกข้างที่ว่างอยู่ ก่อนเด็กน้อยวัยสามขวบจะยื่นตัวกระซิบกระซาบกับคุณอาแทนกลัวรบกวนพี่รินทร์เข้า
“พี่รินทร์เหนื่อยเพราะอาขุนหรอ”
“ครับ เพราะพี่ภูด้วย”
“เราสองคนเลยนี่นาอาขุน”
“หึ” ขุนเขาหัวเราะในลำคอกระชับกอดร่างบางเอาไว้ มืออีกข้างก็จับหลานชายนั่งดีๆในขณะที่ภูผากำลังเจาะกล่องนมกินเอง