สังเวียนเสน่หา
37
ตอน
14.9K
เข้าชม
12
ถูกใจ
0
ความคิดเห็น
44
เพิ่มลงคลัง
ปานนิลเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกยายเก็บจากกองขยะมาชุบเลี้ยง แต่เมื่อยายจากไป... เธอก็ถูกขายขาดให้กับเจ้าของอาณาจักรใต้พิภพ ที่นั่น...เธอได้พบกับเขา ผู้ที่มีปมปูมหลังเจ็บปวดไม่ต่างกัน

 

 

🍒🍒สังเวียนเสน่หา วางขายแล้วจ้า 

🍒🍒อยู่ในช่วงจัดโปรโมชั่นแม่จ๋า 

✅✅จากราคาปก 299 บาท 

✅✅ช่วงจัดโปรฯ 179 บาท  

จัดโปรฯ จนถึงสิ้นเดือนนี้นะคะสาวๆ  

 

ดึกแล้วคุณจะมา...รีบหน่อย” 

“จะรีบไปไหนล่ะป้ากรอง ยังไงคุณเขาก็ต้องรออยู่แล้ว” สาวสวยตอบอย่างมีจริตก้าน เธอยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ ในห้องแต่งตัวอันหรูหราโอ่อ่า ในขณะที่หญิงต่างวัยในชุดซ่อมซ่อกำลังจัดแจงเสื้อผ้าตัวสวยให้      

   “...” กรองแก้วเหลือบมองเจ้าจองวาจานั้นแล้วได้แต่ถอนหายใจ นางก้มหน้าก้มตารูดซิปให้กับร่างงามระหงจนสุดทาง แล้วจึงผละออกมา

         “เด็กคนอื่นๆ ยังไม่เห็นมาเลย จะรีบไปทำไมกัน เฮ้อ...” เมื่อแต่งตัวแต่งหน้าเสร็จ เธอก็เดินนวยนาดไปนั่งไขว่ห้างตรงเคาน์เตอร์บาร์ แล้วหยิบไวน์ขึ้นมาจิบ สายตาก็มองไปยังใครอีกคนอย่างเหยียดๆ เพราะไม่ค่อยคุ้นหน้า

         “วันนี้มีกันแค่สองคน เฉพาะคุณลีโอกับคุณเคียร์”

         “อ้าว...ตายจริง แล้วคุณคนอื่นๆ ล่ะ ไปไหนกันหมด” คราวนี้เธอขยับหันมาหากรองทองตั้งตัว สีหน้าดูจริงจังกับคำตอบที่รอคอย

         “ไปมัลดีฟส์...เห็นว่ามีนัดพิเศษที่โน่นกว่าจะกลับก็คงอีกสองสามวัน” นางตอบอย่างเสียไม่ได้

         “อ้อ...คุณลีโอนี่ก็หวงคุณเคียร์จนน่าสงสัยว่าไหมป้า ไม่ยอมให้ออกไปลงสนามที่ไหนเลย ทั้งที่คนอื่นก็ได้ออกโชว์ตัวทั่วโลก”                                                                                    “อ้าวเธอ...พี่เขาแต่งตัวเสร็จแล้วก็ลุกมาสิ จะได้เสร็จๆ สักที” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยขึ้น มองไปทางอีกด้านที่มีร่างเล็กอีกนาง นั่งอยู่ตรงชุดโซฟาหัวมุม ไม่ได้นึกสนใจจนสนทนาต่อ

         เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม ถูกอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณมาอย่างดี เหลือแต่เพียงประทินโฉมด้วยเสื้อผ้าหน้าผมให้มีเสน่ห์เพิ่มพูน แล้วจึงจะได้เวลาส่งตัวไปทำภารกิจที่ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถเยื้องกรายเข้ามาได้ง่ายๆ

         “หนู...อยากกลับบ้าน” เธอว่า

         “ชื่ออะไรน่ะเรา...ไม่ต้องกลัวหรอก อยู่ที่นี่มีแต่จะสุขสบาย เดี๋ยวก็ชินเอง”

         “ฮันนี่ ไปออกไปก่อนได้เลยนะ การ์ดของคุณเคียร์รออยู่ข้างนอกแล้ว” กรองทองหันไปบอกกับหญิงสาวในชุดเดรสสายเดี่ยวสีแดงเพลิง ผมสีทองของเธอยาวตรงไปถึงกลางหลัง ดูสลวยมีความทันสมัย

         “เหอะ...ก็แค่อยากชวนคุยให้เด็กมันผ่อนคลาย” เธอหันไปแบะปากใส่แม่บ้าน ซึ่งมีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยให้กับบรรดาผู้หญิงที่จะผ่านเข้ามาในฮาเร็มของลีโอนาร์ท พวกเธอจะถูกคัดมาเป็นพิเศษ และไม่ได้รับแขกวีไอพีเหมือนหญิงสาวที่เข้ามาทำงานคนอื่น แต่เพื่อเป็นเพื่อนแก้เหงาให้กับบรรดาลูกๆ ของเขาเท่านั้น

         และหากถูกอกถูกใจ สาวสวยบางคนก็ถูกเกณฑ์ไว้สำหรับเขาเป็นพิเศษ แต่จะมีข้อแม้ว่าผู้หญิงของใครก็ต้องเป็นของคนคนนั้น ไม่มีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกัน และไม่ผูกขาดกับนางใด หากเบื่อก็แค่สั่งคนใหม่เข้ามา หญิงสาวในฮาเร็มแห่งนี้จึงมีมากหน้าหลายตา

         เมื่อผ่านเข้ามาแล้วออกไป...ไม่เคยมีหญิงใดสามารถรั้งเสน่หาจนได้กลับมาเยือนซ้ำ...

         เหมือนสายน้ำที่ไม่เคยได้ไหลย้อนคืน แม้ว่าเวลาจะผันผ่านไปนานเท่านานแค่ไหนก็ตาม

         “มานี่เถอะแม่หนู...ฉันจะช่วยเปลี่ยนผ้าให้ แล้วชื่ออะไรล่ะเนี่ย ถามก็ไม่บอกไม่กล่าว” แม่บ้านวัยกลางคนกลอกตามองสำรวจเด็กสาวผู้มาใหม่ เธอมีท่าทีระแวงหวาดกลัว เหมือนๆ กับคนอื่นหลายคนก่อนหน้า

         แต่สักพัก...ทุกอย่างก็จะพลิกผัน แสง สี และเงินตรา สามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในโลกล้า ไม่เว้นแต่จิตสำนึกของผู้คน

         “หนูชื่อนิล...ป้าจ๋า ป้าช่วยพาหนูออกไปจากที่นี่ได้ไหม หนูไม่อยากกลับไปหายาย” เธอกล่าวเสียงสั่น พลางยกมือไหว้งกๆ เพื่อร้องขอความเมตตา

         แต่หญิงวัยกลางคนก็ได้แค่ถอนหายใจแล้วส่ายหน้าระอา...

         “เพิ่งเข้ามาก็ถูกเรียกตัว ถือว่าโชคดีนะเรา ถ้าเป็นคนอื่นต้องอบรมกันอีกเป็นเดือนๆ กว่าจะได้เริ่มงาน” นางว่าพลางเข้าไปจับมือแล้วดึงให้อีกฝ่ายลุกจากโซฟา

         “หนูถูกหลอก ป้าปล่อยหนูกลับบ้านเถอะนะจ๊ะ”

         “โอ๊ย! วุ่นวาย นี่เธอ น้ำเน่าไปหรือเปล่ายะ ที่นี่ที่ไหนรู้หรือเปล่า มีแต่คนอยากจะเข้ามาแต่ไม่มีปัญญา ไม่เคยเห็นใครที่ไหนจะถูกบังคับ จะเรียกราคาหรือไง ไม่ใช่ซ่องปลายนานะจะบอกให้ วิธีโก่งค่าตัวแบบบ้านๆ มันใช้ไม่ได้ผลหรอกย่ะ!” ฮันนี่พูดไปหัวเราะไปด้วยท่าทีสมเพชผู้มาใหม่

         สำหรับเธอแล้ว...สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติธรรมดา คือการใช้ชีวิตประจำวันทั่วๆ ไป จึงเป็นเรื่องตลกขบขันมากเมื่อได้เห็นใครสักคนทำตัวแปลกแยก เพราะไม่คุ้นชินเอาเสียเลย

         “ป้า...ป้าเชื่อหนูนะคะ หนูโดนหลอกมาขายจริงๆ” เด็กสาวหันรีหันขวางมองคนนั้นทีคนนี้ที ก็ตัดสินใจเจรจากับผู้ที่เธอมองว่าน่าจะมีจิตเมตตาอยู่บ้าง

         “มากับฉัน เดี๋ยวจะพาไปเปลี่ยนผ้า...อย่าดื้อ แล้วทุกอย่างจะดีเอง” สีหน้าของกรองทองยังคงนิ่งเฉย นางทำงานที่นี่มามากกว่าสิบปี ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมผ่านหูผ่านมานางมาหมด และเคยรับมือกับปัญหาน้อยใหญ่มานักต่อนักแล้ว

         “หนูจะกลับไปหายาย ตอนนี้ยายตายแล้วศพยังไม่ได้เผาเลย ขอหนูกลับไปเผาศพยายเถอะนะจ๊ะ” พูดพลาง เธอก็ร้องไห้ไปพลาง รันทดกับความเลวร้ายที่ต้องเผชิญอย่างไม่มีทางได้เลือก

         “ลืมทุกอย่างที่เคยผ่านมาเสียแม่หนู เชื่อป้านะ ต่อไปนี้หนูจะมีชีวิตใหม่ที่นี่” กรองทองกึ่งลากกึ่งจูงเด็กสาวพาเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าซึ่งแขวนชุดสวยๆ เอาไว้มากมาย

         โดยมีสายตาของฮันนี่มองตามด้วยความดูถูกดูแคลน “จะไปพูดดีกับมันทำไมป้ากรอง ก็อีแค่เด็กใหม่ รีบประทินโฉมเข้าเถอะ เดี๋ยวคุณลีโอนาร์ทจะโกรธป้าเอาอีกนา...”

         “ไม่ใช่เรื่องของเธอนะฮันนี่ ไม่อยากอยู่ก็ออกไปก่อนได้เลย ยังไงคนที่เธอต้องไปหาคือคุณเคียร์ ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณลีโอนาร์ทอยู่แล้ว” กรองทองเอ่ยปาก

         “ก็รู้อยู่ถ้าคุณเคียร์ยังไม่เรียกแล้วเสนอหน้าไป มันจะเป็นยังไง ป้าก็อย่าคะยั้นคะยอฉันนักเลย ยังไม่อยากถูกเขี่ยทิ้ง” ฮันนี่บุ้ยปาก แล้วก็ยกไวน์ตรงหน้าขึ้นดื่ม เบื่อจะแยแสป้าแก่ๆ ขี้บ่น แม้จะไม่ได้เจอกันบ่อยนักก็ตามเถอะ

         “ป้า...ป้าคะ...” เด็กสาวส่ายหน้าด้วยแววตาอ้อนวอน เมื่อหญิงวัยกลางคนเริ่มจัดแจงจะถอดเสื้อผ้าให้เธอ

         “อยู่นิ่งๆ ไม่ต้องอายหรอก เดี๋ยวก็ชิน” นางว่า ทำทุกอย่างด้วยความรวดเร็วดั่งผู้ชำนาญการ โดยที่เด็กสาวได้แต่ใช้มือปกปิดความเปลือยเปล่าของตัวเอง

         “อย่ามองนะคะป้า หนูอาย...” เธอว่า พลางก้มงุด ถึงแม้จะเป็นผู้หญิงด้วยกัน แต่การต้องแก้ผ้าต่อหน้าผู้อื่นก็ไม่ใช่เรื่องปกติวิสัย ซึ่งแน่นอน...กรองทองไม่ได้ใส่ใจ นางจับเธอหันหลังเพื่อจะใช้ผ้าขนหนูที่ถืออยู่คลุมให้

         “อะไรเนี่ย” เสียงอุทานพึมพำ ทำให้ร่างเล็กหันกลับไปหานางแล้วคว้าผ้าขนหนูมาพันตัวเอาไว้

         “มันน่าเกลียดใช่ไหมคะ...ป้าให้หนูกลับบ้านเถอะนะ หนูเป็นแบบนี้ ใครจะอยากอยู่ใกล้หนู” สองมือกุมปมผ้าขนหนูเอาไว้ น้ำตาก็ร่วงเผาะ คิดเพียงว่าจะเอาตัวรอดไปจากที่นี่ได้อย่างไร

         ในเมื่อ...เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคือที่ไหน

         “เธอ...” กรองทองพลิกหันหลังร่างเล็กอีกรอบ แล้วดึงผ้าออกพอให้เห็นตำนิที่ประทับอยู่บนแผ่นหลังเด็กสาว

         “ตายแล้ว...ใครเอาของมีตำหนิมาให้คุณลีโอนาร์ทเนี่ย ป้ากรอง...เห็นที่จะซวยอีกแล้วนะเนี่ย”

         “หุบปากซะที” กรองทองหันไปตวาดใส่ฮันนี่ แล้วดึงตัวเด็กสาวซึ่งตัวเองต้องดูแลขัดสีฉวีวรรณแต่งองค์ทรงเครื่องเพื่อส่งไปให้ปรนนิบัติผู้เป็นนายใหญ่

         “แหม่...” มิวายที่ฮันนี่จะหัวเราะเยาะอย่างอารมณ์ดี เพราะใครๆ ก็รู้ว่าหากลีโอนาร์ทถูกขัดใจ มันคือหายนะ และกรองทองกับเธอก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาเสมอ นางเป็นคนแปลกๆ แต่ก็มีอิทธิพลในนี้พอสมควร ทั้งๆ ที่เรียกได้ว่าเป็นแค่ ‘ขี้ข้า’

         “หนูนิล ทำไมหลังหนูเป็นแบบนี้”

         “เป็นมาตั้งแต่เกิดค่ะ หมอบอกต้องใช้เงินเยอะก็เลยไม่รักษา” เธอว่า สายตามองพื้น หัวใจเต้นสั่นด้วยไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องเผชิญชะตากรรมเลวร้ายอย่างไรต่อไป

         “ไม่น่าเลย...ไม่น่าเลยจริงๆ”

         “ถ้าเอาเข้าไปมีหวัง คุณลีโอคงได้ยิงหัวทิ้งทั้งป้าทั้งเด็กนิลนี่แน่ๆ” ฮันนี่ยังคงเย้ยหยันอย่าไม่แคร์สายตาดุๆ ของกรองทองที่มองมาด้วยความโมโห

         “คุณเคียร์ยังไม่เรียกตัวใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นเธอก็นั่งรอไปก่อนนะ ฉันจะพานังหนูนี่ไปอาบน้ำเตรียมตัว”

         “ป้ายังจะดื้อด้านให้เด็กนี่ไปพบคุณลีโอเหรอ คุณลีโอน่ะต้องการแต่เด็กสาวๆ สวยๆ เท่านั้น ไม่ใช่คนผิดปกติแบบนี้” เสียงของฮันนี่พูดเจื้อยแจ้วตามหลังไป ในขณะที่กรองทองลากตัวปานนิลเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในห้องน้ำ

         “ฉันล่ะปวดหัวจริงๆ ใครกันที่มันปล่อยให้เธอรอดเข้ามาได้” เมื่ออยู่กันสองคนในห้องน้ำอันโอ่อ่า กรองทองก็ถึงกับกุมขมับด้วยอาการเครียด

         สิ่งที่ฮันนี่กล่าวมานั้นไม่ได้ผิดเลย นางเป็นคนดูแลเรื่องผู้หญิงให้กับบรรดาเจ้านายของที่นี่มานาน ย่อมรู้ว่าใครคนไหนมีรสนิยมอย่างไร รวมถึงนายใหญ่อย่างลีโอนาร์ท ที่เขานั้นปรารถนาเพียงเด็กสาววัยขบเผาะ ปราศจากซึ่งราคีและประสบการณ์

         ซึ่งใครๆ ก็อยากเสนอตัวให้ด้วยความยินดี...เพราะลีโอนาร์ทไม่เคยใจร้ายกับสาวๆ ของเขา ทุกคนจะได้รับของกำนัลมหาศาล ยิ่งทำตัวน่ารักน่าเอ็นดู ก็ยิ่งจะเป็นที่เสน่หา ชนิดที่ว่าเมื่อถึงวันที่หนุ่มใหญ่เบื่อหน่าย ก็ยังมีเงินทองติดตัวมีกินมีใช้ไปทั้งชาติ

         แต่ดูเหมือนปานนิลจะไม่ได้ถูกปลูกฝังมาอย่างนั้น เธอไม่ได้ปรารถนาในของมีค่าที่แม่เล้าเพียรเป่าหูก่อนจะพาตัวเข้ามาที่นี่ จิตสำนึกของเธอยังโหยหาอิสรภาพมากกว่าความสุขสบาย อาจเพราะยังเป็นเด็กนักจึงไม่ประสา อีกทั้งถิ่นที่มาก็ไม่ได้ศรีวิไล จนความทะเยอทะยานไม่อาจกัดเซาะครอบงำ

         “ป้าคะ...หนูไหว้ล่ะ ขอให้หนูออกไปจากที่นี่เถอะค่ะ ยายหนูเพิ่งตาย ศพยังไม่ทันเผา พ่อกับแม่ก็ขายหนูให้กับใครก็ไม่รู้แล้วพามาที่นี่” เล่าไปพลางน้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลพลาง ความเสียอกเสียใจมันท่วมท้นออกมาราวกับหัวใจกำลังกลัดหนองกับสิ่งที่ต้องพบต้องเจอ

         ยายผู้เป็นที่รักต้องมาจากไปอย่างไม่อาจหวนกลับยังไม่พอ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดดลใจให้พ่อแม่บุญธรรมเห็นแก่เงินเพียงไม่กี่หมื่นบาท ยอมขายเธอให้กับแม่เล้าคนหนึ่งรวมกับเด็กสาวในหมู่บ้านและอีกหลายคนจากต่างถิ่น แต่เมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง ก็ถูกจับแยกไปคนละทิศละทาง

         “ไปอาบน้ำซะ ขัดถูให้สะอาดตัวจะได้หอมๆ แล้วอย่าคิดอะไรโง่ๆ ล่ะ เธอคงรู้ใช่ไหมว่าต้องเจอกับอะไรถ้าไม่ทำตามคำสั่ง”

         “ป้า...”

         “ฉันจะออกไปรอข้างนอก ออ...พวกออแกไนซ์จัดการอะไรต่อมิอะไรให้เธอมาก่อนแล้วใช่ไหม” นางถามพลางมองไปตรงใจกลางร่างเล็ก

         ทำให้ปานนิลรู้ได้ทันที เพราะก่อนจะได้มาอยู่ที่นี่ เธอได้ถูกจับตัวไปทำความสะอาดเบื้องต้นมาก่อนแล้ว อะไรต่อมิอะไรที่กรองทองหมายถึงก็ถูกกำจัดไปอย่างเกลี้ยงเกลาจากมืออาชีพ ซึ่งเป็นทีมงานของออแกไนซ์ หรือเรียกง่ายๆ ว่าแม่เล้านั่นเอง

         “ค่ะ” เธอตอบกลับไปด้วยเสียงอันสั่นเครือ มันคงหมดหนทางแล้วจริงๆ ที่จะหาทางหลีกหนี เธอกลัว...อับจนปัญญาจะเอาตัวรอดให้พ้นจากชะตากรรมนี้ได้แล้วจริงๆ

         อีกทั้งก่อนหน้านี้ ระหว่างทางก็ถูกข่มขู่สารพัด หนักสุดคือการถูกทำร้ายด้วยการตบศีรษะ เพื่อไม่ให้มีบาดแผลอย่างเปิดเผย ซึ่งขณะนี้เธอก็ยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บระบม แม้จะถูกบังคับให้กินยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการไปแล้ว

แต่ความร้าวรานนั้นก็ยังฝังลึกและหวาดผวาว่าหากขัดขืน จะต้องพบเจอมาตรการเด็ดขาดเหมือนเพื่อนร่วมชะตากรรมคนหนึ่ง ที่ถูกเชือดคอให้ตายต่อหน้าต่อตาทุกคน ภาพความสยดสยองเมื่อเด็กสาวคนนั้นพยายามหนีและทำร้ายร่างกายคนคุม จนเมื่อโดยจับได้เธอจึงกลายเป็นตัวอย่างให้คนอื่นๆ เห็นว่า บทสรุปของผู้ที่ไม่เชื่อฟัง แต่อาจหาญต่อต้าน จุดจบ...จะต้องเป็นเช่นไร

สีหน้าของเพื่อนคนนั้นขณะดิ้นทุรนทุราย ดวงตาเหลือกถลน เลือดสดๆ ไหลพุ่งออกจากบาดแผลที่คอราวกับน้ำพุ และเจิ่งนองไปทั่วร่างชักกระตุกนั้นยังคงติดตามไม่อาจลืมเลือนได้สักนาที

มันคอยตอกย้ำให้เธอระลึกอยู่เสมอว่าไม่ควรขัดต่อความต้องการของคนพวกนั้น...

เด็กสาววัยสิบแปดที่ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวยากจน ไม่เคยได้เรียนรู้โลกภายนอกเพราะต้องทำงานงกๆ หามรุ่งหามค่ำ ไม่ได้สนใจสิ่งอื่นนอกจากการเรียนกับหาเงิน...เมื่อต้องพบเจอกับเรื่องเลวร้ายไม่คาดฝัน เธอคิดไม่ออกเลยว่าจะรอดพ้นไปได้อย่างไร หรือต้องจำยอม...ทนรับสภาพอย่างไม่มีทางให้เลือกเลย

“เสร็จหรือยังล่ะ”

“เสร็จแล้วค่ะ” ร่างเล็กห่อตัวด้วยผ้าขนหนูแล้วเดินออกมาจากห้องอาบน้ำที่เป็นกระจกล้อมรอบ ทุกกระเบียดนิ้วของที่นี่ดูหรูหรา แบบที่เธอไม่เคยพบเคยเห็น มันละลานตาไปหมด กระเบื้องแผ่นหนึ่งคงมีค่ามากกว่ากระท่อมโทรมๆ ที่เธออาศัยอยู่มาทั้งชีวิตด้วยซ้ำ

แต่มัน...ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกปลอดภัยมากกว่า

“มาทางนี้ฉันจะช่วยแต่งตัวให้” สีหน้าของกรองทองยังคงเรียบเฉยไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่แววตาของนางจ้องมองร่างเด็กสาวด้วยความวูบไหว ก่อนจะลอบกลืนน้ำลายแล้วเดินนำหน้าเข้าไปในห้องแต่งตัว

ปานนิลถูกจับชโลมทาด้วยเครื่องหอมที่เธอไม่เคยพบเคยเห็น ก่อนที่กรองทองจะจัดการแต่งหน้าทำผมและให้สวมชุดสายเดี่ยวสีขาว โดยปราศจากชั้นใน แต่ยังดีที่ยังมีผ้าคลุมไหล่พอจะช่วยปกปิดความอาย

ยังความกดดันสู่จิตใจเด็กสาวเป็นอย่างยิ่ง เธอไม่อยากคิดเลยว่าช่วงเวลาต่อจากนี้ไป มันจะต้องเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“ยายจ๋า...ช่วยหนูด้วย หนูคิดถึงยายมากๆ เลย” เด็กสาวบ่นพึมพำ พลางน้ำตาก็ร่วงไหล สิ่งเดียวที่พอจะทำได้แม่ความหวังจะริบหรี่ก็คือการภาวนา ขอต่อดวงวิญญาณผู้มีหัวใจรักอันบริสุทธ์ไร้ข้อกังขากับเธอช่วยดลบรรดาล นำพาความทุกข์ยากครั้งนี้ให้ผ่านพ้นไปด้วยเถิด...

“มาทางนี้...พวกเขารออยู่นานแล้ว รีบไปเถอะ”

“พวกเขา ใคร ใครคะป้า” ใจของเธอยิ่งสั่นปลาบ กรองทองเข้ามาช่วยเช็ดน้ำตาให้ ภายใต้ความเย็นชาและสีหน้าอันเฉยเมย ดูเหมือนนางจะยังหลงเหลือความมีเมตตาจิตอยู่บ้าง

“การ์ดของคุณเคียร์”

“คุณเคียร์...”

“ไม่ต้องอยากรู้อยากเห็นให้มากตอนนี้หรอก ฉันช่วยเธอได้แค่นี้” พูดจบนางก็หันหลังเดินนำหน้าไป

ปล่อยให้ปานนิลมองตามอย่างงงๆ ว่าสิ่งที่กรองทองพูดนั้นหมายถึงอะไร ช่วยเหรอ...นางจะช่วยเธอยังไง ในเมื่อกำลังจูงมือเธอส่งไปสู่ความอัปยศที่สุดในชีวิต

“ป้าคะ...” เธอทำท่าจะจับมือนางแล้วถาม แต่กรองทองก็เปิดประตูห้องเสียก่อน ทำให้ปานนิลชะงักเมื่อเห็นบุรุษในชุดสูทสีขาวสามคนยืนรออยู่แล้ว

“ฮันนี่ไม่สบาย...เวลากระชั้นชิดมาก ให้เธอไปแทนก็แล้วกัน บอกคุณเคียร์ว่าฉันขอร้อง”

“ครับ” สามคนนั้นไม่พิรี้พิไร พยักหน้ารับทราบแล้วมองเด็กสาว หนึ่งในสามพยักหน้าส่งสัญญาณให้เธอเดินไปที่เขา

“ตามพวกเขาไป” กรองทองหันไปบอก และจับแขนเธอดึงให้ทำตามคำสั่ง

“เดินมาสิ” ชายคนหนึ่งกล่าว อีกสองคนก็เข้ามาล้อมด้านหลังเธอเอาไว้ เป็นการประกบให้เด็กสาวต้องเดินตามผู้ที่นำหน้าไปโดยไม่มีทางเลือกอื่น

เธอมองกรองทองจนสุดสายตา แต่คงไม่มีความหมาย...นางคงเคยชินกับสิ่งนี้จนกลายเป็นหนึ่งในชีวิตประจำวันไปแล้ว นางหันหลังให้เธอ...แล้วเดินกลับเข้าไปในห้องพร้อมกับบานประตูใหญ่ที่ปิดลง

ความรู้สึกของเด็กสาวประหนึ่งว่า ทุกอย่างรอบตัวได้ดับสิ้นไปหมดแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีลมหายใจอยู่ต่อไปเพื่ออะไร...

‘ยายรักนิล อยากให้นิลเข้มแข็ง ต่อให้ไม่มียายอยู่กับนิลแล้ว ไม่มีว่าจะเกิดอะไรขึ้น หนูก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปนะลูก’

“ยายจ๋า นิลจะอยู่ต่อไปยังไง พ่อกับแม่ขายนิลให้มาอยู่ซ่อง” เธอพึมพำกับตัวเอง ความเจ็บอั้นในอกจุกอัดจนไม่อาจหายใจได้สะดวก พยายามเก็บกลั้นน้ำตาเอาไว้ด้วยขลาดกลัวว่าผู้คุมชุดขาวอาจไม่พอใจ และลงมือทำร้ายเหมือนอย่างที่เคยโดนตอนถูกลำเลียงมาที่นี่

เส้นทางที่ทอดยาวไกลออกไป รอบด้านได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามหรูหรา ประเมินค่าไม่ได้ แสงออกร่าสว่างไสวเหล่านั้นสำหรับเธอแล้ว เปรียบเสมือนถนนสู่ความมืดบอดก็ไม่ปาน ยิ่งเสียงฝีเท้าย่ำก้าวไปข้างหน้าเท่าไหร่ หลุมอเวจีก็ยิ่งคืบไกล้เข้ามามากเท่านั้น

แล้วในที่สุดพวกเขาก็พาเธอมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูไม้แกะสลักเป็นรูปเศียรช้างบานละครึ่ง แล้วมาบรรจบเมื่อปิดเข้าหากันพอดี ดูแล้วดุดันน่าเกรงขามจนขนลุกซู่

“นายครับ...ผมเอง ฮันนี่ไม่สบายกะทันหัน ป้ากรองเลยฝากฝังเธอคนนี้มาแทน” ชายในชุดสูทสีขาวที่เดินนำหน้ายกมือเคาะประตูแล้วพูด ก่อนจะเปิดเข้าไปโดยไม่ต้องรอการตอบรับ

“เข้าไปได้ เรียกเขาว่านายเคียร์...เขาชื่อเคียร์ นับจากนี้ไปเธอคือสมบัติของเขา” สองคนด้านหลังเดินเข้ามาประกบ เพื่อกดดันให้เธอก้าวไปข้างหน้า และในที่สุดเธอก็ไม่อาจต่อกรใดๆ ได้

ปัง...

ประตูปิดลง ในห้องกว้างโทนสีเทาเข้ม มีเพียงโคมไฟระย้าที่ห้อยอยู่บนเพดานเท่านั้นที่ยังพอทำให้รู้สึกไม่อึมครึมมากนัก แสงที่ถูกปรับให้อยู่ในโหมดสลัวส่องให้เห็นตรงกลางห้อง ว่ามีเตียงสีดำขนาดใหญ่วางอยู่ และร่างหนึ่งก็นอนตะแคงข้างหันหลังให้เธออยู่บนที่นอน

         “เข้ามาสิ...”

“นาย...นายเคียร์...” แม้มองเห็นเพียงแผ่นหลังเปลือยที่โผล่พ้นผ้าห่มสีดำเท่านั้น หัวใจที่เต้นระทึกก็แทบจะหยุดนิ่งราวกับถูกสะกด เขาเป็นผู้ชายร่างใหญ่ที่สัดส่วนเต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออย่างที่เธอไม่เคยพบเห็น บนแผ่นหลังกว้างเต็มไปด้วยรอยสัก

“รู้จักกันกับป้ากรองหรือ” เสียงทุ้มกังวานเอ่ยถาม แม้ไม่ได้ดุดันอย่างรูปร่างที่เห็นแต่ก็ทำให้รู้สึกถูกครอบงำได้อย่างไม่มีเหตุผล

“เปล่าคะ...ไม่รู้จัก แต่นายคะ หนูถูกหลอกมาขาย นายอย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ หนู...” พูดไปพลางปากก็สั่นไปพลาง

“มานั่งบนเตียงนี่สิ...มา” เขาหันมองเจ้าของเสียงเครือ โดยที่เธอยังคงก้มงุด นึกใคร่รู้ว่าเหตุใดกรองทองจึงส่งเธอมาให้กับเขา ทั้งที่รู้ว่าเขาไม่ชอบเด็กสาวแรกรุ่นเหมือนอย่างพ่อบุญธรรม และที่ผ่านมานางก็ไม่เคยจะขัดใจสักครั้ง

เจ้าของร่างบางในชุดสีขาวบริสุทธิ์...เข้ากับลักษณะประหม่าปนตระหนกของเธอ ทำเอาชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก สายตามองเธอด้วยความระอา

แทนที่จะได้สาวสวยรู้ใจมาคอยปรนนิบัติให้ผ่อนคลายหายเหนื่อย กลับต้องมาเสียอารมณ์เพราะเด็กใหม่ไม่ประสา ที่มองเขาประหนึ่งเป็นภูตผีปีศาจ

“นาย...อย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ หนูไหว้ล่ะ หนูอยากกลับบ้าน” ไม่พูดเปล่า สองมือสั่นๆ ก็ยกขึ้นพนมอย่างนอบน้อม ขณะที่ค่อยๆ เดินเข้าไปหาเขาอย่างเสียไม่ได้

“ชื่ออะไรล่ะเรา...” เมื่อเธอใกล้เข้ามา เขาก็ขยับตัวไปดึงแขนเรียวเล็กจนเธอถลาลงไปนั่งกองอยู่บนเตียงเดียวกัน

“ปานนิลค่ะ ชื่อเล่นชื่อนิล” เธอดึงมือกลับเบาๆ แล้วรวบเอาผ้าคลุมใหล่กระชับไว้กับตัว ประหนึ่งเป็นปราการที่จะช่วยให้เธออยู่รอดปลอดภัย

“นวดเป็นไหม”

“พอได้ค่ะ...หนูเคยนวดให้ยายบ่อยๆ” พอพูดถึงยาย...น้ำตาเจ้ากรรมก็พรั่งพรูร้อนผ่าวลงมาอาบแก้ม จนต้องรีบยกมือขึ้นเช็ดเสีย เพราะนึกเอาว่าอาจทำให้ชายหนุ่มที่นอนเอนกายอยู่นั้นเคืองขุ่น

“ฉันจะนอนแล้ว ช่วยนวดให้หน่อยก็แล้วกัน จนกว่าฉันจะหลับ”

“คะ...” เป็นครั้งแรกที่เผลอเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างเต็มตาด้วยความสงสัย แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าคมเข้มดุดันก็ต้องรีบก้มหลบดังเดิม

“หรือจะให้ฉันนวดเธอ” เสียงทุ้มถามขึ้นอย่างฉุนๆ

“ได้ค่ะ...หนูจะนวดให้คุณเอง หนูนวดเก่งนะคะ ยายชมทุกทีเลย”

“หึ...” คีอาร์แสยะยิ้มอย่างหน่ายๆ ก่อนจะพลิกตัวนอนคว่ำ กรองทองเล่นเขาเสียแล้ว...นางเป็นคนสนิทของบิดาบุญธรรม เขารู้จักนางตั้งแต่ย้ายมาจากต่างประเทศ ซึ่งมันก็นานตั้งเกือบยี่สิบปี การที่นางส่งเด็กผู้หญิงคนนี้มาให้เขาไม่ใช่เรื่องปกติ แต่ด้วยเหตุอันใดนั้น วันหลังคงต้องสอบถามกันเสียหน่อย เขาไม่อยากเสียอารมณ์โดยไร้สาเหตุ

อย่างน้อยๆ ก็ต้องได้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น...

“ขออนุญาตนะคะ” คนตัวเล็กขยับเขาไปนั่งใกล้ๆ ก่อนจะใช้มือค่อยๆ กดนวดไปตามแผ่นหลังแข็งแกร่ง ผิวสีเข้มของเขาตัดกับผิวของเธอชัดเจน รอยสักคริสเตียนบนแผ่นหลัง เป็นรูปพระเยซู พระแม่มารีและนางฟ้าที่ห้อมล้อมอยู่รอบๆ ตัวพระองค์ ดูอ่อนช้อย ราวกับมีชีวิตชีวาจริงๆ

บ่งบอกให้รู้ถึงฝีมือช่างผู้ลงเข็มฝากรอยจารึกอันวิจิตร ว่าคงเป็นระดับชั้นแนวหน้า แต่เมื่อได้สัมผัสไปบนผิวเนื้อที่เต็มไปด้วยปติมากรรมนั้น เธอก็พบว่ามันได้กลบกลืนรอยแผลเป็นเอาไว้มากมาย

ผู้ชายคนนี้...เขาทำอะไร เหตุใดจึงมีบาดแผลไปทั่วทั้งตัว

“เธอนวดแล้วหรือนั่น ออกแรงหน่อยสิ”

“ค่ะ” หญิงสาวกลืนน้ำลายเฮือก เธอแทบจะใช้แรงทั้งหมดที่มี กดลงไปบนผิวเนื้อแข็งๆ ของเขาแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับทำเสียงจิ๊อย่างหงุดหงิด ราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไร

แต่นี่เป็นทางเลือกเดียว เธอต้องทำให้ดีที่สุด ไม่เช่นนั้นอาจส่งผลต่อความเป็นความตายเลยทีเดียว ชีวิตที่ไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะมีวันพรุ่งนี้หรือเปล่า ก็จำเป็นจะต้องใช้ทุกช่วงเวลาอย่างระมัดระวัง

อย่างน้อยๆ เขาก็ไม่ได้ทำร้ายเธอ ไม่ได้ข่มเหงรังแกอย่างที่คิดกลัวเอาไว้ตั้งแต่แรก เด็กสาวจึงงัดวิชาลงแรงนวดให้เขาอย่างสุดฝีมือ บางที...เธออาจจะได้เป็นหมอนวดประจำตัว และไม่ต้องทำงานอย่างว่าเหมือนที่พวกออแกไนซ์หรือแม่เล้านั่นแหละ ได้สั่งสอนอบรมมา

 

ในห้องแต่งตัว...

“อื้อ! อื้อ!” หญิงสาวในชุดเดรสสายเดียวรัดรูป ถูกมัดมือมืดเท้า และมัดปิดปากด้วยผ้าพันคอจนเธอแทบขยับตัวไม่ได้ แม้จะพยายามดิ้นรนเท่าไหร่ก็ตาม แต่เมื่อถูกขังอยู่ในตู้เสื้อผ้าแคบๆ ในห้องที่ไม่ใช่ว่าใครจะเดินเข้าเดินออกได้ง่ายๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่จึงจะได้รับอิสระเสียที

“อีกรองทอง...อีแก่ คอยดูนะมึง กูจะฟ้องคุณลีโอ” เธอบ่นพึมพำกับตัวเอง ด้วยสาเหตุที่ต้องมาตกอยู่ในสภาพอนาถแบบนี้ก็เพราะถูกกรองทองตีจนสลบแล้วนำมามัดขังเอาไว้

หญิงวัยกลางคนอาศัยช่วงจังหวะที่ปล่อยให้ปานนิลอาบน้ำแล้วเข้ามาจัดการเธอ กว่าจะรู้ตัวตื่นขึ้นมาอีกที ก็ได้ยินเสียงด้านนอกพูดคุยแว่วๆ มาว่า นางได้ส่งตัวให้ปานนิลออกไปกับบอดี้การ์ดของคีอาร์ เพื่อให้เด็กสาวปรนนิบัติชายหนุ่มแทนเธอ

ในขณะที่ตัวจริงเป็นๆ ต้องมาทนอยู่ในตู้แคบๆ ทั้งอึดอัดทั้งกลัว ครั้นพยายามใช้เท้าถีบ หรือดิ้นรนเท่าไหร่ ก็ไม่มีใครได้ยินเสียงเธอเลย

แน่ล่ะ...ก็ในนี้ไม่มีใครอยู่ นอกเสียจาก...

“ฝันดีนะฮันนี่...หวังว่าคืนนี้เธอจะหลับสบาย” พูดจบก็หัวเราะอย่างสบายอารมณ์ ก่อนที่นางจะเดินออกไปจากห้องแล้วปิดประตูล็อกกุญแจเรียบร้อย

“อื้อ! อีกรอง!”

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว