อเวจี..ออนไลน์
1
ตอน
279
เข้าชม
0
ถูกใจ
0
ความคิดเห็น
1
เพิ่มลงคลัง
เมื่อโลกยุคใหม่ก้าวไกลด้วยเทคโนโลยี นรกอเวจี ยังต้องปรับตัว

                         อเวจี....ออนไลน์ 

           เสียงกรีดร้อง  กังวานแหลมลึกราวเสียงปีศาจคร่ำครวญ ดังแหวกความเงียบสงัดยามราตรี    กระชากสติที่กำลังเคลิ้มฝันล่องลอย ของอานนท์ให้ตื่นตัวขึ้น 

           อานนท์สะดุ้งสุดตัว พราดพราดลุกขึ้นราวกับถูกถีบ เหงื่อผุดพรายไหลย้อยเต็มหน้าผาก เสียงหัวใจตัวเองเต้นแรง ราวกับจะโลดออกมานอกอก   

เฮ้ย!....แค่ฝันร้าย เท่านั้น 

ชายหนุ่มลูบหน้าตัวเอง ใจปลอบตัวเอง ความเย็นเยือกของโลหะที่ข้อมือ ทำให้เขาสะดุ้ง เหลือบตามอง กำไลข้อมือ รูปร่างทันสมัย ทำจากโลหะ ขัดมัน วาววับ  สลักข้อความ เป็นตัวเลข 13 หลัก ตามบัตรประชาชน ใครวะช่างเป็นคนออกแบบ 

ใครบางคน มอบให้เขา เป็นของขวัญ   เนื่องในโอกาสอะไร... อะไรซักอย่าง จำไม่ได้ เขาใส่ติดมือมาตลอด เพราะ มันคือแฟชั่นใหม่เพิ่งตกมา  คนที่อยู่รวมสังคมเดียวกับเขา มีใส่กันทุกคน  เขาไม่อยากตกเทรนด์ 

           ชายหนุ่ม เหลือบตามองนาฬิกาโบราณ   ที่วางอยู่ด้านข้าง  พรายน้ำสีเขียวเข้มเกือบดำ บอกเวลาเที่ยงคืนพอดิบพอดี

“เวรเอ๊ย” อานนท์สบถกับตัวเอง  

 สงสัยต้องด่าไอ้มัณฑนากรเวร เลือกไอ้นาฬิกาโบร่ำโบราณแบบนี้มาได้ยังไงวะ   ไม่ได้เข้าพวกกับเฟอร์นิเจอร์ล้ำยุค ที่รายล้อมอยู่รอบห้องเลย  แถมยังแหกปากร้องปลุกทุกคืนอีก

ชายหนุ่มเหลียงมองดูรอบๆตัวเขาอย่างภูมิใจ รสนิยมของเขานำสมัย ใหม่เสมอ    

คอนโดหรูระดับร้อยล้าน   ตกแต่งภายในอย่างหรูหราสมราคาพรมปูพื้น ขนแกะ นุ่มนิ่ม ทุกย่างก้าว ราวกับย่ำอยู่ท่ามกลางปุยเมฆบนสวรรค์   เครื่องใช้ไม้สอยทุกอย่างล้วนแต่ดีไซด์ใหม่ เข้ายุคเข้าสมัยกับความเป็นดิจิตอล   ไม่เว้นแม้กระทั่ง กระดาษปิดผนัง ยังเป็นลวดลาย กราฟฟิกแปลกตา ราวกับเอาตัวอักษร มาเรียงร้อยเป็นเส้นสาย สะดุดตา

ชายหนุ่มยิ้มอย่างปลื้มเปรม มีเงินก็ดีอย่างนี้แหละ   อยากได้อะไรก็ได้ทุกอย่าง  ไอ้คนที่มันบอกว่า เงินซื้อความสุขไม่ได้มันพูดเพราะมันไม่มีปัญหาหาเงินน่ะสิ ไอ้กระจอก มึงมาดูกูนี่ 

ใครจะไปนึกว่า ธุรกิจการค้าขายสัตว์ป่า จะทำเงินให้เขามากมายอย่างนี้   

ไม่เห็นจะยาก จ้างคนจนๆ ด้วยเงินไม่กี่บาท ไปหาสัตว์มาจากในป่า ไม่สนใจวิธีการ

ไม่ว่าจะล้วงลูกออกมาจากรังของแม่เฉยๆ หรือ ฆ่าแม่มันให้ตายก่อน แล้วค่อยพรากลูกมันออกจากอก ยังไงก็ได้   ขอให้ได้ตัวมันมาแล้วกัน

ของพวกนี้ ฟรีไม่มีมูลค่า เพราะ เป็นของป่าเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ไม่ได้ลักจี้ชิงปล้นใครมาซักหน่อย มีแต่พวกดัดจริตทำมาเป็นขัดขวางอาชีพของเขาอ้างว่าคุ้มครองสัตว์ป่า ถุย มึงฟังมันพูดรู้เรื่องหรือ

 ลูกนกสวยๆ ลูกลิงลูกค่าง สัตว์สงวน บัญชีไหน จะสูญพันธ์เมื่อไหร่ ก็ช่าง   สำหรับเขา แค่บุหรี่ซอง ข้าวสารกิโล  ก็แลกได้แล้วชีวิตพวกนี้ได้แล้ว

เสียค่าอำนวยความสะดวกอีกไม่เท่าไหร่สัตว์พวกนี้ ก็จะเดินทางออกจากป่ามาสู่มือนักสะสม คนเลี้ยง มูลค่าของชีวิตเหล่านั้น จะทวีคูณขึ้นมีหลายร้อยเท่าตัว   

 ผลตอบแทนมหาศาล ซื้อบ้านหลังงามซักหลัง หรือรถยนต์คันหรู หรือแม้กระทั่งห้องชุดสุดสวยแบบนี้ได้ไม่ยาก มีดีมานด์ก็ต้องมีซัพพลายสิ เข้าใจป่ะ กลไกการตลาดไง

จะไปสนทำไม มันจะไปเอามาจากไหน พรากจากพ่อแม่มันหรือ เดี๋ยวมันก็ออกลูกใหม่กันให้ครึกครื้น   กะอีแค่ลูกลิงลูกค่างไม่กี่ตัว  นกเงือก มีกันเป็นฝูงๆ ในป่าน่ะมีเป็นหมื่นๆแสนๆ  จับลูกมันมาขุนไว้ในกรงซักพัก ก็ขายได้เงินเป็นกอบเป็นกำ 

ถ้ามันตาย ก็หาเอาใหม่ โธ่ในป่ามีเยอะแยะไป เลือกเอาสิ เอาอ่อนๆพรากจากอกแม่ยังไหว  ดีซะอีกมันจะได้เชื่องกับคนเลี้ยง

แม่ของเขาเคยเตือน

“มันบาปกรรมนะ พรากลูกพรากแม่เขาน่ะ”

“โธ่...มันเป็นสัตว์จะไปรู้เรื่องหรอก เดี๋ยวก็ลืม เดี๋ยวก็ออกลูกใหม่ยั้วเยี้ย มันมีสมองซะที่ไหน”

“ลองคิดดู ถ้าเขามาเอาลูกไปจากอกแม่ แม่คงแทบขาดใจ  อย่าทำเลยลูก อาชีพแบบนี้ มันบาป”

“ ช่าง...แม่ง...จะตกนรกก็ให้มันรู้ไป คนอื่นเขาโกงบ้านโกงเมืองจนเกือบฉิบหาย ก็ยังเห็นอยู่ดีกินอร่อยอยู่เลย    นรกไม่มาสนใจเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้หรอกแม่ สนใจเรื่องปากเรื่องท้องดีกว่า ”

ไม่ว่าแม่จะอ้อนวอนของร้องเขาอย่างไร เขาไม่เคยสนใจ   แม่แก่แล้ว วนเวียนเข้าวัดเป็นงานหลัก   จะไปทันโลกทันยุคเขาได้ยังไง สมัยนี้ มันยุคสมัย ไหนแล้ว นรกมันแค่ชื่อน้ำพริก เท่านั้นแหละ

อานนท์ปรายตามองนาฬิกาเรือนเก่า อารมณ์ของเขายิ่งเดือดดาล พลุ่งพล่าน   พรายน้ำสีเขียวเข้ม ราวกับดวงตาของสัตว์ร้ายยามค่ำคืน  

ไอ้นาฬิกาบ้านี่   แหกพวกแหกพ้อง ดูไม่เข้ากับอะไรๆ ภายในห้องนี้เลย ตัวเรือนบุบบี้ ดูเผินๆเหมือนกับซากสัตว์เน่าๆ ที่ถูกรถทับจนแบนเบี้ยว แทบไม่มีรูปทรงที่แน่ชัด   

อานนท์เบือนหน้าหนี ไว้พรุ่งนี้เช้าก่อนเถอะ เขาคิดในใจ ต้องโทรจิกไอ้ด่าให้ไอ้เวรตะไรนั่น มาเอาไปให้พ้นหูพ้นตา 

อากาศรอบตัวเขาร้อนระอุ ราวอยู่ในเตาไฟ เหงื่อไหลริน หยดเข้าตา ชายหนุ่มกระพริบตาอย่างแปลกใจ

อะไรกันนี่ แอร์บ้าเกิดเสียขึ้นมาหรือไง  เขาเอื้อมมือไปคว้ารีโมทใกล้หัวเตียง ตัวเลขบอกอุณหภูมิ 22 องศา  หรือว่าน้ำยาแอร์หมด 

โอ๊ย! ร้อนชิบ...

 อานนท์ขว้างรีโมทแอร์ลงกับพื้นอย่างหัวเสีย หันไปคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเบอร์

โทรมันตอนนี้แหละ ไม่ต้องเกรงจงเกรงใจมันหรอก ก็กูจ่ายเงินให้มึงแล้วนี่นา มึงก็ต้องตามรับใช้จนกว่ากูจะพอใจแหละ

เสียงดังจากปลายสายอีกข้าง ครวญคราง หวีดหวิว ครืดคราด เหมือนเสียงลมหายใจปีศาจ 

“ไอ้บ้าเอ๊ย โทรศัพท์ดันเสียซะอีก” ชายหนุ่มขว้างโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุด ลงกับพื้น แตก กระจาย เป็นเสี่ยงๆ 

“ถุย ไอ้โทรศัพท์ระยำ ไหนบอกว่าสัญญาณทะลุทะลวง  ไม่ได้เรื่องเลย”

ชายหนุ่มหัวเสีย หันรีหันขวาง มองรอบๆตัว มองหาสิ่งผ่อนคลายอารมณ์อันร้อนรุ่มให้เบาบางลง 

ที่มุมห้อง นั่นจัดเป็นมุมเครื่องเสียง ชายหนุ่มยิ้มกับตัวเองอย่างผ่อนคลาย

ค่อยยังชั่ว ฟังวิทยุก็ได้ ดึกๆอย่างนี้ ดีเจมันง่วง ไม่ค่อยพูดเปิดเพลงเยอะหน่อย ไม่อย่างนั้น น้ำลายแตกฟองกันตลอด

ลุกขึ้นไปหยิบรีโมต เปิดวิทยุหาคลื่น ฮอต เพลงฮิต ติดหู พลางเงี่ยหูฟัง เสียงเพลง

“ครืดดดด...........ซ่า......... วี๊ดดดดดดดดด.........”  

“อะไรวะ เวร วิทยุก็เสียอีก โอ๊ย กูอยากจะบ้าโว๊ย”

อานนท์ทึ้งผมตัวเองอย่างหงุดหงิด เหลียวมองบรรยากาศรอบๆห้อง ไม่ไว้วางใจ  

แสงจากโคมไฟกลางห้อง กระทบกระดาษปูผนังสีนุ่ม ลายตัวเลข 0,1 เรียงต่อกันเป็นลายเล็กๆ แปลกตาดูเหมือนจะเคลื่อนไหวได้เอง อย่างรวดเร็ว

ชายหนุ่มยักไหล่ ไม่เห็นมีอะไร คิดไปเอง 

เลื่อนมือไปหยิบกล่องซีดี เพลงโปรด ขึ้นมา หยิบแผ่นยัดใส่ลงไปในเครื่อง ก่อนจะกระแทกปิดอย่างแรง เหวี่ยงกล่องทิ้งไปกองที่พื้น

 ไม่เป็นไร เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่บ้านก็มาเก็บทำความสะอาด

 กดปุ่มเปิดก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเบาะนุ่มอย่างแรง หลับตาลงรอฟังเสียงเพลงโปรด

“ครืดดดดดด...............ซ่า.........วี๊ดวววว”

อานนท์ลืมตาตื่นขึ้นมา กดรีโมทเปลี่ยนเพลงอย่างรวดเร็ว พยายามข่มใจนิ่ง รอฟังเพลงอย่างจดจ่อ

“วี๊ดววววววว.................ซ่า........”เสียงร้องโหยหวน ของสัตว์ป่าที่ถูกพรากลูกไปจากอกดังขึ้นแหลมลึก ยาวนาน

อารมณ์โกรธของชายหนุ่ม พวยพุ่งขึ้นราวกับเปลวไฟ เขาหงุดหงิดงุ่นง่านราวกับสัตว์ร้ายที่ถูกขังอยู่ในกรง

ชายหนุ่มหันเข้าหาเครื่องเสียงชุดใหญ่ราวกับเป็นคู่อริกันมานานนับโกฏิปี เขากวาดทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าลงไปกองที่พื้น  กระทืบๆๆๆๆ อย่างสุดแรง แล้วก้มลง กำหมัดชกใส่กองข้าวของตรงหน้า อย่างแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเหนื่อยหอบ   

ชายหนุ่มผงะเมื่อเห็นความเสียหายตรงหน้า ทุกสิ่งที่เคยวางอยู่บนโต๊ะข้างหน้าบัดนี้กลายเป็นเศษซากกองระเกะระกะเต็มไปหมด 

“โอ๊ย...นี่มันอะไรกันนี่    แม่งมันอะไรกันนี่”

ชายหนุ่มซบหน้าลงกับฝ่ามือ ทันทีที่สัมผัสกับความเหนียวหนะ กลิ่นคาวคลุ้ง 

ชายหนุ่ม เพ่งมือมอง รอยเลือดในฝ่ามือ ที่กำลังทะลักออกจากแผล แวบหนึ่ง เขาเห็นภาพเลือดทะลักออกจากตัวสัตว์ในกรงที่เขาขังไว้เพื่อรอการส่งมอบให้ลูกค้า 

ในยามที่สัตว์จากป่าสู่กรงขัง มันจะมีความก้าวร้าว เพราะความเครียด อาจทำร้ายพวกเดียวกัน หรือทำร้ายตัวเอง

ในที่สุดมันก็ค่อยตายลงอย่างช้าๆ เพราะพิษบาดแผล หรือ เพราะทำร้ายกันเอง 

“ยุ่งฉิบหาย ชีวิตกู ทำไมถึงเป็นอย่างนี้โว๊ย ระยำจริงๆ”

อานนท์หันหน้าหาเครื่องห้ามเลือด หากแต่รอบตัวไม่มีอะไรที่เหมาะสมแม้แต่น้อย เหมือนถูกสะกดจิต เขาค่อยๆก้มหน้าลงเลียเลือดบนมืออย่างช้าๆ

ทันทีที่รสชาติของเลือดสดๆ สัมผัสกับลิ้น ความซาบซ่านซึมสู่ทุกสัมผัสแห่งรส 

เขาดื่มด่ำ ที่ไม่เคยลิ้มลองมาก่อน   

อา....เลือดสดๆมันช่างหวานล้ำเลิศ ยิ่งกว่าไวด์ชั้นดีขวดไหนๆ ที่เขาเคยสัมผัสมาก่อน

เลือดเริ่มแข็งตัว หยุดซึม อานนท์ใช้ฟันกัดแทะให้แผลเปิดกว้างขึ้น เลือดสดๆ ทะลักไหลออกมาอีกครั้ง 

เขาทรุดตัวลงนั่งเลียเลือดอย่างเอร็ดอร่อย กัดแทะเนื้อสดๆของตัวเอง อย่างเมามัน 

ในไม่ช้ากระดูกขาวเว่อโผล่ออกมาจากข้อศอก เลือดกระเซ็นเปรอะเปื้อนพรม ขาวสะอาด กลายเป็น รอยด่างแดง จากเลือดสดๆ

 อานนท์ยังไม่หยุด  แม้ความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นทวีคูณ แต่เขาไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้ เขายังแทะทึ้ง ฉีกเนื้อดูดเลือดตัวเอง อย่างเอร็ดอร่อย สลับกับการร้องครางอย่างเจ็บปวด    

เหมือนมีอำนาจประหลาด บังคับให้เขาแทะทึ้งร่างกายตัวเองต่อไป ทุกครั้งที่เขากัด ความเจ็บปวดยิ่งทวีมากขึ้น 

เขาเจ็บแทบขาดใจ  จนต้องหยุด เพื่อส่งเสียงกรีดต้องโหยหวน เมื่อสิ้นเสียง เขาต้องกัด...กัด...ฉีกทึ้งลงบนเนื้อหนังของตัวเองอีกครั้ง   หยุดไม่ได้ .....

เสียงนาฬิกากรีดร้องขึ้นอีกครั้ง   ทุกอย่างพร่าเลือนลงอย่างรวดเร็ว  ลายเล็กแปลกตากบนกระดาษปิดผนัง วิ่งเวียนวนเวียนอย่างรวดเร็ว เป็นสาย ดุจสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลง ด้วยสัญญาณดิจิตอล 

0 1 0 1 0 1 0 1 0 1 0 1 0 1 0......

0 1 0 1 0 1 0 1 0 1 0 1 0 1 0 1 0 1 0 1 0 1....

สัญญาณดิจิตอลถูกส่งผ่านไปในอากาศ ด้วยความแรงคลื่น ทะลุทะลวง ผ่านไปยังชั้นบรรยากาศ พุ่งตรงไปยัง ดาวเทียมนอกโลก  ก่อนจะส่งสัญญาณ กลับมาที่ หอบังคับการ  

เบื้องหน้าตึกมีจานดาวเทียมรับสัญญาณ จานใหญ่มหึมา ตั้งตระหง่าน

บรรยากาศในห้อง เต็มไปด้วยเครื่องมือ อุปกรณ์อีเล็คโทรนิคล้ำสมัย เทคโนโลยีส่งถ่ายสัญญาณไร้สาย  เชื่อมต่อกับระบบคอมพิวเตอร์ความเร็วสูง มีความสามารถ ระดับ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์  ระบบประมวลผล ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยที่สุด เพราะฐานข้อมูลใหญ่ครอบคลุมไปทั่วโลก  

เบื้องหน้าเป็นจอภาพขนาดใหญ่แสดง แผนที่ทุกประเทศในโลก  พร้อมจุดบอกตำแหน่ง พิกัดต่างๆ เต็มไปหมด    ชายสองคน กำลังควบคุมงาน และสั่งการผ่านคอมพิวเตอร์ 

เจ้าหน้าที่คน   ก่อนหยิบการ์ดที่ห้อยคอยตัวเอง มีชื่อ เขียนไว้ชัดเจน “สุวรรณ” รูดไปตามช่องของเครื่องอ่านรหัส พอสัญญาณไฟเขียวกระพริบ   เขาพิมพ์ ข้อมูลรหัสเลข 13 หลัก ลงไปอย่างรวดเร็ว  เลื่อนเม้าธ์ไปคลิกที่คำสั่ง ตกลง ก่อนจะหมุนเก้าอี้หันกลับมาอย่างสบายใจ 

 “ ตั้งแต่ติดตั้ง เอาระบบคอมพิวเตอร์มาใช้นี่ งานของเรารวดเร็วขึ้นเยอะเลยนะครับท่าน”

เสียง บี๊บ....บี๊บ ดังขึ้น พร้อมไปแดงวาบขึ้นที่จอภาพ ตรงหน้า ชั่วอึดใจเดียวก็ปรากฏข้อความ 

“ อานนท์ รหัสประจำตัว 13 หลัก 31-330-231- 23-321  กรุงเทพ ประเทศไทย ...ความผิดรุนแรง ระดับ 6  ค้าสัตว์ป่า  ต้องโทษ 16,000 ปีนรก   สถานที่กักกัน ตาปนรก ”

 (หมายเหตุ 1 วัน 1 คืนของตาปนรกเท่ากับ 9,216 ล้านปีมนุษย์ )

“ท่านยมพบาลครับ  ไอ้พวกไม่กลัวบาป กำลังเริ่มต้น ใช้เวร รอบที่ สองล้านเจ็ดแล้วครับ  แหม ระบบ อเวจีออนไลน์ นี่เยี่ยมจริงๆ ผมไม่ต้องเสียเวลาตรวจเช็คในบัญชีหนังหมาให้เสียเวลาอีกแล้ว”

ในจอภาพเบื้องตรงหน้า กำลังแสดงภาพอานนท์กำลังนอนหลับสนิท อย่างมีความสุข สภาพทั่วไปของเขาปกติดี  กี่อึดใจ เขาจะสะดุ้งตื่นอีกครั้ง ด้วยเสียงนาฬิกาปลุกโบราณ ข้างหัวเตียง 

แล้วทุกอย่างก็ดำเนินต่อไป ซ้ำเดิมอีกครั้ง และอีกครั้ง.....ครั้งแล้วครั้งเล่า

  

 

 

 

 

       

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว