แม่น้ำโขง ยามค่ำคืนพระจันทร์เต็มดวง เดือนสิบสอง สาดแสงนวลเหลืองอร่ามกระทบกับผิวน้ำส่องประกายระยิบระยับราวกับเกร็ดดาวบนสายน้ำที่กำลังไหลเชี่ยวผ่านแทรกโขดหินเกาะแก่ง สายน้ำแตกกระเซ็นเสียงดังครืนๆไม่ขาดสาย
ณ บริเวณชายแดนฝั่งไทย ยามดึกเงียบสงัดปรากฏร่างเงาตะคุ่มของกลุ่มคนจำนวนสามคนเคลื่อนไหวอยู่ในชายป่ากำลังย่ำฝีเท้าเดินตรงไปยังริมแม่น้ำโขง ทั้งหมดได้หยุดฝีเท้ายืนนิ่ง ร่างที่กระทบแสงจันทร์ทำให้มองเห็นว่าเป็นกลุ่มชายวัยฉกรรจ์สวมใส่นุ่งผ้าเตียว ร่างกายท่อนบนเปลือยทุกคน มองเห็นกล้ามเนื้อแผงอกกำยำแข็งแรง แล้วทั้งสามกำลังจะสืบเท้าก้าวเดินตรงลงไปยังพื้นน้ำของกระแสน้ำไหลแม่น้ำโขง พลันใดนั้นเอง พวกเขาก็ต้องหยุดชงัก ร่างของพวกเขาทั้งสามยืนนิ่ง เพราะว่าโสตประสาทหูได้ยินเสียงเด็กทารกแรกเกิดร้อง ลอยล่องแผ่วตามกระแสลมมาสู่โสตประสาทหู
แทบไม่เชื่อเลยว่าหากเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนทั่วไปจะไม่สามารถได้ยินเสียงร้องของเด็กทารกแรกเกิดได้ แต่ทว่าพวกเขาทั้งสามได้ยินเสียงนั้น
“ท้าวพญานาคราชถือกำเนิดกลับชาติภพมาแล้ว” หนึ่งในสามร่างนั้นท่าทางเขาเป็นหัวหน้ากล่าวขึ้น ด้วยสีหน้าถมึงทึงแล้วเขาหันหลังกลับมามองไปยังต้นเสียงนั้นซึ่งดังมาจากหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลลึกเข้าไปในป่า
“ข้าว่า พวกเรารีบไปกันเถอะขอรับ” ชายที่ยืนขนาบข้างขวาของชายผู้เป็นหัวหน้า ย้ำคำพูดย่างหนักแน่น
ในที่สุดทั้งสามก็หันขวับกลับหลังสู่เบื้องหน้ากระแสน้ำไหลของแม่น้ำโขงย่างก้าวเดินลงสู่พื้นน้ำ แทบไม่เชื่อสายตา พลันใดร่างของพวกเขาทั้งสามก็กลายเป็นลักษณะคล้ายๆงูใหญ่แหวกว่ายกลืนหายไปกับสายน้ำ ท่ามกลางคืนพระจันทร์ ขึ้นสิบห้าค่ำ เดือนสิบสอง เหตุการณ์เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในปีพุทธศักราช 2511