บทนำ
“หึ! สวรรค์อะไร ข้าโม่ลี่หยางไม่เคยหวาดกลัว”
เปรี้ยง! สิ้นเสียงต่อขานด่าทอสวรรค์ สายฟ้าก็ฟาดลงมาจนพื้นสะเทือน หยางโมลี่ที่รับบทตัวละครนางร้ายตกใจจนเสียอาการหลงลืม แม้กระทั่งบทละครที่ต้องแสดงไปชั่วคราว เพียงแต่ด้วยประสบการณ์ในวงการการแสดงมากกว่าสิบปี ชั่วพริบตา หยางโม่ลี่ก็กลืนความตกใจ สูดลมหายใจเรียกคืนสติของตนกลับมาแล้วเอ่ยเสียงก้อง
“ตัวข้า หยางโม่ลี่...”
ริมฝีปากบางหยุดชะงัก เหตุใดตัวละครนี้ต้องขื่อเหมือนเธอด้วยกัน แน่นอนว่าแม้รู้สึกไม่พอใจ แต่หยางโมลี่ก็ยังคงตีสีหน้านิ่ง แววตาดุดันเย้ยหยันแหงนมองเพดานดุจกำลังส่งสายตาไปยังเบื้องบนสวรรค์
“ข้าไม่นับถือสวรรค์ ไม่เชื่อถือเทพเซียน หากพวกมันมีจริงก็ลองปลิดลมหายใจของข้าดูสิ”
เปรี้ยง!
“โม่ลี่ระวัง!”
เทียนชูหรง เพื่อนนักแสดงร่วมฉากร้องบอกหยางโม่ลี่เสียงก้องแข่งกับเสียงสายฟ้าที่ดังสนั่นจากเครื่องเสียงราคาที่ดังกระหึ่ม
หยางโมลี่แหงนหน้า มองตามสายตาของเพื่อน ดวงตากลมเบิกกว้าง เมื่อเห็นว่าโคมไฟระย้าอันใหญ่บนเพดานเหนือศีรษะเธอกำลังหลุดร่วงลงมา แม้รู้ว่าตัวเองควรขยับหนี แต่สองขากกับแข็งทื่อ กว่าจะได้สติความเจ็บปวดก็แผ่กระจายไปทั่วทั้งร่างกาย
“โม่ลี่!”
เสียงกรีดร้องของผู้คนในโรงละครดังก้อง ความวุ่นวายเกิดขึ้นจนยากจะควบคุม ขณะที่ทางทีมงานต่างพาวิ่งขึ้นไปบนเวที เพื่อเข้าไปดูอาการของนักแสดงสาว
“โมลี่!” เทียนชูหรงที่อยู่ใกล้ที่สุด พุ่งตัวเข้าไปหยิบเศษแก้วออกจากตัวหยางโมลี่
"พี่ตงโทรเรียกรถพยาบาลที ใครก็ได้ช่วยด้วย" เสียงเข้มระคนตกใจเอ่ยบอก พร้อมอุ้มหยางโมลี่ออกมาในพื้นที่โล่งด้านข้าง เมื่อวางเธอลงบนพื้นก็ตรวจจับชีพจรเบื้องต้น
ใบหน้าของเพื่อนนักแสดงซีดเผือดตะหนกตกใจกับเหตุร้ายที่ประสบ พากันจ้องมองไปยังร่างของหยางโมลี่ ทุกคนมีอาการแข็งค้างตื่นกลัว
“ชูหรง โม่ลี่เป็นอย่างไรบ้าง”
นิ้วยาวสั่นสะท้านของเทียนชูหรงค่อย ๆ เหยียดออกไปอังบริเวณปลายจมูกของหยางโมงลี่ ร่างนั้นไร้สัมผัสของลมหายใจ เทียนชูหรงถึงกับผงะถอยห่างออกในทันที
“เธอ... ไม่หายใจ พี่ตง โมลี่... ตาย... เธอตายแล้วพี่” สิ้นคำบอกของเทียนชูหรง ทุกคนต่างก็ผงะแข้งขาอ่อน
แค่เพียงเสี้ยวนาที หยางโมลี่ที่เวลานี้ เธอเป็นเพียงวิญญาณโปร่งแสงมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างตื่นกลัว
“ปั๊มหัวใจฉันสิ! ชูหรง! ปั๊มหัวใจ ได้ยินไหม ช่วยปั๊มหัวใจให้ฉันด้วย พี่ต้า เสี่ยวหลัน ทุกคนได้ยินฉันไหม!” หยางโม่ลี่ตะโกนร้องบอกจนสุดเสียง ณ ตอนนี้เธอที่เป็นเพียงวิญญาณดวงหนึ่ง ที่กำลังร่ำไห้ร้องแหกปากจนสิ้นเรี่ยวแรง
ทว่ากลับไม่มีใครตอบสนองไปกับคำขอร้องของเธอ หยางโมลี่หมดแรง เมื่อเห็นว่าเสียเวลาเปล่า ไร้การตอบสนองจากผู้คนโดยสิ้นเชิง ทุกคนยืนมองเธออย่างเสียใจ บางคนร้องไห้น้ำตาไหลเพราะสงสาร ไม่มีใครกล้าเข้าไปแตะต้องร่างกายของเธออีก
จนกระทั่งรถฉุกเฉินจากโรงพยาบาลเข้ามา ทางทีมแพทย์เข้าช่วยฟื้นคืนชีพอย่างสุดกำลัง ก่อนจะหันมาบอกว่า
“เสียใจด้วยครับ เธอ ... กลับมาไม่ได้อีกแล้ว”
หยางโม่ลี่ทรุดตัวลงกับพื้นอย่างไร้แรงกำลัง หยาดน้ำตาพรั่งพรูไหลลงอาบสองแก้มดุจสายฝนที่โหมกระหน่ำ ความสับสนหวาดกลัวก่อตัวขึ้นในจิตใจ เธอไม่เคยผิดต่อฟ้า ไม่เคยด่าทอสวรรค์ เหตุใดสวรรค์จึงใจร้ายให้เธอมีชีวิตที่สั้นเพียงนี้
ด่าทอสวรรค์!