ตอนที่ 1 ใครจะรู้ชีวิตของเราจะเดินไปทางไหน บางคนชะตากำหนดให้เดินไปในทิศทางนั้นๆ แต่บางคนเป็นผู้กำหนดเอง และบางคนมีพ่อแม่กำหนดให้ แต่คนเราก็มีสิทธฺที่จะเลือกเดิน แต่ชีวิตฉันหมดหนทางเลือก เพราะคำว่ากตัญญู ฉันต้องเดินทางที่ฉันไม่ได้อยากให้เป็นแต่มันต้องเป็น ฉันเป็นผู้หญิงธรรมดาที่ไม่มีที่ไป กับแม่สุดที่รักของฉันเราเดินทางร่อนเร่ ไร้ที่อยู่ โดนไล่ออกจากห้องเช่าเก่าๆ มีแค่ตัว ไร้สมบัติไร้เงินทอง สิ่งที่ฉันเห็นจนชินชาคือน้ำตาผู้เป็นแม่ และเสียงคำว่าขอโทษที่แม่เลี้ยงหนูได้แค่นี้ แม่มีแค่นี้ ไร้ญาติ ไร้คนรู้จัก ไม่ต่างกับคนขอทานที่เดินข้างถนน แต่ฟ้าเป็นผู้พาฉันเดินมาทางนี้ ทางที่ได้เจอกับพ่อผู้ใจบุญ ในวันที่ฝนตก เด็กน้อยอย่างฉันเดินจูงมือแม่ท่ามกลางสายฝนโรยร่วงมาอย่างแน่นหนา ไร้ความสว่างส่องทางให้เราแม่ลูก เห็นแสงอีกครั้งคือแสงไฟสองดวงมุ่งหน้ามาหาฉันแม่ลูกและ จากนาทีนั้นฉันแม่ลูกไม่สามารถรับรู้อะไรได้ นอกจากความมึดมิด และเงียบสงัด นั้นไงฉันกับแม่โดนรถชนจนหมดสติ ฉันตื่นมาเจอเด็กผู้ชายคนหนึ่งนั่งข้างเตียง กับเสียงแรกที่ได้ยิน “พ่อครับ พ่อครับ น้องตื่นแล้ว” จากนั้นความออนล้าทำให้ฉันหลับไปอีกครา….
แม่ : “รัตญา ลูกแม่ตื่นได้แล้ว”
เสียงเรียกที่ฉันได้ยิน ทำให้ฉันรู้สึกตัวฉันพยายามลืมตาสู้กับแสงเพื่อมาพบกับเสียงที่เรียกหาซ้ำๆหลายครา ภาพรางๆผู้หญิงใส่ชุดคนไข้ยืนข้างเตียงด้วยสีหน้าที่ห่วงหา และห่วงใยใจจะขาด คือมารดาของฉัน สิ่งที่ฉันเห็นคือภาพแม่ยืนยิ้มทั้งน้ำตาที่เห็นลูกสาวฝื้นขึ้นมาอีกครั้ง
รัตญา : “แม่คะ”
แม่ : เป็นไงบ้างลูก เจ็บตรงไหนบ้างไหม บอกแม่มาซิลูก
รัตญา : ไม่คะแม่ หนูไม่เป็นไร
……………………………………………………………………………..
ชีวิตฉันใครจะรู้ว่าการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้จะทำให้ฉันกับแม่เปลี่ยนไปอีกทางเดินหนึ่ง เพราะความน่าสงสาร และความจนของเราแม่ลูก ทำให้ชายคนหนึ่งรับฉันเป็นลูกบุญธรรม ตอนนั้นฉันอายุเพียง 12 ขวบ พอรู้บ้างว่าพ่อคือใครแต่ไม่เคยถามแม่สักครั้ง ฉันไม่เคยรู้จักคำว่าพ่อเลยจนชายคนนี้หยิบยื่นความอบอุ่นให้ฉัน ให้ความรู้ ให้ความสุข กับฉันแม่ลูก ฉันไม่เคยว่าชิวิตฉันจะได้รับอะไรดีๆกับคนอื่นบ้าง ฉันหายดีสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ ฉันได้บ้านสำหรับอาศัยกับแม่ แม่มีงาน ฉันได้เรียน เราสองคนได้อะไรหลายๆอย่าง แต่ก็นะ ฉันมันลูกบุญธรรม แม่บอกเสมอ ผู้ชายคนนี้เป็นผู้มีพระคุณกับชีวิตเราสองคนมาก แม่สอนให้ฉันอยู่ในขอบเขต ให้รู้จักพอกับสิ่งที่มี เพราสิ่งที่เรามี มันเกินพอ แต่เราก็ได้อะไรดีๆเสมอ จนคนบ้านใหญ่เริ่มไม่พอใจ …ใช่ พ่อบุญธรรมของฉันมีลูก 4 คน เสียงเด็กผู้ชายคนนั้นที่ฉันเคยได้ยินที่โรงพยาบาล คือเสียง ที่ทัศนัย เป็นคนเดียวเลยก็ได้ ที่คุยกับฉัน ต่างกับน้องๆ และแม่เลี้ยงของพวกเข้าที่เกรียจฉัน กลัวฉันจะมาแย้งความรัก และสมบัติ นั้นคือสิ่งที่ฉันไม่เคยคิดถึงมันเลยจริงๆ และทุกครั้งที่ฉันโดนคนบ้านใหญ่แกล้ง จะมีแม่คอยปลอบ และพี่ทัศ ที่คอยห้ามพวกน้องๆ ให้มารังแก พี่ทัศปกป้องดูแลฉันเสมือนเป็นน้องสาวแท้ๆคนหนึ่ง พี่ทัศพูดเสมอ ญาต้องอดทน อย่าร้องไห้คนดีและคนเก่งที่พี่ทัศรักต้องเชื่อฟังพี่ พี่ทัศรู้ไหม ญาจำทุกคำพุดของพี่ และเชื่อพี่มาเสมอ เหมือนวันนี้อีกเช่นเคย ฉันนั่งเล่นอยู่หน้าบ้านพื้นที่น้อยๆแต่มันใหญ่มากสำหรับคนอย่างฉัน
ธีรยุทธิ์
:
“แก้ว ดูซิยายบ้าพูดกับตุ๊กตาหมาเน่า ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
แก้วกวิน : นั้นซิ ไม่มีคนเล่นด้วย เลยคุยกับกับตุ๊กตา น่ารังเกรียจจริง นี้ละนะที่คุณแม่พูดเด็กบ้าที่จะมาแย้งทุกอย่างจากพวกเราไป เมื่อไหร่เธอกับแม่จะพากันไปให้พ้น
รัตญา : ฉันไม่เคยคิดแบบนั้น ฉันไม่แย้งอะไรจากพวกเธอหลอก
ทัศนัย : นั้นซิ พี่ไม่เห็นน้องญาจะแย้งอะไรไปเลย อย่าเชื่อฟังคำพูดคุณอาพิศมากนัก
กลับบ้านกับพี่ คุณพ่อให้มาตาม
มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งจนความรู้สึกมันทำให้ฉันรักพี่ทัศมาก เพราเขาไม่เคยพูดดูถูก หรือทำร้ายจิตรใจฉันเลย อ่อ ที่ฉันเจอก็แค่
3
คน คือพี่ทัศ คุณยุทธิ์ และคุณแก้ว อีกคนพี่ทัศเล่าให้ฟัง คุณยายของแม่พี่ทัศนำไปเลี้ยงดูที่ต่างประเทศจึงไม่ได้พบเจอ คือหนูเล็ก เธออายุน้อยกว่าฉัน
และเป็นคนเดียวที่ฉันไม่เคยพบ