นางถูกกระทำจากครอบครัวของสามีกระทั่งต้องตายอย่างโดดเดี่ยวไร้คนเหลียวแล แม้แต่ร่างยังถูกนำมาทิ้งราวกับว่านางไม่ใช่คน นางกลับมาคราวนี้ไม่ได้จะมาแก้แค้นผู้ใด แต่นางกลับมาเพื่อดูแลบิดาและลูกน้อยเท่านั้น

บทนำ  

“เอ้า! ข้าวต้มวันนี้ ท่านจะกินก็กิน ไม่กินก็ตามใจนะฮูหยินรองมู่” 

ถ้วยน้ำข้าวต้มที่ไม่เห็นเมล็ดข้าวเพราะมีน้ำข้าวผสมกรวดทรายอยู่เต็มไปหมด ทั้งยังกลิ่นไม่ค่อยดีโชยมาเตะจมูก แต่มู่ไป๋หลันหรือจะมีทางเลือก นางเอื้อมมือสั่นเทาที่ผอมแห้งจนแทบจะเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกออกไปรับ 

อีกนิดเดียวก็จะเอื้อมถึงถ้วยข้าวใบนั้นแล้ว แต่เสี่ยวหยาสาวใช้ข้างกายฮูหยินใหญ่ที่ยืนมองนางด้วยแววตาไร้ซึ่งความสมเพชเวทนากลับเอ่ยขึ้นว่า “มาเจ้าค่ะ ข้าช่วยหยิบให้” แล้วนางก็ถลันร่างเข้ามาใช้ปลายเท้าเตะถ้วยน้ำข้าวใบนั้นจนพลิกคว่ำไม่เหลือแม้น้ำข้าวสักหยด 

“อุ๊ย! ขอโทษเจ้าค่ะ เป็นข้าซุ่มซ่าม เช่นนั้นวันนี้ท่านก็ไม่ต้องกินแล้วกันเจ้าค่ะ” กล่าวจบนางก็สะบัดหน้าเดินออกไปพร้อมเสียงหัวเราะที่กรีดผ่านอากาศเข้ามาบาดลึกในใจคนฟังอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ 

  

ประตูถูกปิดลงแล้ว แสงสว่างที่สาดส่องเข้ามาก็พลอยหายลับไปด้วย เหลือเพียงแสงรำไรที่ลอดผ่านร่องไม้ของฝาบ้านที่ผุพังไปตามวันเวลาเพราะไม่เคยได้รับการเหลียวแล ไม่ต่างกับนางในตอนนี้ 

ไม่คิดว่าคนที่ฉากหน้าแสดงท่าทีอ่อนแอให้ดูน่าปกป้องอยู่เสมอ แท้จริงจะเป็นผู้มีจิตใจมืดดำและอำมหิตถึงเพียงนี้ 

เป็นนางที่พลาดเองจึงต้องมาอยู่ในจุดนี้ หากไม่เพราะตกหลุมพรางของนางปีศาจเสวี่ยหยุนฉี ชีวิตนางคงไม่ตกอับถึงเพียงนี้ เป็นเพราะนางเองที่หลงเชื่อฉากหน้าอันจอมปลอมของฮูหยินใหญ่ที่แสนร้ายกาจผู้นั้น 

  

เดิมทีนางเป็นบุตรสาวคหบดีใหญ่ในเมืองอิ้นโจว เมืองติดชายแดนที่มีปัญหาระหว่างสองแคว้น แต่เพราะปีที่ผ่านมาผลผลิตของชาวบ้านทั่วแคว้นไม่ดีนัก ทำให้เสบียงที่นำส่งให้ทางการมีจำนวนน้อยลง เป็นเหตุให้เสบียงที่ต้องส่งมายังชายแดนลดตามไปด้วย จึงทำให้กองทัพประสบปัญหาอดอยาก ถึงกับแม่ทัพหยางอี้หานที่ดูแลกองทัพบูรพาต้องใช้เงินส่วนตัวซื้อหาอาหารเพื่อเลี้ยงดูคนในกองทัพ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ 

จนกระทั่งคหบดีผู้หนึ่งรู้เรื่องนี้เข้าจึงยื่นมือช่วยเหลือ เพราะคิดว่าหากกองทัพขาดอาหารจนทหารง่อยเปลี้ยเพลียแรงเช่นนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะถูกศัตรูโจมตีจนแตกพ่ายได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นตัวเขาและครอบครัวก็คงจะลำบากไม่น้อย 

แต่ทั้งหมดทั้งมวลคงต้องยกความดีนี้ให้บุตรสาวของเขาที่เกิดพึงใจแม่ทัพผู้นั้นเข้า นางจึงมาขอร้องให้เขายื่นมือเข้าช่วยโดยแลกกับการให้แม่ทัพบูรพารับบุตรสาวของเขาเข้าจวน 

ด้วยสถานการณ์เร่งด่วนบีบบังคับ หากไม่ยอมรับปากตามเงื่อนไขก็จะไม่มีเสบียงเลี้ยงดูทหารเรือนแสนแน่นอน แม่ทัพหยางจึงยอมรับเงื่อนไขทั้งหมด ด้วยคิดในใจว่าค่อยหาทางแก้ไขภายหลังก็ยังไม่สาย 

และเมื่อกองทัพได้รับเสบียงอาหารเพียงพอก็ทำให้เหล่าทหารมีกำลังสู้รบ แคว้นอริที่ก่อนหน้าได้ข่าวทหารต้าฉีตกอยู่ในภาวะขาดแคลนเสบียงอาหาร จึงตัดสินใจรีบรุดเข้าโจมตี ทว่าเหตุการณ์กลับไม่เป็นอย่างที่คิดเมื่อมาพบว่า ทหารต้าฉีมีพละกำลังรบทุกนาย 

ที่สุดกองทัพต้าฉีก็กลายเป็นฝ่ายชนะศึกระหว่างแคว้นในที่สุด 

เมื่อศึกสงครามคลี่คลาย คหบดีมู่ก็ยกเรื่องที่พูดคุยกันไว้ มาทวงถามแม่ทัพหยาง พร้อมเอกสารยืนยันตามประสาพ่อค้าที่อย่างไรก็ยังคงเป็นพ่อค้า ดังนั้นเสบียงที่นำมามอบให้กับกองทัพไม่ว่าจะรายการใด จำนวนมากหรือน้อยเพียงใด ล้วนถูกจดลงบัญชีครบถ้วนทุกอย่าง 

รวมถึงข้อสัญญาที่ระบุชัดเจนว่า แม่ทัพบูรพาตกลงจะรับบุตรสาวของเขาแต่งเข้าจวนก็แนบมาพร้อมกันด้วย 

แม่ทัพหยางมองเอกสารตรงหน้า นึกไม่ออกว่าตนเองหลวมตัวไปประทับตรารับรองเงื่อนไขนี้ไว้ตอนไหน หรือเวลานั้นเขาคิดเพียงแค่ทำให้เสร็จเป็นเรื่อง ๆ ไปก็พอ จึงไม่ทันอ่านรายละเอียด ทุกครั้งที่ได้รับเอกสารก็เข้าใจไปเองว่า เป็นเพียงใบรายการเสบียงที่ส่งมอบให้กองทัพและต้องการให้เขาประทับตรารับรองเท่านั้น 

แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว อย่างไรเขาก็ย่อมไม่อาจจะบิดพลิ้วได้ เพราะหลักฐานทุกอย่างตรงหน้ามีความรัดกุมชัดเจนอย่างที่สุด หากเขาตระบัดสัตย์แม้เพียงครึ่งคำ มั่นใจได้ว่าหลักฐานเหล่านี้ทั้งหมดจะต้องถูกส่งไปยังเมืองหลวงทันที 

แต่เพราะเขามีฮูหยินเอกอยู่แล้วทำให้ไม่สามารถรับนางเข้ามาเป็นฮูหยินเอกได้อีกคน ดังนั้นมู่ไป๋หลันจึงต้องแต่งเข้าไปในฐานะฮูหยินรอง 

  

ในวันแต่งงาน คหบดีมู่ผู้เป็นบิดามอบสินเดิมให้บุตรสาวมากมายถึงสามสิบหีบ 

ที่เขาทำไปทั้งหมดก็เพราะความรักลูกล้วน ๆ ไม่ว่านางอยากได้สิ่งใด เขายินดีหามามอบให้ทันที แต่ใครจะรู้ว่านั่นคือจุดเริ่มต้นที่ส่งนางมาตายไกลถึงเมืองหลวง 

  

มู่ไป๋หลันเข้ามาอยู่ในจวนแม่ทัพหยางได้เกือบปี แต่แทบจะไม่เคยเห็นหน้าสามี เพราะเขาไปประจำการอยู่ที่เมืองชายแดน ถึงจะกลับเข้าเมืองหลวงบ้าง หากไม่อยู่กับฮูหยินใหญ่ก็เป็นอนุทั้งสอง สำหรับนางในฐานะฮูหยินรอง เขาไม่แม้จะคิดเหลียวแล 

จนที่สุดนางอดทนต่อไปไม่ไหว บุกเข้าไปข่มขู่ว่าหากยังไม่ไยดีนางเช่นนี้ต่อไป หลักฐานที่เขารับเสบียงจากบิดาของนางจะถูกส่งเข้าวังหลวงทันที 

ที่หยางอี้หานเกรงกลัวคำขู่นั้น ก็เพราะเขาเขียนรายงานส่งราชสำนักว่า ที่ผ่านมาได้ใช้เงินส่วนตัวในการซื้อหาเสบียงเข้ากองทัพนั่นเอง ดังนั้นในคืนหนึ่งก่อนจะกลับชายแดน เขาจึงยอมมาหานางที่เรือนพักโดยไม่ได้คิดจะร่วมหลับนอนด้วย 

แต่มีหรือที่มู่ไป๋หลันจะยินยอม นางคิดเพียงว่า หากนางมีบุตร เขาจะต้องหันมาสนใจนางแน่นอน นางจึงใช้อุบายโสมมอย่างการวางยาปลุกกำหนัดกับเขา 

และนั่นเองที่ทำให้แม่ทัพหยางโกรธนางจนไม่มองหน้าอีกเลย 

  

แล้วจู่ ๆ จวนตระกูลหยางก็มีข่าวดีว่าเสวี่ยฮูหยินตั้งครรภ์แล้ว ยังความปลาบปลื้มให้นายท่านผู้เฒ่ากับฮูหยินผู้เฒ่ายิ่งนัก มีเพียงมู่ไป๋หลันเท่านั้นที่ได้แต่ทนกล้ำกลืนความเจ็บช้ำลงคอ 

ใครใช้ให้นางโง่งมมาหลงรักบุรุษไร้ใจผู้นี้เล่า นางเองก็อยากจะเป็นมารดาเหมือนกัน แต่คืนนั้นเพียงคืนเดียวแม้จะร่วมคืนวสันต์กันเกือบค่อนรุ่ง ก็ไม่มีอะไรบ่งชี้ว่านางจะท้องได้ ทำให้นางเริ่มจะถอดใจ 

หลังจากหยางอี้หานจากไปได้เจ็ดวัน นางซึ่งเป็นฮูหยินรองก็ควรจะต้องทำตามธรรมเนียมปฏิบัติ อยู่ร่วมบ้านเดียวกัน ใช้สามีคนเดียวกัน นางจึงลงครัวตุ๋นน้ำแกงบำรุงครรภ์ไปให้ฮูหยินใหญ่ได้ดื่ม นางชิมจนแน่ใจว่าได้รสชาติดีแล้ว ไม่เคยคิดเลยว่าพวกฮูหยินใหญ่จะกล้าวางแผนร้ายกับนางถึงขนาดนี้ 

นั่นคือเมื่อเสวี่ยนหยุนฉีซดน้ำแกงเข้าไปเพียงครึ่งช้อน นางก็เกิดอาการปวดท้องรุนแรงทันที เวลานั้นคนทั้งเรือนต่างก็โกลาหล ท่านหมอถูกเชิญมาตรวจอาการ ก่อนจะระบุว่าครรภ์ของฮูหยินใหญ่ไม่มีแล้ว และที่เป็นเช่นนี้เพราะได้รับพิษร้ายแรง 

ข่าวนั้นก็ทำให้เสวี่ยฮูหยินร้องไห้จนแทบจะเป็นบ้า นายท่านผู้เฒ่าหยางสั่งสอบสวนจนได้ความจากบรรดาสาวใช้ว่า ฮูหยินใหญ่มีอาการนี้หลังดื่มน้ำแกงของมู่ไป๋หลันเข้าไป 

หญิงสาวพยายามปฏิเสธ แต่ไม่มีใครเชื่อแม้สักคนเดียว นางจึงถูกลงโทษตามกฎบ้าน ด้วยการโบยห้าสิบครั้ง งดอาหารเหลือเพียงวันละมื้อและกักบริเวณไว้ที่เรือนร้างหลังจวนเป็นเวลาหนึ่งเดือน 

หากวันนั้นนางไม่หลงเชื่อนางจิ้งจอกเสี่ยวหยาที่ทำทีว่า บังเอิญเดินผ่านมาพบนาง นางก็คงไม่มีวันนี้ นั่นเพราะสาวใช้ตัวร้ายได้เสนอให้นางทำน้ำแกงไปมอบให้กับเจ้านายของตน เพื่อแสดงความเคารพในฐานะเป็นฮูหยินรอง วันนี้มู่ไป๋หลันก็คงไม่ตกอับเจียนตายขนาดนี้ 

  

เสียงฟ้าฝนที่คำรามราวกับกำลังสมน้ำหน้าให้กับความโง่งมของนาง ทำให้หญิงสาวบิดริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน นางรู้ตัวเองดีว่า ร่างกายกำลังจะทนไม่ไหวอีกแล้วเพราะอาการบาดเจ็บจากแผลที่ถูกโบย ไร้การเหลียวแลใด ๆ จนอักเสบเป็นหนองทั่วแผ่นหลัง ยามนี้นางเจ็บปวดจากความร้าวระบมนั้นจนไม่อาจจะทนต่อไปได้อีกแล้ว 

“ท่านพ่อ ชาตินี้ลูกอกตัญญูแล้ว ไม่เพียงทำให้ท่านลำบากใจ ยังพาตัวเองมาตายอนาถเช่นนี้อีก หากชาติหน้ามีจริง ขอให้ลูกได้เกิดมาทดแทนบุญคุณของท่าน และใครที่ทำสิ่งโสมมใดไว้กับข้าในชาติภพนี้ ขอให้พวกมันชดใช้อย่างสาสมและแสนสาหัสเป็นทวีคูณ” 

เปรี้ยง!! 

เสียงฟ้าผ่าลงมาเป็นเส้นยาวบริเวณหลังจวนแลดูน่าหวาดกลัว ลมกรรโชกแรงราวกับตอบรับฟังคำร้องขอของหญิงสาวผู้อาภัพที่กำลังจบชีวิตอย่างน่าสังเวช ไร้ผู้ใดเหลียวแล 

และกว่าคนในจวนจะรู้ว่าฮูหยินรองของบ้านได้จบชีวิตลงแล้ว ก็เป็นเช้าของวันใหม่ 

เพราะไม่มีใครอยากยุ่งยากในการทำศพให้หญิงกาลกิณีอย่างนางแม้แต่คนเดียว ร่างของหญิงสาวจึงถูกห่อด้วยผ้าเนื้อหยาบก่อนที่พ่อบ้านจะสั่งให้บ่าวชายสองคนขนร่างนางขึ้นรถม้า เพื่อให้นำออกไปทิ้งกลางป่านอกเมืองราวกับนางไม่ใช่มนุษย์ 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว