‘แก้มใส’ ไม่อาจบอก ‘ปรเมศ’ ว่าเธอไม่ใช่พี่เลี้ยงรับฝากเด็กอย่างที่เขาเข้าใจ แต่กลับเป็นแม่แท้ๆ ที่อุ้มบุญลับๆ ด้วยไข่ของเธอเองกับน้ำเชื้อของเขาที่ถูกอดีตภรรยาขโมยมา
ดังนั้น ‘น้องกานต์’ จึงเป็นลูกของเขาและเธอ
เวลานี้แก้มใสจึงยอมทำทุกอย่างเพียงเพื่อจะได้ใกล้ชิดเลือดเนื้อเชื้อไขที่เขาพรากไป เพราะรู้ดีว่าคนหยาบคายป่าเถื่อนอย่างเขาไม่มีวันให้ความรักความอ่อนโยนแก่เด็กน้อยตาดำๆ ได้อย่างแน่นอน เธอไม่อยากให้น้องกานต์ต้องโตขึ้นมากลายเป็นคนโหดร้ายเย็นชาเหมือนพ่อ
ทว่าปรเมศกลับไม่อนุญาตให้เธอสมัครงานในตำแหน่งพี่เลี้ยง เธอ! ต้องอยู่กับเขาในฐานะ ‘นางบำเรอ’ เท่านั้น
“หนูยอมเป็นของคุณ แต่คุณต้องรักษาสัญญา หนูต้องได้อยู่ที่นี่ ได้มีโอกาสดูแลใกล้ชิดน้องกานต์”
แม้ว่าน้ำเสียงที่เปล่งออกไปจะสั่นเครือคล้ายกำลังจะร้องไห้ ทว่าดวงตาของเธอกลับจ้องมองไปที่เขาอย่างหนักแน่นรอคอยคำสัญญา
ปรเมศไม่ได้ยิ้มหรือแสดงสีหน้าใดๆ ออกไป มีเพียงแววตาที่ยังคงทอดมองไปยังเจ้าของร่างงามที่เกือบจะโป๊เปลือย เขาเลิกคิ้วน้อยๆ แล้วชี้นิ้วไปที่บราเซียก่อนจะตวัดนิ้วเป็นสัญญาณว่าเธอควรจะถอดมันออกได้แล้ว
แก้มใสกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ถอดบราเซียออกแล้วถือมันไว้ด้วยมืออันสั่นเทา ราวกับชั่งใจเธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึกโยนบราเซียทิ้งราวกับไม่ยี่หระ
เธอตัดสินใจแล้ว!
แน่นอนว่าต้องยอมรับผลที่กำลังจะตามมา!
ทรวงอกของสาวแรกรุ่นนั้นทั้งเต่งตึง และชูชันผงาดท้าทายได้อย่างน่าหลงใหล ราวกับดอกบัวตูมเนียนนุ่มน่าสัมผัส ปรเมศไม่ใช่ผู้ชายสุภาพแสนดี และแน่นอนว่าเขาไม่ใช่สุภาพบุรุษชวนฝัน เขาคือชายที่เต็มไปด้วยตัณหาราคะ และทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดไม่ว่าจะถูกหรือผิด
เป็นผู้ชายอันตรายสีเทาๆ ค่อนไปทางสีดำและหมองหม่น ในชีวิตของเขาไม่เคยมีสีขาวแต่งแต้ม แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ใช่คนผิดคำพูด
“ฉันสัญญา”
คำตอบรับราวกับพายุ สิ้นสุดน้ำเสียงห้วน เขาก็สาวเท้ายาวก้าวประชิดร่างบาง มือข้างหนึ่งโอบเอวคอดกิ่วแล้วกระชากเธอเข้ามาในอ้อมกอดเต็มแรง มืออีกข้างบีบปลายคางให้แหงนเงยก่อนจะบดจูบลงไปอย่างกักขฬะไร้ซึ่งการทะนุถนอม