บทนำ
สัปดาห์สุดท้ายของเดือนกุภาพันธ์เป็นเทศการการสอปปลายภาคของนักเรียนระดับชั้นมัธยมปลายของโรงเรียนประจำอำเภอในจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดภาคอีสาน
“โอ้ย เสร็จสักที่เหนื่อยเป็นบ้า”
เป็นเสียงของเด็กหนุ่มนักกีฬาประจำโรงเรียนร้องขึ้นหลังจากออกมาจากห้องสอบในวิชาสุดท้ายของเทอมนี้แลเข้าก็จะปิดเทอมสักที
“เสียงดังไปแล้ว ตอง ไม่เห็นจะเหนื่อยตรงไหนเลย อย่าเวอร์ได้ ป่ะ”
“แหม่ แล้วใครจะไปเก่งแบบคุณล่ะครับ คุณทิวเขา ขนาดมีเรื่องยังทำข้อสอบได้ ถ้าไม่มีเรื่องนี้งคงได้เต็มทุกวิชา” ตองแซวเพื่อนสนิท ดีกรีนักเรียนดีเด่น 4 สมัยซ้อน และถึงแม้ปีนี้จะไม่ได้นักเรียนดีเด่นก็ไม่เป็นไรแต่ถ้าผลการเรียนออกมาทิวเขาก็ยังคงเป็นที่ 1 ของระดับสายชั้นอยู่ดี
“ มึงไม่ต้องมาพูดมา ตอง คะแนนมึงก็คงไม่ห่างกับกูมาเท่าไรหรอก ขนาด ซ้อมหนักนะเนี้ยยังได้คะแนนเยอะทุกวิชา” ทิวเขาไม่ยอมแพ้ โต้คืนเพื่อนสนิทอย่างไม่มีใครยอมใคร
“อ้อมึง มึงจะไปวันนี้เลยเหรอ “ ตองถามทิวเขาขณะเดินลงจากอาคารเรียนเพื่อที่จะกับบ้าน
“ อ้อ แม่กับพ่อกูมารอรับกูเป็นอาทิตย์ละ เย็นนี้กินข้าวเสร็จก็คงออกเดินทางเลย “ ทิวเข้าตอบ ตองในขณะที่เดินออกมาเพื่อขี่จักรยายนต์กลับบ้านตามสไตล์เด็กต่างจังหวัดที่ให้ลูกหลานเดินทางมาโรงเรียนเองเพราะไม่ค่อยที่จะสะดวกมารับส่งบุตรหลาน หรือไม่ก็เดินทางโดยรถโรงเรียน ในขณะที่ทิวเขาขับรถจักรยายนต์มาตามทางก็จะเจอคนรู้จักบ้างร้องทักทายกันตามประสา
บ้านกำนัน ธง ราชพฤกษ์
บ้านหลังนี้มีสมาชิกอยู่กันหลากหลายคน และหลายครอบครัวที่อยู่บริเวรรั้วเดียวกัน เนื่องจากเจ้าของบ้านที่เคยเป็นอดีตกำนัน ที่ตอนนี้ท่านได้เกษียณแล้ว ท่านยังทำธุรกิจเล็กที่มีมูลค่าจำนวนหนึ่งคือ ท่านมีไร่องุ่น ไร่ผลไม้หลากหลายชนิดอีกทั้งยังมีฟาร์ม วัวนม วัวเนื้อ และตอนนี้ก็มีคาแฟ่เล็กที่เปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวและยังจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปผลิตผลของไร่และฟาร์ม รวมไปถึงชาวบ้านที่ทำการแปรรูปสิ้นค้าแล้วนำมาฝากขาย
ทิวเขาเป็นหลายชายคนเดียวของกำนัน ธง ซึ่งเกิดจากบุตรสาวคนโต กับลูกเขยที่ได้หย่าหร้างกันมาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว
บริเวรบ้านแบ่งเป็นสามส่วนใหญ่ๆคือ บ้านไม้หลังใหญ่สมาชิกที่อาศัยบ้านหลังนี้ มีจำนวน 4 คนด้วยกันประกอบไปด้วย กำนันธง คุณนานสายสร้อย ทิวเขา และที่ขาดไม่ได้เลยคือ อาเจนนี่ คนที่คอยดูแลดูทิวเขาตั้งแต่เกิดจนโตแต่ทั้งสัปดาห์ได้มีสมาชิกใหม่มาเพิ่ม อยู่ 3 คนคือ บุษบา แม่ของทิวเขา ชลธี พ่อเลี้ยงของ ทิวเขา และ มะลิเด็กหญิงวัย 7 ขวบน้องสาวต่างพ่อของทิว ซึ่งทั้ง 3 จะมารับทิวไปอยู่ด้วยซึ่งเป็นปกติของทุกๆปีที่ชั่วปิดเทอมใหญ่ทิวเขาจะได้อยู่กับพ่อแม่
ในส่วนบ้านหลังอื่นก็จะมีบ้านพักของน้าชายของทิวเขาซึ่งตอนนี้ได้แต่งงานและไปใช้ชีวิตที่เมืองนอกกับครอบครัว ส่วนอีกหลังเป็นของคนงานและแม่บ้านที่ไม่ใช้คนในพื้นที่ได้ใช้พักอาศัยซึ่งได้แบ่งเป็นล็อคไว้สำหรับคนที่มีครอบครัวและตัวคนเดียว
“กลับมาแล้วเหรอลูก” คุณนายสายสร้อยทักหลายชายที่พึ่งกลับมาจากโรงเรียน
“ครับยาย สวัสดีครับ แล้วคนอื่นๆไปไหนกันหมดครับทำไหมทั้งบ้านเหลือแค่ยายคนเดียว” ทิวเขาถามคุณยายพร้อมสอดสายตาหาสมาชิกของบ้าน
“อ้อ แม่กับน้องเราไปคาแฟ่กับอาเจนตั้งแต่บ่าย ส่วนตาเราไปประชุมกลุ่มเกษตร นะลูก อ้อส่วนพ่อเราขึ้นไปนอนพักตอนบ่ายเองล่ะ คืนนี้ต้องออกเดินทางไกลก็เลยขึ้นไปพักก่อนนะ เดี๋ยวสักพักเราก็ไปปลุกพ่อเราด้วยละกัน”
“ครับยาย” ทิวเขา ขานรับคุณยาย
“แล้วนี้เราเก็บของเรียบร้อยแล้วหรือยัง ถ้ายังก็ขึ้นไปเก็บให้เรียบร้อย เดี๋ยวแม่เรากลับมาเห็นว่ายังไม่เรียบร้อยก็จะบ่นเราอีก ยายละเบื่อแม่เราเต็มทนล่ะพูดมากเสียจริงน่ะแม่เราน่ะ”
ทิวเขาหน้าเสียแต่ก็ยื่นฟังคุณยายบ่นแม่ต่ออีกหน่อยแล้วก็ขอตัวขึ้นมาบนห้องเพื่อเก็บของตามคำสั่งยายที่จริงทิวเขาเก็บเสร็จมาแล้วหลายวันมาเก็บเพิ่มเติมก็ของใช้ส่วยตัวจำนวนหนึ่งเท่านั้น
ตอนเย็นในขณะที่ทุกคนกำลังทานเข้าเย็นกันพร้อมหน้าพร้อมตา
“ทิวเขาตาโอนเงินเข้าบัญชีให้เราแล้วนะ ไปอยู่ที่นูนอยากได้อะไรก็ซื้อเลยนะลูก ถ้าไม่พอก็โทรมาหาตาเดี๋ยวตาโอนไปเพิ่มให้” กำนันธงบอกหลานชายคนเดี๋ยวที่จะเดินทางไปอยู่กับมารดาในช่วงปิดเทอม
“ครับ ขอบคุณครับคุณตา แต่เงินเก็บทิวก็ยังมีอยู่นะครับ แค่นี้ทิวก็เกรงใจมากแล้วครับตา” ทิวตอบ
“จะมาเกรงจงเกรงใจ อะไรกันฮะทิว พ่อฉันก็เต็มอกเต็มใจประเคนให้แก่ขนาดนั้น อีกหน่อยคงยกบ้านยกฟาร์มให้แก่หมด คงจะไม่เหลือให้ลูกๆหรอก” บุษบาแม่ของทิวเขาพูดแซะพ่อตัวเองและลูกชายขึ้นมา
“ก็ใช่นะ เดี๋ยวถ้าทิวเขามันเรียนจบมหาลัยเมื่อไรฉันก็จะยกสมบัติของฉันและของแม่แก่ให้เจ้าทิวทั้งหมดนั้นและ”
“พ่อ” บุษบาร้องขึ้น
“พอได้แล้วคุณจะเสียงดังทำไหมกินข้าวแล้วเราจะได้ออกเดินทางผมไม่อยากออกดึกๆ” ชลธี สามีใหม่ของบุษบาหรืออีกอย่างก็คือพ่อเลี้ยงของทิวเขาได้พูดขึ้นหลังภรรยาแสดงอาการไม่เหมาะสมบนโต๊ะทานข้าว
“ขอโทษแทนบุษด้วยนะครับคุณพ่อคุณแม่”ปราณขอโทษผู้อาวุโสของบ้าน
“ออ ทิว พวกของฝากพวกพี่ๆของเราอาเตรียมให้พร้อมไว้ในกล่องให้แล้วนะเดี๋ยวกินเสร็จก็ยกขึ้นรถเลยนะ”
“ครับอาเจน”ทิวเขาขอบคุณเจนนี่หรืออาเจนน้องของบิดาของเขา
เวลา 19.00 น.
“ทิวไปก่อนนะครับ คุณตาคุณยาย อาเจน” ทิวเขาบอกลาทุกคนก่อนออกเดินทางไปอยู่กับมารดาในช่วงปิดเทอม
“เดินทางปลอดภัยนะลูก ถึงแล้วโทรมาหายายนะลูก”คุณนายสายสร้อยอวยพรและกำชับให้หลานชายโทรหาเมื่อถึงที่หมาย
“ครับคุณยายเดี่ยวทิวจะโทรหาคุณยายบ่อยๆนะครับ”ทิวเขาตอบรับคุณนายสายสร้อย
“ไปได้แล้วเจ้าทิว แม่เราหน้าไม่รับแขกแล้ว” ตาของทิวเขาบอกหลานชายให้ขึ้นรถเพราะลูกสาวของตนทำหน้าตาไม่พอใจมองมายังกลุ่มพวกตนที่กำลังร่ำลากันอยู่บริเวรหน้าบ้าน
“พวกเราไปก่อนนะครับคุณพ่อคุณแม่สวัสดีครับ มะลิ บอกลาคุณตาคุณยายยและอาเจนสิลูก” ชลธี บอกพ่อแม่ลาของภรรยา และให้ลูกสาวไหว้บอกลาผู้ใหญ่ที่ออกมาส่งขึ้นรถ
“สวัสดี ค่ะ คุณตา คุณยาย อาเจน”
“จ๊ะ ไปดีมาดีนะลูกมาให้ยายกอดหน่องทั้งสองคน” คุณนานสายสร้อยกอดหลานและดันหลังให้เด็กๆขึ้นไปในรถ
“ครับ/ค่ะ ยาย”
“ขับรถดีดีนะง่วงก็พักอย่าฟื่นนะ” กำนันธงบอกลูกเขย
“ครับคุณพ่อ”
และแล้วก็เริ่มแล้วปิดเทอมใหญ่ที่แสนยาวนานของทิวเขา ปีนี้จะเจออะไรบ้าง 2 เดือนกว่านี้จะป็นอย่างไรก็ลุ้นกันไป