"อั๊ก!" เสียงสุดท้ายของชายร่างสมส่วนเปล่งออกมาอย่างจุกในอก ก่อนจะฟุบหลับไปอยู่บนพื้นอันแสนเยือกเย็น
ในยามวิกาลที่ไร้สิ้นเสียงของผู้คน ท่ามกลางถนนแสนเปล่าเปลี่ยว สองข้างทางมองไปทางใดมีเพียงต้นไม้ต้นใหญ่ที่หนาตาอยู่ในห้วงของความมืดมิด สายลมเย็นเข้าโอบชายที่อาบไปด้วยน้ำสีแดงที่ไหลออกจากกาย เท้าหนาแสนอ่อนแรงพร้อมจะล้มทรงตัวไม่ได้ พยายามเดินหนีตายอย่างสุดชีวิต เขาหนาวเหน็บปนเจ็บปวดด้วยร่างกายที่ทรุดโทรม เจ็ดวันเต็ม ๆ ที่เขาถูกกักขังและทรมานด้วยชายกลุ่มใหญ่ ในอีกทาง...ใจดวงหนาเจ็บปวดยิ่งกว่ากายที่ได้รับการทรมาน คือเธอคนนั้นที่หลอกลวง เห็นเงินทองเป็นนายจนหลงระเริงทิ้งคนที่รักเธอมากยิ่งกว่าชีวิต คำสัญญาใยเคยให้ไว้ มันสลายไปกับสายลมอย่างเลือดเย็น เขาแค้นในอกเหลือเกินจนอยากตายให้รู้แล้วรู้รอด แต่ด้วยความตั้งใจ สักวันนึงเขาจะทำให้เธอทุกข์ทรมานเจียนตายดั่งเช่นเดียวกันกับเขา
ณ บ้านหลังเดี่ยวสองชั้นในซอยแคบ ๆ รถเก๋งคันสีขาวหยุดจอดที่ข้างรั้วสีอ่อน หญิงทั้งสามคนลงจากรถด้วยความเงียบไร้สิ้นเสียงของการพูดคุย ก่อนจะมีเสียงหนึ่งเอ่ยแก้สถานการณ์อันน่าอึดอัด เพราะลูกสาวที่ไม่ได้ดั่งใจของเธอ
“ขอบคุณน้าของแกสิ มีปากพูดไม่เป็นหรือไง” หญิงวัยกลางคนกดเสียงด้วยความไม่ชอบใจ
“ขะ ขอบคุณค่ะ” เสียงสั่นระเรื่องเปล่งออกมาด้วยความฝืน
“ไม่เป็นไร ที่น้าทำก็เพราะหวังดี อยากให้หลานสาวคนสวยของน้าได้เจอคนดีๆ มีเงินมีทองใช้สบายๆ เตรียมตัวไว้นะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะติดต่อท่านไกรพลว่าทางเราพร้อมแล้ว” เสียงหวานอ่อนโยนที่เปล่งออกมาทำให้คนที่ได้ยินมิกล้าอาจเถียงสู้ เพราะด้วยความหวังดีของน้าที่ประสงค์ต่อเธอ
“ยังไงก็ขอบใจเพชรงามมากนะ ที่ช่วยหาคนดีๆ ให้ลูกฉัน”
“ขอบจงขอบใจอะไรละพี่ ทัดดาวมันก็หลานฉัน ฉันก็อยากให้หลานเจอคนดีๆ รวยๆ แบบนี้แหละ” เพชรงามบอกพร้อมยิ้มน้อยๆ อย่างสุขใจที่มีหลานสาวเป็นโชคเป็นชัยให้กับเธอด้วยเช่นกัน
“เข้าบ้านเถอะ มันดึกมากแล้ว อาบน้ำชำระล้างกายให้สะอาดๆ จะได้นอนหลับฝันดี” เพชรงามเอ่ยทิ้งท้าย ก่อนจะขับรถคันหรูออกไปจากซอยแคบ ๆ อย่างมีความหวังกับสิ่งที่เธอต้องได้รับจากการแต่งงานในครั้งนี้