จากการหลงเชื่อคำเพื่อนสนิทที่ลากเขาให้ไปเรียนเลือกวิชาวรรณกรรมเป็นวิชาเสรี ราวเป็นสิ่งจุดประกายแสงหวามไหวบางอย่างขึ้นในใจ พึ่งเข้าใจคำว่าหลงใหลเอาก็วันนี้ รู้ตัวอีกทีก็โงหัวขึ้นมาไม่ได้แล้ว ความเฉิ่มเชยของอีกฝ่ายที่แสดงออกมา ในสายตาของอรชุนแล้วมันออกจะน่ามองมากทีเดียว
“อาจารย์ทัศครับ…” เด็กหนุ่มจับจ้องคนอายุมากกว่ารอบหนึ่งได้ตรงหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย
ทัศนัยเหลือบสายตาขึ้นมองคนอายุคราวลูกตรงหน้า ริมฝีปากบางแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อยราวคนไม่รู้เหนือรู้ใต้กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในเวลาถัดไป ดวงตาที่สบมองอรชุนคล้ายกับแก้วใสไร้สีไม่มีความรู้สึกขุ่นมัวใดที่เจืออยู่ในนั้นสักนิด มือเรียวยาวทั้งสองข้างกำเข้าหากันพลางบีบมันเบา ๆ คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อยคล้ายจะถามถึงจุดประสงค์ของคนตรงหน้าโดยไร้เสียงใด
อรชุนเงียบเสียงลงทันที เขาเลือกจะเงียบและไม่พูดอะไรออกไปต่อ กลืนเอาความรู้สึกที่ตีขึ้นมาจนถึงลำคอให้กลับลงไปในช่องท้อง ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มออกมา ก้มลงเอาเอกสารการสอนที่ยังวางอยู่บนเครื่องปิ้งสไลด์นั้น รวบเก็บเข้าด้วยกันก่อนส่ายหน้าเป็นอันปฏิเสธ “ไม่มีอะไรครับอาจารย์ ผมเรียกเฉย ๆ”
“กวนนักนะคุณ” เสียงหัวเราะเล็ก ๆ เจือออกมาในคำพูดนั้น ทัศนัยรวบเอาการบ้านที่นักศึกษาเขียนวิจารวรรณกรรมตามที่เขาสั่งใส่ลงในแฟ้มใส่เอกสารก่อนเก็บมันลงในกระเป๋าหนังสีน้ำตาลมันปลาบ
อรชุนยิ้มออกมา ดวงตาคู่คมจับจ้องอีกฝ่ายอย่างนึกเผลอไผลไปชั่วครู่
“ขอบคุณนะคุณ”
“ผมเต็มใจครับอาจารย์”
ยามค่ำคืนภาพหนึ่งในห้วงคนึงของผมคือคุณ ยามหลับตาลงเข้าสู่ห้วงนิทราครานั้นผมเห็นภาพคุณ คุณเป็นเหมือนความฝันหนึ่งในยามหลับไหล เป็นภาพหนึ่งที่ผมใคร่อยากได้ยลยามลืมตาตื่น คุณเปรียบเสมือนแสงสว่างอันหวามไหวในใจของผม ที่ผมเอาแต่ "คนึงฝัน"
----
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาเอาอาชีพใด ๆ มาทำให้เสื่อมเสียแต่อย่างใด ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านเรื่องราวนี้ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง
นิยายเรื่องนี้เป็นเหมือนอารมณ์ชั่ววูบของเราค่ะ คิดขึ้นมาได้ก็อยากเขียนมันเดี๋ยวนั้น แพชชั่นกำลังแรงกล้าหวังว่าทุกคนจะชื่นชอบนิยายเรื่องนี้นะคะ เย้! เราตั้งใจจะให้มันออกมาฟีลกูดแต่ก็น่าจะดราม่าอยู่แบบจุก ๆ แหละ แต่เราเป็นคนสุขนิยมเพราะงั้นจะจบแฮปปี้แน่นอนค่ะสาบานต่อหน้าหลอดไฟ