ในรอยเหมันต์...จะเรียกว่าเป็นภาคต่อของจอมใจมหาโจรก็ได้นะคะ เพราะหวานนำตัวละครที่ชื่อพอวามาเขียนใหม่ รู้สึกติดใจ ติดค้างกับพอวามาก เลยเอามาแยกเขียนซะเลย แต่เป็นเรื่องสั้นนะคะ เนื้อหาไม่ได้ต่อเนื่องกันแต่อย่างได ไม่จำเป็นต้องอ่านเล่มไดเล่มหนึ่งก่อน อ่านแยกได้เลยค่ะ
ฝากกดไลค์กันด้วยนะคะสาวๆ ^^
แดดอ่อนๆ ส่องผ่านใบไม้ที่ปกคลุมหนาทึบ สาดแสงเล็ดลอดลงมากระทบผืนดิน แมกไม้ใบหญ้าและสรรพสิ่งนาๆ ที่อยู่เบื้องล่าง สองเท้าก้าวเดินไปนั่งตรงโขดหินใกล้ลำน้ำ ใช้มือปัดเก็บไรผมที่ประหน้าชื้นเหงื่อจนทำให้เกิดความรำคาญ เธอถลกแขนเสื้อยืดสีขาวรวบไว้เหนือหัวไหล่ ยกเท้าวางลงในน้ำแล้วใช้มือกวักน้ำเย็นจัดตามธรรมชาติขึ้นมาลูบล้างใบหน้า
“ร้อนชะมัด...นี่ขนาดอยู่บนดอยนะ ถ้าอยู่ในเมืองจะขนาดไหน” เธอบ่นพึมพำกับตัวเอง พลางกวักน้ำล้างมือล้างคอไปด้วย หลังจากนั้นจึงรวบผมดำขลับที่ยาวเลยกลางหลังผูกรัดเป็นจุกสูงไว้กลางศีรษะ
เธอเอนหลังใช้สองมือค้ำด้านหลังแล้วปล่อยตัวตามสบายพร้อมกับหลับตาลง สูดดมอากาศบริสุทธิ์เต็มร้อยในป่าใหญ่ ที่นี่ไม่มีมลพิษ ไม่มีความวุ่นวาย ไม่มีการแก่งแย่งชิงดีที่แสนจะน่าเบื่อหน่ายอย่างในสังคมภายนอก เป็นดินแดนที่อยู่ห่างไกลความเจริญ แต่มันก็ห่างไกลจากแรงกดดันในการใช้ชีวิตเช่นกัน
หลายต่อหลายคน...ดิ้นรนจะจากไปเพราะอยากมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่สำหรับเธอแล้วข้างนอกนั่นต่างหาก ที่ดึงให้ทั้งสภาพร่างกายและจิตใจต่ำลง
ตลอดหลายปีที่เลือกมาเป็นหมอประจำการบนดอยซึ่งต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากเพราะที่นี่ขาดสิ่งอำนวยความสะดวกทุกรูปแบบ กันดาร...และเดียวดาย
หลายคนว่าเธอบ้า ไม่มีผู้หญิงคนไหนแบกรับสภาพเช่นนี้ได้นานหรอก มันไม่สนุกและเป็นการตัดอนาคตตัวเองทางอ้อม แทนที่จะได้มีความเจริญก้าวหน้า กับต้องมาจมปลักอยู่บนป่าบนเขา ไม่เคยได้ใส่ชุดสวย ไม่เคยได้แต่งหน้า ไม่เคย...ได้มีสังคมอย่างที่ควรจะเป็น
แต่เธอก็เลือกมันแล้ว และมีความสุขกับสิ่งรอบตัวเหล่านี้โดยไม่เคยแยแสคำทัดทานเอ่ยห้ามใดๆ ทุกคนควรมีสิทธิ์พิสูจน์ความเชื่อของตัวเอง
“อาบน้ำเสียหน่อยดีกว่า คันไปทั้งตัวแบบนี้กว่าจะถึงหมู่บ้านได้เป็นผื่นเต็มไปหมดแน่ๆ” ร่างเล็กขยับลุกยืนแล้วบิดตัวผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทาง แล้วมองไปรอบๆ เพื่อสำรวจให้แน่ใจอีกครั้งว่าไม่มีใครอื่นอยู่ในบริเวณนี้นอกจากเธอ
แน่นอนว่าธารน้ำที่ไหลยาวตลอดสายมักมีสิ่งมีชีวิตอาศัยเพื่อใช้น้ำในการดำรงชีพ ผู้หญิงตัวคนเดียวย่อมมีอันตรายหากทำอะไรรุ่มร่ามสุ่มสี่สุ่มห้า แต่เธออยู่ที่นี่มาหลายปี พอจะรู้ทางหนีทีไล่ รู้ว่าตรงไหนปลอดภัย หรือตรงไหนที่ควรหลีกเลี่ยง
แอ่งน้ำแห่งนี้ไม่ใช่ที่โจ่งแจ้ง เพราะเป็นสายน้ำเล็กๆ ที่ไหลแยกมาจากลำธารใหญ่ไหลตามร่องหินมารวมกันอยู่ในสระขนาดไม่ใหญ่มากนัก ความลึกระดับอก น้ำที่ล้นออกจากสระตามธรรมชาติสรรค์สร้างไหลลึกเข้าไปในป่าแล้วสิ้นสุดเพียงระยะสั้นๆ จากการซึมลงในดินเรื่อยๆ จนหมดเพราะมีปริมาณน้อย
รอบๆ บริเวณนี้รกชัฏ ต้นไม้น้ำปกคลุมโดยทั่ว คนภายนอกไม่สามารถมองเห็นได้ง่ายๆ หากไม่เคยสำรวจมาก่อน เธอพบสถานที่นี้พร้อมกับแดนสรวงเพื่อนร่วมอุดมการณ์เมื่อหลายปีก่อน ถึงตอนนี้มีเพียงเธอเท่านั้นที่ยังคงแวะเวียนมาบ่อยครั้งในยามที่ต้องเดินทางไปยังหมู่บ้านอื่นๆ เพื่อรักษาคนป่วย เธอเป็นหมอ...ไม่ว่าเธอจะอยากเป็นหรือไม่ก็ตามเธอก็เป็นแม่พระของคนบนดอย ทุกวันนี้เธอก็รักและทุ่มเทกับหน้าที่ของตัวเองอย่างไม่เคยขาดตกบกพร่อง
ปลายเดือนมีนาคมกำลังเข้าสู่เดือนเมษาอากาศร้อนจัด หรีดหริ่งเรไรร้องระงมป่า หากเป็นการใช้ชีวิตปกติทั่วไปก็คงไม่ร้อนมากนักเพราะอยู่ในป่าในดอย อุณหภูมิจะต่ำกว่าภายนอกอยู่แล้ว แต่เนื่องจากเธอต้องแบกสัมภาระเดินทางไกลหลายกิโลจากหมู่บ้านหนึ่งกับมายังหมู่บ้านที่ตัวเองพักอาศัยอยู่ ทำให้ร่างกายต้องออกกำลังอย่างหนักกว่าเดิม เหงื่อกาฬไหลซึมไปทั่วร่าง ทั้งร้อนทั้งเหนียวตัวไปหมด
เสื้อยืดเนื้อผ้าดีถูกถอดวางลงบนโขดหินในที่ลับตาคน ตามด้วยบราเซียสีดำสนิท กางเกงยีนตัวเก่ง และชั้นในสีเดียวกับ บรา...
ขาเรียวเล็กขาวนวลค่อยๆ ก้าวเดินลงในน้ำเย็นจัด แต่มันไม่ทำให้เธอรู้สึกสะท้านสักนิด เพราะร่างกายกำลังต้องการความสดชื่นอย่างเต็มที่ ผืนน้ำไสสะอาดมองเห็นถึงพื้นด้านล่างที่ปูไว้ด้วยหินดินทราย เธอย่างเหยียบลงไปถึงใจกลางแล้วกวักน้ำลูบไล้ไปตามเนื้อตัว
น้ำไหลพรมเปียกชื้น ระดับน้ำโอบอุ้มถึงปทุมถันคู่งามที่อวบสะพรั่งชูชัน รูปร่างได้สัดส่วนไม่ผอมไม่เจ้าเนื้อจนเกินไปเพราะต้องออกกำลังบ่อยๆ ทำให้สรีระของเธอดูกระชับงดงามเหมือนประติมากรรมชั้นเอก
เธอเริ่มลอยตัวแหวกว่ายเหมือนปลาน้อยที่ระเริงอยู่ในสระน้ำเย็น ทั้งผ่อนคลาย ทั้งได้ปลดปล่อย
พุ่มอกงามอ้อล้อกับระดับน้ำที่กระเพิ่มไหวเมื่อเธอขยับตัวหงายแล้วใช้สองเท้าตีเพื่อลอยตัว ยอดถันสีชมพูสดเครียดเกร็งอยู่เหนือปานสีอ่อนที่วาดรอบระบายเต้างาม ดวงตากลมโตหลับพริ้ม สะเอวคอดกิ่วลอยขึ้นเหนือผิวน้ำในบางครั้ง
เนินสาวที่มีม่านไหมดำประปรายปกคลุมขยับแยกเมื่อสองขาแหวกวนอยู่ในนทีธาร...
“นั่นมันนางกินรีหรือไง...หรือเราถูกผีหลอก” ชายหนุ่มในชุดทหารพรานอุทานเบาๆ จังหวะหัวใจของเขาเต้นสั่นกับภาพหญิงสาวในสระน้ำเบื้องล่าง ตั้งแต่มาประจำการ ณ ชายแดนแห่งนี้ เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงชาวบ้านคนไหนสวยหยาดเยิ้มได้เท่านี้มาก่อนเลย จึงไม่แน่ใจนักว่าเธอคือมนุษย์ปุตุชน หรือผีป่านางไม้จำแลงกายมากันแน่
หรือจะเป็นนางกินรีมาถอดปีกถอดหางลงเล่นน้ำจริงๆ ...
“นี่เรากำลังแอบดูผู้หญิงอาบน้ำเหรอ...โธ่เว้ย!” เสียงทุ้มในลำคอขบถกับตัวเองแล้วหันหลังให้ภาพนั้นทันที เขานั่งลงตรงโคนต้นไม้ใหญ่เป่าลมหายใจออกทางปากแล้วหลับตาลง เขาไม่รู้หรอกว่าเจ้าหล่อนเป็นใคร แต่ในกลางป่าแบบนี้มันเต็มไปด้วยอันตราย ทำไมเจ้าเธอช่างใจกล้าเปลือยกายลงเล่นน้ำได้อย่างชื่นมื่นไม่เกรงกลัวภัยใดๆ เลย
ใจหนึ่งเขาอยากกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง อีกใจก็ห่วงว่าหากมีใครมาเห็นเหมือนอย่างที่เขาเห็น อาจจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอคนนั้นหรือเปล่า
คิดแล้วก็นึกโมโหยิ่งนัก...เพราะปกติหญิงสาวชาวบ้านป่าในแถบนี้จะรักนวลสงวนตัวเพราะวัฒนธรรมที่ยังเข้มงวด การอาบน้ำในแม่น้ำลำธารพวกเธอจะไปกับเป็นกลุ่ม และนุ่งผ้าถุงป้องกันมิดชิดไม่ได้อล่างฉ่างเช่นนี้
แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่าเรือนกายเปล่าเปลือยของเธอทำให้เลือดในการของเขาฉีดพล่านเร่าร้อนทั้งสรรพางค์...
“ผู้กองเสือ! ทำอะไรอยู่ครับ ตรงนั้นมีอะไรเหรอ”
“เปล่า! ไม่มีอะไร ไม่ต้องเข้ามา! ข้าจะพักสักหน่อย พวกจ่ากลับฐานไปก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวจะตามไป” เขาตะโกนบอกลูกลูกน้องที่มาด้วยกัน แต่ตนเองนั้นแยกตัวออกทำธุระส่วนตัวจนได้เห็นของของดีเข้า ชายชาติทหารกัดฟันกรอด หากคนที่มาไม่ใช่เขาล่ะ...
“ผู้กองไม่เป็นไรแน่นะ...”
“เออ!”
“ก็ได้งั้นพวกผมกลับก่อน เป็นห่วงหรอก กลัวจะเป็นลม”
“ตรงนี้ลมดี ข้าแค่อยากนั่งคิดอะไรเงียบๆ”
กลุ่มทหารพรานที่ออกล่าตระเวนด้วยกันพากันโบกมือลากลับฐานไปก่อน พวกเขาอาจแปลกใจในพฤติกรรมอันประหลาดของผู้บังคับบัญชา แต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้มากมาย ผู้กองเสือ หรือร้อยเอกสุริเยนทร์ ภานุเดชเดชา นายทหารหนุ่มวัยสามสิบปลายๆ จึงวางปืนลงราบขวางตักในขณะที่นั่งชันเข่าพิงหลังกับต้นไม้
การดูแลประชาชนถือเป็นหน้าที่ของเขา...ดังนั้นการอยู่อารักขาหญิงสาวแปลกหน้าที่อาจจะตกอยู่ในอันตรายก็ถือเป็นหน้าที่อย่างหนึ่งเช่นกัน เขาไม่ได้คิดมิดีมิร้ายกับเธอแต่มีเจตนาช่วยเหลือ มันคงไม่เสียเวลาเท่าไหร่หรอก
“อย่าช้านักล่ะแม่คุณ...ผมคงอยู่เฝ้าคุณแก้ผ้าเล่นน้ำทั้งวันไม่ไหว หึ หึ”
บริเวณที่เขาอยู่เป็นเนินเขาสูง เบื้องล่างเป็นธารน้ำใหญ่ ส่วนที่หญิงสาวปริศนากำลังเห้อระเหยอยู่นั้นเป็นที่ลับตาพอสมควร เพราะเป็นแอ่งน้ำขนาดเล็กรอบๆ ปกคลุมด้วยต้นไม้และต้นหญ้า แต่หากมองจากที่สูงและสังเกตดีๆ ก็เห็นได้ไม่ยาก ไม่รู้เป็นโชคดีหรือโชคร้ายที่วันนี้เลือกเข้าป่ามาสำรวจเส้นทางใหม่ๆ เพื่อให้สามารถดูแลพื้นที่ได้ครอบคลุมมากขึ้น เขารู้ดีว่าในป่าใหญ่ที่มีอาณาเขตกว้างขวางนั้นมีอะไรมากมายที่ไม่สามารถอธิบายได้
ทั้งเรื่องลี้ลับ ทั้งความเชื่อ...ครั้งแรกที่ได้ยลโฉมสะคราญของนางในธารนทีนั้นเขาก็แอบคิดว่าเธออาจไม่ใช่คน แต่เมื่อตั้งสติได้เขาก็พิจารณาด้วยเหตุผลว่าเธอคงเป็นสาวชาวบ้านในแถบใกล้ๆ นี้แหละ อาจมาลงเล่นน้ำเพราะเห็นเป็นบริเวณที่ห่างไกล และเธอคงไม่ใช่พวกนักท่องเที่ยวที่หลงป่าแน่นอน เพราะพฤติกรรมไม่ได้ร้อนรนแต่อย่างใด
สุริเยนทร์หันมองไปยังสระน้ำเป็นบางครั้งเพื่อเช็คให้แน่ใจว่าเธอยังปลอดภัยดี พยายามหลบเลี่ยงสายตาจากภาพยั่วเย้าอารมณ์กลัดมัน เขาเป็นผู้ชาย...ต่อให้เป็นสุภาพบุรุษขนาดไหนก็เป็นแค่คนธรรมดา ไม่ใช่พระอิฐพระปูน ได้ยลโยมสรีระของอิสรีที่เต็มไปด้วยทรวดทรงสะโอดสะองสมบูรณ์แบบ มีหรือจะไม่หวั่นไหวบ้าง
เขาก็ได้แค่ภาวนา...ขอให้เธอเสร็จภารกิจโดยเร็ว จะได้แยกย้ายกันไปเสียที
“อ้าวเฮ้ย! หายไปไหนแล้ว!” นายทหารหนุ่มขมวดคิ้วจนหน้าผากยืนเกือบชนกัน เขาใช้ปลายด้ามปืนค้ำดินแล้วลุกขึ้นมองสระน้าเบื้องล่างที่บัดนี้มีแต่ความว่างเปล่า ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าไม่ถึงห้านาทีเขายังเห็นหญิงสาวปริศนาเล่นน้ำแหวกวนอย่างสบายใจ
เธอกลับไปแล้วหรือเกิดอะไรขึ้นกับเธอ...
หรือว่าเขากำลังเจอดีเข้าให้แล้ว...
สุริเยนทร์ครุ่นคิดแปลกใจ ขนลุกซู่โดยไม่ทราบสาเหตุ อาจเพราะอากาศเย็นในป่า หรือเพราะเขายังหาคำตอบเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้
“เราคงคิดมากไปเองมั้ง แต่คนอะไรหายตัวเร็วขนาดนั้น หรือรู้ว่าเราอยู่ตรงนี้” เขาเก็บปืนขึ้นจากพื้น ส่ายศีรษะแล้วถอนหายใจหนัก พยายามคิดในแง่ของวิทยาศาสตร์ และเมื่อทุกอย่างเป็นปกติแล้วเขาจึงเดินแหวกหญ้ารกสูงเดินกลับยังเส้นทางที่ใช้บุกเข้ามาสำรวจ
“...” เสียงอะไรบางอย่างทำให้สองเท้าของร้อยเอกหยุดชะงัก หูของเขารับรู้ถึงการเคลื่อนไหว สายตาคมกล้ากลอกเหลือบมองไปด้านหลังแล้วรีบยกปืนขึ้นหันกลับไป นิ้วมือเตรียมพร้อมจะลั่นไกทันที!
“นี่เธอ...” ภาพตรงหน้าทำให้เขาตะลึงยิ่งกว่าได้เห็นหญิงสาวปริศนาว่ายน้ำอยู่ในลำธารเสียอีก เพราะตอนนี้เธอมายืนอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมด้วยปืนสั้นขนาดพกพาในมือ เธอเล็งมาที่เขาด้วยสีหน้านิ่งสงบ แววตาดุดันเหมือนเสือร้าย
“ดุชิบ...” เขาเอ่ยพึมพำพร้อมรอยยิ้มตรงมุมปาก ชายหนุ่มค่อนข้างมั่นใจว่าเป็น ‘เธอ’ ผู้เป็นเจ้าของเรือนร่างดั่งประติมากรรมในตอนที่ว่ายเล่นอยู่ในน้ำ และเมื่อได้มองใกล้ๆ ก็ยิ่งสะกดให้เขาไม่อาจละวางสายตา
เธอเป็นผู้หญิงผิวขาวแต่ไม่ขาวจัด ดวงหวานละมุนแต่คิ้วเข้ม ตาดุ ริมฝีปากบางเฉียบได้รูป จมูกโด่ง ผมยาวดำขลับล้อมอยู่รอบดวงหน้ารูปไข่
“แอบดูฉันเล่นน้ำแล้วคิดจะหนีไปง่ายๆ งั้นเหรอ”
“ใครแอบดูคุณ...ผมอยู่อารักขาต่างหาก คุณน่าจะขอบใจผมด้วยซ้ำ”
“อารักขาหัวตัวเองให้รอดเถอะ” เธอแสยะยิ้ม
“เมื่อกี้ยังเป็นมัจฉาน้อย ตอนนี้เป็นแม่เสือซะแล้ว” ชายหนุ่มบ่นพำพำ ยกมือยอมศิโรราบ แต่สายก็อดไม่ได้ที่จะมองสำรวจ ในหัวของเขาลบภาพเปลือยเปล่าในแอ่งน้ำนั้นออกไปไม่ได้เลย
“ทุเรศสิ้นดี...เป็นทหารดูแลประชาชน กลับทำตัวถ่อยสถุลมาแอบมองผู้หญิงอาบน้ำ” เธอกัดฟันกรอดด้วยความโกรธจัด แต่มือที่ถือปืนนั้นนิ่งไม่กระดิก บ่งบอกถึงความชำนาญไม่ใช่น้อย
“นี่คุณ...ผมไม่ได้ตั้งใจจะดู แต่มันเห็นเอง ผมไปฉี่เข้าใจไหม แล้วนี่มันกลางป่ากลางเขาทำไมคุณไม่ระวังตัวบ้าง เกิดเป็นพวกกลุ่มค้ายา หรือพวกตัดไม้เถื่อน หรือใครก็ตามที่ไม่ใช่ผมผ่านมาเห็น คุณไม่ได้มายืนเอาปืนจ่อหัวเหมือนที่ทำกับผมแบบนี้แน่”
“ฉันอยู่ที่นี่มาหลายปี ไม่เคยมีใครทุเรศทุรังเหมือนนายเลย นิสัยไม่ดีแล้วยังปากเสียอีก”
“นี่เธอ...อย่าขยับนะ ข้างหลังมีงู”
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องหน่อยเลย ฉันไม่ยอมปล่อยนายไปง่ายๆ แน่วันนี้”
“ไม่ได้เปลี่ยน...อย่าขยับ!” เขาตะโกนหน้าตื่นแต่หญิงสาวกลับไม่สนใจ เธอยังคงเล็งปืนมาที่เขาแล้วก้าวเท้าไปด้านข้างหวังดึงเถาวัลย์มามัดตัวชายหนุ่ม
สุริเยนทร์อาศัยจังหวะเพียงเสี้ยววิที่เธอละสายตาพุ่งตัวเข้าหาตบปืนในมือของเธอจนร่วงลงพื้นแล้วคว้าร่างเล็กมากอดพลิกตลบให้ตัวเองไปยืนอยู่นั้นแทน อันตรายไม่อาจหยุดยั้ง...แต่เขาคือผู้ปกป้องไม่เปลี่ยนแปลง
“ปล่อยฉันนะไอ้บ้า!!”
“อย่า...ขยับ” สีหน้าของนายทหารหนุ่มนิ่งงัน เขากะพริบตาถี่และหายใจแรงจนพอหวาเริ่มสังเกต เขายังกอดเธอเอาไว้แน่น แต่เหมือนเรี่ยวแรงจะเริ่มผ่อนลงทั้งที่มือยังรั้งรัดเอาไว้
“นี่...เกิดอะไรขึ้น!!”
สุริเยนทร์ทรุดฮวบลงจนหญิงสาวต้องประคองเอาไว้ เมื่อไม่มีร่างใหญ่บดบังวิสัยทัศน์ เธอจึงเห็นงูตัวใหญ่ที่เลื้อยหนีเข้าพงหญ้าอยู่ไวๆ และได้รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง
เขาถูกงูกัดและเป็นงูที่มีพิษอันตรายมากเสียด้วย
“....” ชายหนุ่มหายใจแรง สีหน้าซีดลงถนัดตา เขาเหลือบมองบาดแผลที่แขนซึ่งเริ่มมีเลือดซึมติดแขนเสื้อ พอวารีบพยุงให้เขานั่งพิงต้นไม้ใกล้ๆ แล้วแกะแขนเสื้อลายพรางสำรวจอาการบาดเจ็บ
“ไหวไหม...” เธอถาม ซึ่งเขาก็พยักหน้า หญิงสาว บีบตรงปากบาดแผลให้เลือดไหลออกมามากที่สุด แล้วดึงมีดพกออกจากฝักตรงสะเอวของเขาแล้วตัดแขนเสื้อจนขาด จากนั้นตัดอีกตามความยาวเพื่อใช้มัดเหนือรอยกัดเพื่อไม่ให้พิษดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย
“เราต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ไม่งั้นคุณไม่รอดแน่” สีหน้าและแววตาของเธอไม่มีแววตื่นตระหนกแม้แต่น้อย จัดการปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยความคล่องแคล่วแต่เบามือ จากนั้นรีบสอดมือพยุงเขาจากด้านหลังให้ลุกขึ้น สุริเยนทร์ทำตามแต่โดยดี เพราะตอนนี้มีเพียงเธอเท่านั้นที่เขาพึ่งพาได้
“คุณชื่ออะไร...” หญิงสาวเริ่มพูดดีด้วย อย่างน้อยๆ เขาก็ช่วยเธอเอาไว้ หากชายหนุ่มในชุดทหารพรานคนนี้ไม่เข้าไปขวาง คนที่ถูกงูกัดก็คงเป็นเธอ และมันคงเลวร้ายเสียยิ่งกว่า เพราะตำแหน่งมือของเขาที่ถูกกัดอยู่ตรงด้านหลังของเธอ หมายความว่าหากไม่มีมือขวางอยู่ งูก็จะกัดเธอตรงแผ่นหลัง ซึ่งควบคุมการกระจายของพิษได้ยากกว่า พิษก็กระจายเข้าสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ง่ายกว่าอีกด้วย
“สุ...สุริเยนทร์” น้ำเสียงของเขากระท่อนกระแท่น แต่ขาก็ยังเดินได้เร็ว มือข้างหนึ่งกำประคองมือข้างที่บาดเจ็บไม่ให้สะเทือนมากนักขณะเคลื่อนไหว
“ฉันชื่อพอวา...ฉันเป็นหมอ” น้ำเสียงของเธอปนหอบ ประคองร่างใหญ่ทุลักทุเลออกจากป่าจนมาถึงทางเดิน เธอก็พาเขาไปนั่งบนโขดหินข้างลำธารที่ลงอาบเมื่อครู่
“คุณต้องรอฉันอยู่ที่นี่ ฉันไม่มีเซรุ่มติดตัว ถ้าเดินมากพิษจะแพร่กระจายเร็วขึ้น ฉันจะรีบไปเอาเซรุ่มแล้วให้คนมาช่วยพาเข้าหมู่บ้าน” พอวากล่าวรวบรัด คลายผ้าตรงแขนเหนือบาดแผลชั่วครู่แล้วรีบมัดไว้ดังเดิม สายตาของเธอจับจ้องอยู่กับสีหน้าของเขาตลอดเวลา
“แผลไม่ลึกเพราะแขนเสื้อคุณหนา ไม่ต้องตกใจคุณจะไม่เป็นไร...” เธอพยายามปลอบ ชายหนุ่มก็พยักหน้า สภาพร่างกายที่แข็งแรง บวกกับทักษะในการใช้ชีวิตในป่าทำให้พอวาเชื่อมั่นว่านายทหารหนุ่มผู้นี้รู้ว่าควรทำตัวอย่างไรเพื่อให้พิษแพร่กระจายเข้าสู่ร่างกายน้อยที่สุดในระหว่างที่รอเธอกลับมา
พอวาคว้ากระเป๋าปฐมพยาบาลแล้ววิ่งไปตามทางที่ทอดยาวเข้าสู่หมู่บ้านที่เธอพักอยู่โดยไม่เหลียวหลังกลับมามองให้เสียเวลา สุริเยนทร์ก็นั่งจับแขนข้างที่บาดเจ็บเอนพิงหินก้อนใหญ่ด้านหลังแล้วหลับตาลง พร้อมถอนหายใจยาว ผ่อนคลาย...