“เฮ้ ทำอะไรของเธอเนี่ย!”
“ทำไมจะทำไม่ได้...บุหรี่มันไม่ดี ทำไมต้องสูบมันด้วย” ฟ้าใสพูดเสียงห้วน หน้าตาบ่งบอกความไม่พอใจเต็มที่
“มันเรื่องของฉัน เธอมายุ่งอะไรด้วย” พยัคฆ์พูดอย่างหงุดหงิด
“กลิ่นมันเหม็นจะตาย ทำไมต้องสูบมันด้วย” ฟ้าใสพูดอย่างไม่ยอมแพ้
“เหม็นเหรอ เธอพิสูจน์รึยังล่ะ” พยัคฆ์ยื่นหน้าหล่อเหลาเข้าไปใกล้อย่างจงใจ ดวงตาสีดำสนิทจ้องเข้าไปในดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้ม นัยน์ตาเต้นระริกราวอย่างรื่นรมย์ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาจนเผยให้เห็นเขี้ยวแหลมทั้งสองข้าง เมื่อเห็นท่าทางย่นคอหนีอย่างหวาดๆ ของอีกฝ่าย เขาก็เหมือนเสือหนุ่มที่กำลังสนุกสนานกับการล้อเล่นกับเหยื่อตัวเล็กๆ ที่ไร้ทางสู้
“พี่จะทำอะไรคะ...ถอยออกไปนะ!”
“ฉันก็แค่อยากให้เธอช่วยพิสูจน์หน่อยว่ามันเหม็นอย่างที่เธอบอกจริงรึเปล่า” พยัคฆ์บอกดวงตาสีดำใหญ่กวาดไปทั่วเนียน ความใกล้ชิดทำให้เขามองเห็นโครงสร้างใบหน้าของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน ดวงตากลมโตซึ่งมีความตระหนกฉายชัดอยู่ จมูกเล็กๆ โด่งพองาม และสุดท้ายปากอวบอิ่ม ซึ่งพอได้เห็นใกล้ๆ แบบนี้ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ ขึ้นมากะทันหัน
“พี่ถอยไปนะ ไม่งั้นหนูร้องจริงๆ ด้วย!” ขู่ด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ซึ่งมันน่าขันมากกว่าน่ากลัวสำหรับพยัคฆ์
“ถ้าเธอร้อง เดี๋ยวอาจารย์ก็รู้ว่าฉันแอบมาดูดบุหรี่ที่นี่พอดี...ถ้าอาจารย์มาเห็นเข้าแล้วฉันโดนทัณฑ์บน ฉันจะโทษว่าเป็นความผิดเธอ ฉะนั้นเธอต้องเก็บความลับนี้เอาไว้ เข้าใจมั้ย” พยัคฆ์ขู่พร้อมกับก้มหน้าลงไปใกล้อีกนิด เป็นปฏิกิริยาเร่งให้อีกฝ่ายตอบรับ
“คะ ค่ะ” ฟ้าใสรับคำอย่างว่าง่าย เพราะความเกรงกลัว ยิ่งได้เห็นเขี้ยวแหลมๆ ทั้งสองข้างของเขา ยิ่งทำให้เธอตัวสั่นเข้าไปใหญ่
“ทำไมเธอถึงไม่ชอบบุหรี่”
“เพราะพ่อฉันตายเพราะบุหรี่ พ่อฉันเป็นมะเร็งปอด ฉันกลัวพี่จะตายแบบพ่อฉัน”
“เธอกลัวฉันตายงั้นเหรอ” พยัคฆ์ถามออกไปอย่างไม่รู้ตัว นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่มีใครเป็นห่วงเขาแบบนี้ ตั้งแต่แม่ของเขาจากโลกนี้ไป
“ฉันก็แค่ไม่อยากให้ใครต้องมาตายเพราะมันอีก” ฟ้าใสรีบบอก ตอนนี้หัวใจเธอเต้นแรงจนแทบโลดออกมานอกอก เต้นแรงซะจนน่ากลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงเต้นตึกตักของมัน ความใกล้ชิดครั้งแรกกับเพศตรงข้าม ทำให้เธอหายใจไม่ทั่วท้อง รู้สึกเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจในอีกไม่ช้านี้แล้ว
“ตอนนี้กลิ่นบุหรี่ยังติดอยู่ที่ปากฉันรึเปล่า”
“มะไม่รู้ค่ะ”
“พิสูจน์ให้หน่อยสิ ฉันจะออกไปข้างนอกแล้ว อยากรู้ว่ามันยังมีกลิ่นบุหรี่ติดอยู่ที่ปากฉันรึเปล่า”
“พิสูจน์ยังไงคะ” ฟ้าใสถามซื่อๆ เช่นเดียวกับแววตาซึ่งจ้องตอบเขาด้วยความฉงน ซึ่งมันทำให้พยัคฆ์รู้สึกได้ไม่ยากว่าเธอไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำสักนิด
พยัคฆ์ยิ้มออกมา แทนคำตอบเขายื่นหน้าหล่อเหลาเข้าไปใกล้ แล้วบอกสั้นๆ แต่ไม่ทั้งหมด
“ก็...”
ริมฝีปากสีสดร้อนๆ กดลงกับปากระเรื่อ แล้วบดเคล้าเบาๆ ฟ้าใสแทบช็อกดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความคาดไม่ถึง จนลืมผลักไสเขาออกชั่วขณะ เปิดโอกาสให้เขาจูบเธออยู่นานโดยไม่ได้ขัดขืนอย่างที่น่าจะเป็น
“เก็บความลับของเราเอาไว้ดีๆ ล่ะ ฉันปิดปากเธอเอาไว้แล้ว” พยัคฆ์บอกเมื่อถอนปากออกจากปากระเรื่อ หมุนร่างหันหลังให้อีกฝ่ายซึ่งยังคงเบิกตากว้างอยู่ราวกับสติหลุดออกจากร่าง รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาของเขานิดหนึ่ง ก่อนจะก้าวจากไป
ฟ้าใสได้สติเมื่อเขาก้าวจากไป มือขึ้นข้างสั่นเมื่อแตะลงกับปากระเรื่อของตนเอง ความร้อนวาบที่ยังคงติดอยู่กับปากของตนเอง ทำให้เธอต้องรีบละมือออก นี่จูบแรกของเธอถูกพรากจากไปแล้วเหรอ เธอยกมือขึ้นทาบลงกับอกด้านซ้ายของตนเอง หัวใจเต้นแรงจนแทบโลด มันเต้นแรงเหมือนเสียงกลองที่กระหน่ำอยู่ภายใน
#ฝากติดตามด้วยนะคะทุกโคนนนนน #ศิริภัสสร #ณิชกานต์