Ep. 1 

 

และแล้วก็มาอยู่ในที่ๆหนึ่ง ซึ่งมานพจะไม่ทราบที่ไปที่มาเลยว่ามาโผล่ที่นี่ได้ยังไง ตามแบบฉบับความฝัน แต่ที่แน่ๆ มันค่อนข้างเลือนลางเอามากๆ 

 

เขามาอยู่ในสถานที่หนึ่ง ซึ่งในความเป็นจริง(โลกปัจจุบัน)แล้ว ก็คล้ายๆ ที่แข่งขันกีฬาเกี่ยวกับน้ำ จำพวก เจ็ทสกีน้ำ แข่งเรือยนต์ มานพอยู่ในเหตุการณ์ ถูกต้องแล้ว เขารู้ดีว่าเขาต้องเป็นนักกีฬาอะไรซักอย่าง แต่เขาเป็นนักกีฬาอะไรล่ะ? เขารู้ตัวแค่ว่าเขาขับมอไซต์ที่วิ่งบนน้ำได้ มอไซค์วิบากติดสกีน้ำ  

 

ทุกอย่างดูเป็นไปได้ด้วยดี การแข่งขันมีความสนุกสนานผู้ชมต่างโห่ร้องกันใหญ่ มันยิ่งใหญ่มาก เหมือนการแข่งระดับประเทศ แต่แล้วทุกอย่างก็ค่อยๆ มืดลง มืดลง 

 

แต่แล้วทุกอย่างกับแย่ลง ความรู้สึกดำดิ่งเข้าไปในความมืด พวกของมานพ(พวกนักกีฬา) ถูกกักตัวอยู่ที่ด่านข้ามเมือง(เหมือน สถานนีรถไฟฟ้า) แต่ทุกอย่างแย่กว่านั้น พวกกลุ่มคนติดอาวุธ คล้ายทหาร กีดกันพวกเขา  

 

ในนั้นมานพรู้สึกว่ามีประชาชนจำนวนไม่น้อยรอขึ้นรถไฟฟ้า ทางเดินที่สูงขึ้นไปด้านบนถูกประตูบางอย่างกั้นอยู่ ประชาชนบางส่วนรอที่ข้ามไปยังอีกสถานนีแต่ก็มีกลุ่มคนติดอาวุธดักเอาไว้ ตอนนั้นเขากดดันมาก  

 

"เราจะทำอย่างไงดี?" 

 

การสอบถามเกิดขึ้น ผู้ที่เป็นหัวหน้าของมานพ ตอบคำถามและอธิบายถึงเอกสารต่างๆ ว่าพวกเขาเป็นใคร? และเรามาทำอะไรที่นี่? ซึ่งหลายต่อหลายคนก็พูดเช่นกัน ความสับสนวุ่นวายกระจายเป็นวงกว้าง และความกดดันนั้นทำให้มานพ พูดอะไรโง่ๆ ออกมา 

"ปล่อยพวกเราออกไป เราแค่มาแข่งกีฬาจะอะไรหนักหนา"  

 

สิ้นเสียง ก็มี ผู้ชายรูปร่างท้วมมีหนวด หน้าตาเข้มขรึม เดินมาเอามือคล้องคอของมานพ พลางกึ่งลากกึ่งดึงเขาออกไปจากกลุ่ม และเริ่มพูดขึ้น ซึ่งเป็นคำที่ไม่ค่อยน่าฟังนัก 

 

"แกไอ่หนู การที่มีอายุน้อยๆ ปากน้อยๆไว้ก็ดี ไม่งั้นมันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่แกจะได้พูดนะ เข้าใจไหม"  

 

พูดจบ สันปืนสีดำที่อยู่ในมือของเขา ก็กระแทกเข้ามุมปากอย่างจัง ความรู้สึกมึนๆครึ้มๆ คล้ายว่าเขาไม่สามารถทำอะไรได้ กำเนิดเกิดขึ้นทันที  

 

"เราคงต้องพึ่งตัวเอง"  

 

พอคิดได้ยังงั้น มานพจึงไม่รอช้า หาทางอื่นที่พอจะผ่านด่านนี้ออกไป ทางอื่นมันต้องมีสิน่า เขาเดินออกจากกลุ่มคนที่กำลังประท้วง ที่ดื้อดึงที่ฝ่าด่านออกไป เขาเดินลัดเลาะไปตามทางเดินที่ไร้ผู้คน มีเพียงเสียงโห่ร้องที่ค่อยๆแผ่วเบาลงจากข้างหลัง

"มันต้องมีสิน่า"  

 

มานพคิดเพียงเท่านี้ แต่ด้วยการหาหนทางอยู่เพียงผู้เดียวประสาทสัมผัสทั้งหมดมันจะชัดเจนมาก มีคนตามเขามา แว่บแรก เขาไม่อาจรู้ว่าใครหรือว่าเค้าตามเขามาด้วยเหตุใด ตอนนี้เขาคิดเพียงแค่ว่า เขาต้องหาทางผ่านไปและถ้าเป็นความฝันก็ขอให้ตื่นเสียที เพราะไม่ยังงั้นแล้วเขาคงต้องติดอยู่ที่นี่และ....... 

 

"ช่วยด้วย ช่วยพวกเราด้วย"  

 

เสียงนั้นดังมาจากข้างหลัง เป็นเสียง ผู้หญิง รุ่นราวคราวเดียวกับมานพ แต่ในอ้อมกอดเค้า มีเด็ก ใช่พอเพ่งมองชัดๆ เด็ก? ที่อายุไม่น่าเกิน สามขวบ เด็กไม่ร้องอะไรมีเพียงเสียงผู้หญิง เท่านั้น ที่กำลังพูดอยู่ ความรู้สึกกระอักกระอวมเกิดขึ้นอีกครั้ง เขาควรไปช่วยเค้าทั้งคู่หรือเขาควรหาทางออกจากที่นี่

ความรู้สึกกดดันเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เหมือนคนปวดหัวและอยากอาเจียนตลอดเวลา แต่นั่นก็ไม่เท่ากับว่าผู้หญิงคนดังกล่าวซึ่งตอนนี้ ได้มายืนอ้อนวอนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว

 

"ช่วยด้วย ช่วยพาเราไปด้วย" 

 

ยังไม่ทันได้สิ้นเสียง มานพรู้สึกได้กับสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวของเขา มันเงียบ เงียบซะจนไม่รู้สึกอะไรเลยจากที่ยังจะพอมีเสียงคนประท้วงตะโกนโหวกเหวกโวยวายกัน ตอนนี้มันเงียบมาก เหลือเพียงมานพ เขาคิดว่าเขายังเอาตัวไม่รอดเราจะช่วยหญิงคนนี้ได้อย่างไร?  

 

ไม่มีเวลาคิดแล้ว มานพนำหน้าหญิงสาวที่อุ้มเด็ก มุ่งหน้าขึ้นไปยังบันไดตรงหน้า ชานชลา แน่นอนมันคือสถานนีรถไฟฟ้า ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับทางขึ้นที่มีด่านอยู่ เขาค่อยๆ เลียบๆ ทางเดินขึ้นไป พยายามก้มต่ำให้มากที่สุด เพื่อที่่เขาจะเดินตามรางรถไฟฟ้าไปยังสถานนีต่อไป ซึ่งเป็นความกดดันที่ไม่อาจคาดเดาได้ ก่อนที่เขาจะข้ามทางรถไฟหญิงสาวได้เอ่ยขึ้น  

 

"พาเค้าไป รับเด็กคนนี้ไป ข้ามไปอีกฝั่งให้ได้"  

 

มานพสังเกตเห็นว่าเหมือนผู้หญิงคนนี้มีอาการป่วยอยู่ด้วยหน่อยๆ ซ้ำยังเหลือบเห็นผื่นแดง ตามคอ และแขน

**ผู้หญิงคนดังกล่าว น่าจะนับถือศาสนามุสลิม เพราะเค้าใส่ ญิหาบ อันนี้บอกก่อนเลยว่าไม่ได้จะกล่าวล่วงศาสนาหรืออย่างไร เป็นเพียงความทรงจำที่ถูกเขียนและถ่ายทอดออกมาเท่านั้น**  

ซึ่งเมื่อเขาข้ามมาอีกฝั่งเราต้องปีนขึ้นไปบนสถานนี เขาหันกลับไปมองผู้หญิงคนนั้นก็หายไปเสียแล้ว อีกอย่างที่ทำให้เขาเป็นกังวลก็คือ เขาไม่สามารถเดินไปตามรางรถไฟ โดยมีเด็กไปด้วยได้ จึงจำเป็นต้องขึ้นไปอยู่บนสถานนี

 

ซึ่งก็มีประชาชนที่ไม่มีสิทธิขึ้นมา และถูกกักตัวอยู่ข้างล่างชานชลา เช่น พวกประชาชนที่มาประท้วงรวมถึงเจ้าหน้าที่ติดอาวุธเหล่านั้นด้วย รวมไปถึงพวกนักกีฬา ที่เขามาร่วมแข่งขันด้วยเช่นกัน

 

มานพอุ้มเด็กคนนี้ ซึ่งไม่รู้เลยว่าทุกอย่างจะจบลงยังไง? กับกลุ่มคนที่อยู่ข้างบนนี้ด้วยกัน ที่เข้าใจว่ามีสิทธิ์รอขึ้นรถไฟฟ้าอย่างอภิสิทธิ์ชน เสียงอืออึงเงียบลง แทนทีด้วยเสียงลางรถไฟฟ้าที่สั่นคลือ รถไฟใกล้เข้ามาแล้ว มันจะจบแล้ว เรากำลังจะตื่น

 

แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิด ผู้คนที่อยู่ในรถไฟอัดแน่นกันเหมือนจะล้นออกมา ไม่มีที่ให้มานพเข้าไปอยู่ หรือแม้กระทั่งจะแหย่เท้าเข้าไปโดยซ้ำ และสิ่งที่เลวร้ายแท้จริงก็ประจักษ์อยู่ตรงหน้า พวกเค้าติดเชื้อ อาการของเชื้อจะมีตุ่มออกจากผิวหนังเป็นกระจุกๆ ตุ่มดังกล่าว รอบๆจะเป็นเหมือกสีใสๆ ภายในจะมีก้อนตุ่มสีดำคล้ำ ดูๆแล้วคล้ายลูกตาที่นำมารวมๆกันแปะติดผิวหนังไว้ ทุกคนที่อยู่ในรถไฟ ต่างกระเสือกกระส่นที่จะมีชีวิตรอดและตอนนี้รถไฟกำลังจะจอด และเขาอยู่ตรงนี้ จะทำอย่างไรดี? จะหนีไปไหนดี? เราจะรอดไหม

โปรดติดตามตอนต่อนะครับ 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว