สิทธิเดช บุญฑริกาในฐานะผู้บริหารนโยบายคนสำคัญตั้งคำถาม
"ผมอยากถามคำถามนี้มานาน ในจิตสำนึกพวกโคซิโอ มีบ้างไหมที่มองเห็นปัญหาของส่วนรวมว่าบางครั้งก็ไม่ยิ่งใหญ่ไปกว่าปัญหาของคนคนเดียวที่ต้องทนทุกข์อย่างโดดเดี่ยวแต่ต่อสู้เพื่อชาติเหมือนกัน
คนคนนี้อาจตกอยู่ในวงล้อมของพวกค้ายาเสพติด ตัวคนเดียวมีปืนกระบอกเดียวกระสุนจำกัด ขณะที่ผู้ค้ายามีคนมากพร้อมจะฆ่าเขา
ปัญหาใหม่อาจเป็นปัญหาที่ดินทำกิน ชาวนาทั้งประเทศยากไร้ที่นาถูกนายทุนเงินกู้ยึดหรือติดจำนองเป็นปัญหาใหญ่เช่นกัน
แน่นอน เฉพาะหน้าเราต้องช่วยคนตกอยู่ในวงล้อมนักค้ายาเสพติด ผมอยากทราบว่าในจิตสำนึกของเราเวลา เราตัดสินใจว่าอะไรเป็นปัญหาใหญ่กว่ากัน เราวัดด้วยอะไร ด้วยประสบการณ์หรือด้วยความสำนึกทางด้านจริยธรรมและมนุษยธรรม
เหมือนผมตั้งโจทย์ว่าระหว่างพระแก่กับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ กำลังจะจมน้ำและคุณว่ายน้ำไม่แข็ง คุณจะช่วยใครเป็นคนแรก
ปฏิบัติการของโคซิโอบางครั้งเหมือนช่วยพระแก่เพราะเชื่อว่าเด็กผู้หญิงจะลอยตัวอยู่ในน้ำได้นาน
เราเคยปฏิบัติการข้ามชาติถูกมองเป็นภูตผีปีศาจแสดงตัว ทำร้ายคนพื้นเมือง เขาไม่เคยชินกับเราเช่นที่เปชวาร์, ปากีสถาน เรายิงทิ้งพวกญาติๆของนางนาซิมเกือบสิบคนทั้งๆที่เขาปกป้องคนที่ไม่มีความผิด
เราเป็นผีที่โกหกเหมือนจริง แม้จะได้ความลับกลับมาแก้ไขปัญหาจนสำเร็จ
คนอาจบอกว่า นี่แหละเทวดามาโปรดแล้ว
แต่ที่เปชวาร์ในปากีสถาน ผมย้ำเราคงไม่ต่างจากภูติผีปีศาจดีๆในสายตาของคนพื้นเมือง
เวลาไม่ได้ตัดสินเรา แต่เป็นเราต่างหาก ใช้เวลาเป็นตัวตัดสิน เหมือนกับเราทำสรุปสถานการณ์ มันช่วยบอกช่วงระยะเวลาหนึ่ง ว่าเกิดอะไรขึ้นในรอบสัปดาห์ อาศัยการข่าวกรองเข้าช่วย
เรารู้ว่าใครกำลังจะทำอะไร จะสำเร็จหรือไม่ ถ้าสำเร็จมีผลกระทบอะไร ถ้าไม่สำเร็จอะไรจะเกิดขึ้น คำตอบเหล่านี้มาจากการวิเคราะห์
จะแม่นยำก็ต้องใช้ปัจจัยหลายอย่าง ทั้งทฤษฎี วิชาการ ประสบการณ์ที่เคยเข้าไปคลุกอยู่กับสถานการณ์ที่เป็นจริง เคยเป็นตัวผู้เล่น ผู้นำหรือผู้บงการ
ทั้งหมดนี้ไม่อาจพยากรณ์ได้แม่นยำ ถ้าปราศจากผู้ให้ข่าวรวมทั้งไม่มีแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือให้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องกับเราได้
ในฐานะผู้ทำหน้าที่ข่าวกรองคนหนึ่งและเคยเห็นปฏิบัติการมอสสาด ผมบอกได้ว่าปัจจัยสำคัญที่สุดคือ "มนุษย์" มนุษย์ที่มีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ นั่นยังไม่พอ แต่ต้องมีสติปัญญา สมาธิ การตัดสินใจที่ใช้เวลาเสี้ยววินาทีได้ถูกต้อง มนุษย์คนนี้ไม่ใช่ซุปเปอร์แมน แต่ต้องเป็นมากกว่านั้น เขาต้องเป็นคนที่ฝึกซุปเปอร์แมนได้
แน่นอนความเป็นมนุษย์ เขาย่อมมีความรัก ความอ่อนโยน มีความอ่อนไหว ร้องไห้หัวเราะและเข้าใจสัจธรรมชีวิตด้วย"
สหชาติขอมีโอกาสพูดบ้าง...
"ผมคิดว่าผมเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง มีเลือดเนื้อ มีจิตใจเหมือนคนปรกติ เมื่อเข้าเป็นทีมโคซิโอผมคิดว่าคงจะล้าหลังคนอื่นเพราะฝึกมาคนละแบบที่อังกฤษแบบหนึ่งที่ไทยอีกแบบหนึ่ง
ผมมาเรียนรู้ในประเทศไทยที่นี่ ว่าจริงๆแล้วมาตรฐานสากลไม่มี มันถูกเรียกขึ้นมาเพื่อเป็นมาตรวัดของการกำหนดมาตรฐานของประเทศมหาอำนาจบางประเทศในสภาพแวดล้อมเฉพาะถิ่น ถิ่นของไทยต่างกัน เรามีมาตรฐานต่างกัน คำว่าสากลใช้ในความเหมือนเพียงบางด้านเท่านั้น เมื่อการปฏิบัติจริงมันต่างกันลิบลับ
ท่านถามว่าเรามี”จิตสำนึก”ในการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ผมตอบว่ามีและไม่มี มีเพราะเรามีแผนไตร่ตรองใช้เวลาทบทวนล่วงหน้าและปฏิบัติตามแผน “จิตสำนึก”เกิดขึ้นตามแบบที่ควรจะเป็นในด้านจริยธรรม ขึ้นอยู่กับการคาดหวังจากการกระทำตามแผนนั้น
ที่ว่าไม่มีนั้น เพราะสถานการณ์ฉุกเฉินเฉพาะหน้า เราทำงานตามสัญชาติญาณมันเป็นความชำนาญบวกการเรียนรู้จากประสบการณ์ “จิตสำนึก”เกิดขึ้นระหว่างปฏิบัติการตามสถานการณ์ เช่นกันในเปชวาร์ เราตัดมือผู้หญิงเมียของคนร้ายเพื่อให้พูดความจริง สามัญสำนึกซึ่งไม่ใช่ “จิตสำนึก”บอกว่ามันขัดต่อ มนุษย์ธรรม เรามารู้ภายหลังว่าเขาใช้ตัวแทนเป็นนักโทษประหารชีวิต “จิตสำนึก”เกิดขึ้น ว่าที่ถูกต้องคือกระบวนการทั้งหมดทำไปอย่างใช้ดุลยพินิจเพื่อหวังผลด้วยวิธีการเช่นนั้นถูกต้องหรือเปล่า"
สิทธิเดชเสริมว่า
"ผมไม่ได้ตั้งคำถามแต่อยากตอบคำถามที่ท่านถามว่า
ความทุกข์ใจของคนคนเดียวใหญ่กว่าความทุกข์ของคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศได้หรือไม่
ผมเห็นว่ามันขึ้นอยู่กับปัจจัยว่าความทุกข์นั้นเกี่ยวกับอะไร คนคนเดียวทุกข์เพราะปัญหายาเสพติด ทำลายเยาวชนของชาติทั้งหมด
ส่วนทุกข์ของชาวนาเกิดจากที่ทำกินร้อยละ 90 ถูกยึดครองโดยนายทุน
การแก้ปัญหายาเสพติดแก้ไขโดยต้องทำลายแหล่งผลิตซึ่งอยู่นอกประเทศ ต้องทำลายเครือข่ายเป็นลูกโซ่กว้างขวางใหญ่โตหลายเครือข่ายล้วนมีอิทธิพลทั้งเงินตราและบารมีในกลกลไกรัฐระดับสูงพัวพันอยู่ ปัญหานี้แก้มายี่สิบถึงสี่สิบปีแก้ไม่ตก
การแก้ปัญหาชาวนาอาจแก้ได้โดยปฏิรูปที่ดินที่ทำกิน ขจัดปัญหาดอกเบี้ยผิดกฎหมายและสัญญาไม่เป็นธรรม ตัดตอนอิทธิพลนายทุนเงินกู้ ใช้กลไกสหกรณ์ทดแทนนายทุนเงินกู้ ปัญหาเงินกู้นอกระบบอาจแก้ไขได้
ทุกข์ของคนคนเดียวที่เผชิญหน้าปัญหาอิทธิพลยาเสพติดต้องต่อสู้ด้วยชีวิตจึงใหญ่กว่าความทุกข์ของคนส่วนใหญ่ที่มีปัญหาที่ดินทำกิน ซึ่งน่าจะแก้ด้านพื้นฐานด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพได้ชัดเจนกว่า แต่ปัญหายาเสพติดเป็นโครงสร้างสังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อมทางค่านิยม และความอ่อนแอทางจิตวิทยาที่เริ่มตั้งแต่ครอบครัว"
สิทธิเดชถามต่อว่าโคซิโอควรปฏิบัติต่อวิกฤติการณ์เช่นนี้อย่างไร ทุกคนอึ้ง บางคนส่ายหน้า ท้ายสุดเอกรินทร์ลุกขึ้นมาพูดว่า
"เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องดูแลแก้ปัญหาครับ เรามีรัฐบาลพลเรือนที่ต้องแก้ปัญหาเหล่านี้มาหลายรัฐบาลทั้งเป็นประชาธิปไตย รวมทั้งมีรัฐบาลทหารที่มาจากการปฏิบัติ แต่แก้ไขอะไรไม่ได้
ทำไมเพราะในรัฐบาลเองเป็นตัวปัญหา หรือผู้เป็นต้นตอที่สร้างปัญหาคือคนในรัฐบาล เป็นรัฐมนตรี หรือเป็นกลไกเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และระดับรองๆ ลงมาได้ผลประโยชน์มากบ้างน้อยบ้าง ปัญหาจึงแก้ไขสะสางไม่สำเร็จครับ"
สิทธิเดชถามอีกครั้ง
"แสดงว่าการคงอยู่ของโคซิโอทำอะไรไม่ได้"
"ถึงขณะนี้ใช่ครับ" เสียงทุกคนประสานกันตอบ
"นี่ละที่ผมคาดว่าจะได้ยิน" สิทธิเดชไม่แปลกใจ เขากล่าวต่อว่า
"โคซิโอทำผลงานไว้มาก ประสบผลสำเร็จในงานหลายชิ้น หลายครั้งบางคนแทบเอาชีวิตไม่รอดงานประจำคือสรุปสถานการณ์ทำทุกอาทิตย์เป็นระยะเวลาร่วม 20 ปีที่ผ่านมาได้ผลดีอย่างยิ่ง
โคซิโอไม่มีวาระ อยู่มาทุกรัฐบาล ไม่มีรัฐบาลไหนรับรู้หรือมารับรองการทำงานของหน่วยงานระดับสูงสุด ในแง่การข่าวกรองของชาติเช่นโคซิโอ
.......................................................บัดนี้ถึงวาระแล้ว ผมอยากแจ้งให้ทราบกับทุกสมาชิกโคซิโอว่า คณะผู้บริหารให้คณะโคซิโอมีทางเลือกสองทาง ทางแรกคือคณะผู้บริหารได้ตัดสินใจยุติการปฏิบัติงานของหน่วยงานโคซิโอ ตั้งแต่สิ้นเดือนนี้เป็นต้นไป ทุกคนจะได้รับเงินตอบแทนเท่ากับเงินเดือนงวดสุดท้ายคูณด้วยจำนวนปีที่โคซิโอตั้งมาคือ20ปี รวมแล้วได้เท่าไร คณะบริหารจะสมทบให้อีกสามเท่าตัวและจะจ่ายเงินบำนาญให้ทุกคนเดือนละหนึ่งแสนบาทไปตลอดชีวิต อนึ่งทุกคนจะต้องไม่แสดงตน ว่าเคยทำงานนี้ตลอดชีวิต ไม่ว่าในกรณีใดๆ ไม่ให้บอกใครทั้งสิ้น รวมทั้งบุคคลในครอบครัว ค่ารักษาพยาบาลตามอัตราข้าราชการ ประกันชีวิตเป็นกรณีพิเศษ ทางคณะบริหารติดต่อประเทศ สหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ กลุ่มประเทศอาเซียน, สวีเดน, นอร์เวย์และเดนมาร์ก และในยุโรป ยินดีให้คุณลี้ภัยหากคุณไม่ปลอดภัยจากการถูกคุกคามถูกปองร้าย คุณสามารถติดต่อเราเป็นการส่วนตัวได้ทุกวันเวลา ขอให้โคซิโอสลายตัว ยกเลิกองค์กรตั้งแต่สิ้นเดือนธันวาคมนี้เป็นต้นไป
ทางที่สอง.......ต้องอยู่ในข้อตกลงร่วมกันเป็นเอกฉันท์ของสมาชิกโคซิโอว่าจะดำรงอยู่ต่อไปโดยปฏิบัติการเป็นอิสระไม่ผูกพันหรือมีพันธะเกี่ยวข้องกับคณะผู้บริหารอีกต่อไป คณะผู้บริหารไม่รับรู้หรือรับผิดชอบใดๆต่อปฏิบัติการของโคซิโอซึ่งไม่อาจอ้างอิงคณะบริหารได้ จะไม่มีการจ่ายงบประมาณรายเดือน ยกเว้นเงินเดือนสุดท้ายคูณ20ปีและสมทบอีกสามเท่าตัวตามสิทธิ์ที่พึงได้และเงินบำนาญให้ทุกเดือนละหนึ่งแสนบาท แต่จะไม่มีเงินสนับสนุนอื่นๆให้โคซิโออีก
นับตั้งแต่สิ้นเดือนธันวาคม 2443เป็นต้นไป สำหรับความปลอดภัยและพาสปอร์ตพิเศษนั้นยังได้สิทธิ์นั้นอยู่และลี้ภัยในทุกประเทศที่ระบุเหมือนเดิม
ศิริเดชขอพูดในนามสมาชิกโคซิโอว่าทางทีมงานขอหารือเป็นการภายในเป็นเวลา3ชั่วโมง
จากนั้นจะรายงานผลการตัดสินใจให้ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาตินายสิทธิเดช บุณฑริกาทราบโดยทันทีว่าโคซิโอจะเลือกข้อเสนอว่ารับหนทางที่หนึ่งหรือหนทางที่สอง
หลังการหารือ
“เรามีความเห็นและตกลงเป็นเอกฉันท์ว่าโคซิโอจะดำรงอยู่และปฏิบัติงานเป็นอิสระ” ศิริเดชชี้แจง
“เราจะตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนงบประมาณปฎิบัติการโดยตุลย์มีเงินส่วนตัวมาสมทบขั้นต้น 20ล้านบาท”สหชาติให้ข้อมูล เขากล่าวว่ายังมีโคซิโอคนอื่นๆจะทะยอยกันส่งเงินมาสมทบด้วยในภายหลัง
สำหรับแนวทางที่เป็นเป้าหมายหรือมิชชั่นของโคซิโอนั้นศิริเดชอธิบายว่าโคซิโอเคยระดมสมองก่อนหน้ามาระยะหนึ่งแล้วว่าปัญหาของประเทศที่สำคัญมีอะไรบ้างเป็นปัญหาหลักและควรจะแก้อย่างไร
“เราได้ข้อสรุปและนี่คือเป้าหมายเป็นมิชชั่นของเรา”
ภาพรวมของเราคืออุดมการณ์สร้างสังคมไทยใหม่ที่เป็นธรรมให้กับประชาชนที่เป็นคนส่วนข้างมากไม่ใช่คนส่วนน้อยที่กระจุกตัวอยู่ในตัวเมืองใหญ่โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เราจะต้องขจัดกลุ่มทุนผูกขาดทั้งการเงินการตลาด ส่งเสริมการเก็บภาษีแบบโปรเกรสซีฟอย่างมีประสิทธิภาพ ขจัดการใช้เงินทุนทุ่มเพื่อนำตัวแทนเข้าสภา ส่งเสริมเศรษฐกิจและธุรกิจที่ก้าวหน้าและมีกำไรบางส่วนช่วยสังคม ยกเลิกการศึกษาเพื่อเอาปริญญาหรือสอนความรู้ที่ปฏิบัติในชีวิตและการงานจริงไม่ได้ รณรงค์ให้สังคมมีการพัฒนาเท็คโนโลยี่ใหม่ๆที่ใช้งานเชิงปฏิบัติและทดสอบได้จริง รณรงค์ให้การศึกษาวิทยาศาสตร์ฟิสิค เคมีและชีวะเป็นฐานที่จะสร้างอุตสาหกรรมใหม่ๆได้เกิดขึ้นในประเทศไทย
โคซิโอไม่ใช่พรรคการเมืองแต่จะทำการรณรงค์ผลักดันอุดมการผ่านองค์กรมวลชนรวมทั้งพรรคการเมืองที่ยึดผลประโยชน์ของชาติ ข้าราชการที่มีผลงานเป็นรูปธรรมต่อประชาชน นักวิชาการนักวิจัยคุณภาพที่ทำงานกับมวลชนระดับรากหญ้าได้
นายสิทธิเดช บุญฑริกา กล่าวยกย่องที่โคซิโอเปลี่ยนรูปแบบแนวทางจากการรับคำสังจากคณะผู้บริหารไปสู่การสร้างอุดมการที่เป็นมิชชั่นของตัวเองอย่างเป็นรูปธรรม
เขาพร้อมเสมอที่เปิดประตูรับทีมงานโคซิโอเป็นการส่วนตัว
สุดท้ายเขาขอขอบคุณที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติอย่างซื่อสัตย์ไม่เห็นแก่ชีวิตและครอบครัวพวกคุณได้ทำประโยชน์อย่างใหญ่หลวงให้กับสังคมไทยและชาติไทย ขอให้โชคดีตลอดไป....สวัสดีครับ"
โคซิโอทุกคนเดินเรียงตัวกันจับมือกับคุณสิทธิเดช
และลาจากซึ่งกันละกันอย่างเงียบๆ
จบบริบูรณ์
เวลา๘.๑๐น.
อำเภอแม่เหียะ จังหวัดเชียงใหม่
เปิดใจผู้เขียนนวนิยายเรื่อง"ราชการลับ" เป็นเรื่องราวที่เขียนจากเรื่องจริงโดยในปลายรัฐบาลพลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันท์เป็นนายกรัฐมนตรี ประเทศไทยตกอยู่ในภาวะแตกแยก พรรคคอมมิวนิสต์เข้มแข็งเพราะนักศึกษาและปัญญาชนในเมืองหนีเข้าป่าไปร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย การข่าวกรอของชาติขาดการละเลย ไม่มีการปรับปรุงและทำงานในลักษณะรูทีน (routine) ทำให้หน่วยงานที่มีข่าวกรอง นำโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องการยกเครื่อง "ข่าวกรอง" แต่ต้องการสร้างหน่วยข่าวที่เล็กกระทัดรัด คล่องตัวและทันสมัย ประเด็นคือทำอย่างไรจะประสานงานกับทุกหน่วยให้ได้ผล
สำหรับผู้เขียนมาเกี่ยวข้องได้อย่างไร-ผู้เขียนมีหน้าที่การงานประจำอยู่กับสายการบินแห่งหนึ่งที่ต้องทำงานซึ่งมีการวิเคราะห์ข่าวโดยงานของผู้เขียนคือ อาศัยการตัดข่าว(มีผู้ช่วย) ตัดข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม นสพ.ทุกฉบับทุกเช้าแต่ละเช้าจะมีประมาณร้อย Clips นำมาวิเคราะห์และจัดหมวดหมู่ ทำกร๊าฟ แยกเป็นข่าวการเมือง เศรษฐกิจฯลฯ เพื่อประเมินและพยากรณ์แนวโน้ม ในจำนวนนี้ ยังมีคอลัมนิสต์คนสำคัญและมีอิทธิพลต่อผู้อ่านอีกประมาณ ๒๐ รายชื่อ ซึ่งผู้เขียนวิจัยให้ผู้อ่านประเมินค่าความน่าเชื่อถือจาก ๐-๑๐ ไว้ เป็นค่าความเชื่อถือมากน้อย จากนั้นจึงวัดเป็น"ค่าน้ำหนัก"กับ"ปริมาณ"ยอดขายหนังสือพิมพ์ ซึ่งนสพ.หัวสีประเภทไทยรัฐ-เดลินิวส์ขายได้ปริมาณ/วันมากแต่คุณภาพจะได้คะแนนน้อยกว่า นสพ.หัวขาวเป็นนสพ.ประเภทคุณภาพ-แต่ยอมพิมพ์น้อยมีคะแนนความน่าเชื่อถือมาก นำคะแนนนสพทั้งสองประเภท. คูณกับคะแนนคอลัมนิสต์จะได้คะแนน INDEX ของค่า MEDIA ในแต่ละอาทิตย์
ผู้เขียนทำการพยากรณ์แนวโน้มอนาคตเหตุการณ์การเมือง เศรษฐกิจและสังคมโดยวิเคราะห์เนื้อหาและน้ำหนักจาก Media Index
แล้วมันมาเกี่ยวกับข่าวกรองที่เขาจัดตั้นได้อย่างไร ? ในหลักการข่าวกรอง สิ่งที่ผู้เขียนทำนั้น ถือว่าเป็นการ "กรองและวิเคราะห์ข่าวสื่อ" เรียกว่าเป็น "ข่าวกรองแบบเปิด" ส่วน "ข่าวกรอง"จริงๆที่ใช้แหล่งข่าวที่มีสปายสายลับแฝงตัวอยู่ในกลุ่มเป้าหมายต่างๆนั้น เมื่อได้ข่าว เรียกว่า "ข่าวปิด" หรือข่าวกรองลับ เมื่อมาประสานกับงานของผู้เขียน จึงเป็นการทำงานคู่ระหว่าง ข่าว"เปิด"กับ "ข่าวปิด"เข้าด้วยกัน ทำให้การพยากรณ์และการวิเคราะห์ข่าวกรองมีความแม่นยำขึ้น/ ส่วนชื่อ "โคซิโอ"ไม่มีจริง เป็นชื่อในนิยาย กลุ่มที่ทำงานจริงๆด้านข่าวกรองที่ลับสุดยอดนี้ เรียกสั้นๆว่า "คณะทำงาน" มีคนภายนอกรู้น้อยมาก การทำงานพบกันทุกเช้า 6.00 น.เพื่อรับข่าวสารทั้ง"ปิด"และ"เปิด" การวิเคราะห์หรือกรณีเกิดวิกฤติขึ้นในชาติ คณะทำงานจะมาพบกันทันทีโดยไม่ต้องนัดหมายตามสถานที่รู้กันภายใน
ส่วนประกอบของราชการลับเรื่องการตลาดผู้เขียนใช้งานการตลาดในสายงานของสายการบินมาประยุกต์และช่วยให้ เรื่อง"ราชการลับ"มีการผ่อนคลายออกไป ฉากที่ใช้ในเรื่องที่นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่ผู้เขียนเคยใช้ชีวิตอยู่เกือย 10 ปี ทำให้เข้าใจในเนื้อเรื่องและ สถานที่ประกอบภายในเรื่อง หวังว่าผู้อ่านคงพอใจที่ได้รับทราบเบื้องหลังงานเขียนเรื่อง "ราชการลับ"นี้ อนึ่งสายงานคนของหนึ่งในคณะทำงานนั้นเริ่มจากเป็นนายตำรวจที่ร่วมงานเริ่มยศพันตำรวจโท-ยศสุดท้ายคือพลตำรวจเอก คนอื่นๆขึ้นถึงอธิบดี ส่วนผมก็มีความสุขในวิชาชีพได้ แต่งเพลงให้สายการบินคงไม่บอกนะครับว่าเพลงอะไรเพราะทุกคนรู้จักคณะนักร้องนี้ดีทีเดียว เขารวยมากแล้ว
ขอบคุณที่อ่าน นวนิยาย "ราชการลับ"มาจนจบ