ราชการลับตอน 23 ลอบสังหาร
0
ตอน
338
เข้าชม
5
ถูกใจ
0
ความคิดเห็น
0
เพิ่มลงคลัง

 

ที่กรุงเทพฯ ทีมโคซิโอกลับจากพิธีศพในนิวซีแลนด์ อยู่กันเท่าที่เหลือพร้อมหน้าในบ้านเอกมัย 

"ทำไมคุณตุลย์ไม่กลับมาด้วย" พิมราถามด้วยความผิดหวัง 

"เขามีธุระนะพิม มีของขวัญจะต้องไปดูแล" ศิริเดชช่วยตอบ 

"กะอีของขวัญ หิ้วขึ้นเครื่องบินกลับมาก็ได้" พิมรายังไม่เข้าใจ 

"ของขวัญคงชิ้นใหญ่ขึ้นเครื่องบินไม่ได้มั้ง" ศิริเดชพยายามพูดเบี่ยงประเด็น 

พิมราไม่อยากจะซักต่อ ตุลย์บอกหลายครั้งว่ามีของขวัญที่เขาไม่ทราบว่าเป็นอะไรแต่ต้องไปเอามาดูเองให้เห็นกับตาเพราะคิมเบอร์ลี่บอกเขาเท่านี้ 

ก่อนไปนิวซีแลนด์ พิมราคะยั้นคะยอจนตุลย์ยอมไปรับประทานอาหารเย็นที่บ้าน เมื่อไปถึง 

คุณเกศรีถามตรงๆ  "ตุลย์จะแต่งงานกับหนูพิมเมื่อไหร่" 

"ผมยังห่วงงานอยู่ครับแม่ อีกอย่างผมเห็นว่าพิมควรจะไปเรียนต่อเพราะงานที่ทำอีกไม่นานก็คงเลิกสัก อาจจะเร็วๆนี้"            

 "แม่ว่าพิมคงหางานใหม่ไม่ยาก พ่อเขามีคอนเน็คชั่น ฝากเพื่อนเข้าที่ไหนก็ได้" เกศรีไม่ยอมลดละ 

"ใช่ครับแม่...แต่งานทุกวันนี้ใช้ความรู้สูงถึงจะก้าวหน้าครับ" ตุลย์ต่อรอง 

"ไม่จำเป็น พิมมีงานไม่ต้องใช้ความรู้ขนาดนั้น" เกศรีสรุป 

ตุลย์คิดในใจป่วยการพูด เกศรีพยายามมัดมือชก ที่ผ่านมาเขารู้ว่าเธอใช้วิธีสกปรกหาทางทำลาย  คิมเบอร์ลี่ด้วยการเอามาร์ตินแอนด์เคน  มาเป็นเครื่องมือ ใช้วิธีสกปรกทางการตลาด ทำลายธุรกิจนมเปรี้ยวพร้อมดื่มและบีบให้โรงงานเลิกผลิตสินค้าของจาวิสแอนด์ดีนหลายชนิดเพื่อบีบให้คิมเบอร์ลี่เดือดร้อน 

วิธีการสกปรกไม่อาจเอาชนะคู่รักเขาได้  คิมเบอร์ลี่ฉลาดเกินไป เธอสู้อย่างไม่กลัวศักดิ์ศรีของใครและเอาคืนอย่างเจ็บแสบด้วยการนำเสนอสินค้าชนิดเดียวกันในชื่อเหมือนเธอ “KB” นมเปรี้ยวพร้อมดื่ม 

ตีตลาดนมเปรี้ยวของมาร์ตินฯ จนตกลงไปอยู่ในตลาดรองกับผู้ขายรายย่อย หลังจากนั้นนมเปรี้ยวพร้อมดื่ม “KB” ก็ถอนออกจากตลาดไปโดยนมเปรี้ยวของมาร์ตินฯ ยังตกอยู่ในตลาดรองไม่สามารถขึ้นมาเทียบเคียงกับนมเปรี้ยวพร้อมดื่มของจาวิสฯ ที่ยึดครองส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดได้เลย 

แผนการต่างๆ ของเกศรีล้มเหลวอีกหลายครั้ง 

พิมราโอดครวญกับเขาว่าถ้ายังไม่รีบแต่งงานก็ควรหมั้นหมายกันไว้ก่อน เธอหยิบแหวนเกลี้ยงสองวงขึ้นมา "พิมใส่วงนึง ตุลย์ใส่ไว้วงนึง ถือว่าใส่เล่นนะ" 

"เอามาเถอะ ...ไม่เป็นไรผมจะใส่" ตุลย์รับแหวนไว้ตัดความรำคาญ 

จนแล้วจนรอดตุลย์ไม่เคยได้ใส่แหวนวงนั้นเลย เขาไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างของเกศรีและลูกสาว     เขามีศักดิ์ศรี ไว้ตัวและมีคนรักที่รู้ใจอยู่แล้วแม้อยู่ห่างไกล 

ตุลย์คิดว่าการข่มเขาเหมือนขืนใจให้โคกินหญ้า อาจเป็นสาเหตุทำให้เขารักพิมราน้อยลง 

และรักคิมเบอร์ลี่มากขึ้น ขณะที่คิมเบอร์ลี่ป่วย เขาแทบหนีหน้าพิมรา ไม่อยากให้เธอมากวนใจหรือเห็นเขาไม่สวมแหวนที่เธอให้มา แล้วโวยวายเสียสติ 

ตุลย์ต้องการอยู่คนเดียวหลังจากรู้ชัดเจนว่าคิมเบอร์ลี่เป็นมะเร็งร้ายแรง แต่มาร์การ์เร็ตไม่ยอมบอกเขาว่ามันถึงขั้นไหน เธอจะอยู่อีกปีหรือถ้าเป็นเดือนกี่เดือน 

คิมเบอร์ลี่พูดถึง "ของขวัญของเรา" เขาจำไม่ได้ว่าเขาไปซื้อของขวัญกับเธอเมื่อไหร่ และพูดถึงเชียงราย ยิ่งเป็นไปไม่ได้ 

ระหว่างอยู่เชียงรายเขากับเธอมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งมากกว่าทุกครั้ง และเธอมีความสุขที่สุดถึงกับร้องไห้ ทำให้เขาตกใจนึกว่าเขาทำเธอเจ็บ แต่เธอว่าไม่เป็นไรเพียงแต่บอกว่าเขาให้สิ่งที่เธอต้องการจากเขามากที่สุด เธอได้รับแล้ว เธอขอบคุณและจะจดจำวันแห่งความสุขนี้ตลอดไป 

เขาคิดไม่ตกว่าสิ่งที่เธอต้องการจากเขานี้หรือคือของขวัญโดยเธอพลั้งปากเรียกว่า "ของขวัญร่วมกันของเรา" 

เชียงรายอาจจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับชาวไทยและชาวต่างประเทศที่มาจากทุกมุมโลก 

แต่กับคิมเบอร์ลี่และตุลย์มันเป็นฮันนีมูนครั้งสำคัญบนนอร์ทฮิลรีสอร์ท 

ที่ซึ่ง "ของขวัญของเรา" เกิดขึ้น 

ที่บ้านเอกมัยนานๆ ทีจะมีคนรู้จักแวะมาเยี่ยมเยียนทักทายทีมงานหนึ่งในนั้นคืออดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ คุณประมุข ศรีวงศ์ มาถามข่าวเรื่องงานศพของคิมเบอร์ลี่ ประมุขทราบจากแหล่งข่าวที่ยังติดต่อกับเขาหลังจากลาออกจากงาน 

นอกจากนั้นเขายังวิตกที่ทางสำนักข่าวกรองฯ เอาตัวเข้าไปเกี่ยวข้องกับหน่วยปฏิบัติการมอสสาดของอิสราเอลหลายครั้งด้วยเหตุผลว่าประเทศไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศอาหรับในประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งมีแรงงานไทยอยู่จำนวนมาก 

"เราไม่ได้คบหาสมาคมกับอิสราเอลชาติเดียว หน่วยสืบราชการลับอิสราเอลโดยเฉพาะมอสสาด        เป็นอันตรายต่อกลุ่มประเทศอาหรับมาก ผมเกรงว่าที่เราร่วมมือกับเขา เราอาจเสียผลประโยชน์แห่งชาติในระยะยาวได้" ประมุขแสดงความเห็น 

"มอสสาดปฏิบัติเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เช่น ปฏิบัติการอีร์คุตสก์-โอบลาส ก็เพื่อเอาเชลยชาวยิวออกจากค่ายกักกันไซบีเรียไม่ได้ทำลายค่ายหรือฆ่าฝ่ายรัสเซียมากมายเลย" สหชาติเล่าความจริง 

"แต่ก็เป็นปฏิบัติการล้ำเข้าไปในดินแดนรัสเซีย มันผิดหลักกฎหมายสากล" ประมุขแย้ง 

"รัฐบาลรัสเซียกระทำการขัดกฎหมายสิทธิเสรีภาพรู้กันทั่วไปและอิสราเอลทำเพื่อหลักมนุษยธรรมช่วยเพื่อนร่วมชาติของเขา" สหชาติโต้แย้ง 

การโต้แย้งยากที่จะสิ้นสุดคุณประมุข ศรีวงศ์รู้ดีว่าสิทธิเดช บุณฑริกาเคยเป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอลและรู้จักกันดีกับรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมโมเช แอเร็นส์ ฉะนั้นความสัมพันธ์จึงติดต่อกันมายืนยาวหลังสิทธิเดชกลับมาประเทศไทย 

หลังประมุขลากลับ ทีมงานโคซิโอก็รื้อแฟ้มคดียิงเอกรินทร์ขึ้นมาดูความเกี่ยวข้องของคดี และเหตุผลการโยกย้ายนายประมุข พบว่ามีเหตุผล ที่เขาถูกย้ายเพราะพัวพันในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังการจ้างวานฆ่าลูกน้องในสังกัด แม้ไม่มีพยานรู้เห็นก็ตาม 

แต่ทำไม? อะไรคือปัญหาความขัดแย้ง ถ้ามีก็หมายความว่าในระดับสูง มีความไม่ลงรอยกันในคณะผู้บริหารโคซิโอหรือ?                                              

ถ้าเช่นนั้น อาจเป็นไปได้หรือไม่ ระหว่างอธิบดีกรมตำรวจกับผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติมีปัญหากัน แต่มันมีเรื่องอะไรกันมีเรื่องอะไรร้ายแรงถึงขั้นมาลงในทีมงานโคซิโอ 

คำตอบนี้เป็นปริศนา 

หรือว่าเป็นการรวมตัวกันระหว่าง 3 หน่วยงานต่อต้านนายประมุขคนเดียว 

ถ้าเช่นนั้นประมุขทำอะไรที่ผิดร้ายแรง 

โคซิโอว่าทุกหน่วยงานต้องช่วยกันปกปิด แต่ข้อบกพร่องของนายประมุขต้องถูกรายงานไปยังระดับสูงสุด จนกระทั่งถูกสั่งลงมาถึงนายกรัฐมนตรีให้ปลดนายประมุขออกจากตำแหน่ง 

"เรื่องจบแค่นี้" สหชาติตอบทีมงานสั้นๆ 

มีเสียงโทรศัพท์ เอกรินทร์รับสาย 

"โทรฯทางไกล...พิมราโทรศัพท์ของคุณ ตุลย์ต้องการพูดด้วย จากริชมอนด์ นิวซีแลนด์" 

"พิมราค่ะ" 

"...ฟังพี่ดีๆ นะ พิมงาน ธุระพี่เสร็จหมดแล้วแต่พี่ยังไม่กลับเมืองไทย พี่ได้ทุกอย่างที่ต้องการหมดแล้วและ พี่ได้ "ของขวัญ"ที่คิมเบอร์ลี่ให้ไว้อยู่ที่บ้าน...(มีเสียงเด็กสาวพูด..แดดดี้) เท่านั้นนะพิม..ขอบคุณที่ให้มิตรภาพกับพี่เสมอมา" 

ยังไม่ทันที่ตุลย์จะวางสาย พิมราทำโทรศัพท์หลุดจากมือ เธอยกมือขึ้นปิดหน้า ร้องไห้น้ำตาไหลพรากหลังจากได้ยินเสียงเด็กสาวพูด ไม่ต้องสงสัยอีกแล้ว ของขวัญที่ตุลย์ได้จากคิมเบอร์ลี่มอบให้ตุลย์ก็คือลูกของพวกเขาทั้งสอง 

แน่นอน ตุลย์จะไม่กลับมาประเทศไทยอีก เขาจะอยู่กับลูกดูแลลูกเติบโตในริชมอนด์ นิวซีแลนด์ 

ตัวพิมราต่างหากที่ไม่มีอนาคตกับตุลย์ 

เธอไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้นยืน อย่าว่าแต่ จะลุกขึ้นสู้กับอนาคต 

ที่เหลือคือสิ่งที่เป็นอยู่ 

ใช่สิ มันคือความว่างเปล่าในชีวิต ที่อ่อนแรงและยืนอยู่ตัวคนเดียว 

                                               .........................................                                                 

ดูร้อนในปีพ.ศ. 2542 ริมฝั่งทะเลสาบ วาคาทิปู(Wakatipu) เมืองควีนส์ทาวน์ เมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่งในเกาะใต้ของประเทศนิวซีแลนด์ 

หากผู้ที่เดินไปมาจะสังเกตสักหน่อยจะเห็นเด็กผู้หญิงลูกครึ่งน่ารักจูงมือคุณพ่อโดยมีคุณย่าค่อยๆ เดินอย่างระมัดระวังไปตามขอบถนนเพื่อนั่งเก้าอี้สีขาวไม่ห่างจากริมฝั่งทะเลสาบนัก

"แดดดี้...นก นก" ตุลยาพยายามพูดภาษาไทย ชี้ให้พ่อดูนกนางนวลทะเลสี่ห้าตัวบินว่อนอยู่บนฟ้า

ตุลยาพูดไทยได้มากขึ้นหลังจากได้พบพ่อ แต่เวลาหลับจะสะดุ้งตื่นเรียกหาแม่ตลอดเวลา ตุลย์

ต้องเข้ามาดูลูก ทำไมเขาจะไม่คิดถึงเมียทั้งๆ ที่เธอเพิ่งจากไป ความทรงจำยังอยู่ ลมหายใจเธอยังอยู่และไออุ่นของเธอยังไม่จางหาย

เขาพาลูกกับมาร์การ์เร็ต ขับรถยนต์จากริชมอนด์เดินทางมานับร้อยกิโลเมตรเพื่อให้หายคิดถึง      คิมเบอร์ลี่ แต่ก็ทำไม่ได้ ยิ่งเห็นลูกเท่ากับเห็น ครึ่งหนึ่งของชีวิตคิมเบอร์ลี่

ควีนส์ทาวน์เป็นเมืองสวยงาม ลูกเขาดีใจตื่นเต้นที่มาเห็นสถานที่แปลกใหม่ เด็กผู้หญิงรักการเดินทาง แวะพักและหยุดข้างทาง รับประทานอาหารสดใหม่ไม่จำเจ

คิมเบอร์ลี่ตั้งชื่อกลางให้ตุลยาว่านอร์ท เพื่อระลึกถึงนอร์ทฮิลรีสอร์ทที่เคยไปพักที่เชียงราย

ตุลย์มีความทรงจำถึงวันที่เขาเดินเล่นกับคิมเบอร์ลี่ในคืนที่ดาวเต็มฟ้าบนนอร์ทฮิล

"ฉันมีความสุขมากไม่นึกเลยว่ามีวันนี้ที่เมืองไทย เคยคิดว่าจะเป็นอย่างไรถ้าจะมาอยู่ที่นี่ เป็นพลเมืองไทยคงอยู่ได้ไม่ยาก งานก็มีทำอยู่แล้ว"

"แม่ผมคงดีใจมาก" นี่ก็เป็นความจริงที่ตุลย์บอกคิมเบอร์ลี่ว่าแม่เขาต้องการลูกสะใภ้ที่รักลูกชายมากกว่าปล่อยให้ลูกชายถูกผู้หญิงอื่นมาตามตื้อทุกวัน ถึงขั้นขอแต่งงานเพื่อผูกมัดไม่ให้เขามีทางเลือก

คิมเบอร์ลี่บอกตุลย์ว่าแม้เธออยากอยู่กับตุลย์ที่เมืองไทย งานเธอที่จาวิสแอนด์ดีนในโอ๊คแลนด์มีเรื่องต้องทำมากกว่าที่ตุลย์คิด

"แดดดี้...นก...นก" ตุลย์ตื่นจากภวังค์ นกหลายสิบตัวบินมาเกาะและเดินอยู่ใกล้ตัวตุลยา เธอหัวเราะชอบใจ แต่ไม่มีอาหารให้นก มันจึงได้แต่เดินไปมา บ้างก็บินจากไปแล้วตัวใหม่ก็บินเข้ามาแทนที่

ตุลย์โอบลูกมาใกล้ตัว นึกถึงเมื่อเคยทำอย่างนี้กับคิมใหม่ๆ  มีความรู้สึกดีๆ ในเวลานั้น

"ให้พ่อพาเราไปกินไอศกรีมไหม?" ตุลยาพยักหน้า

เขาพาตุลยาเดินไปร้านขายไอศกรีมริมถนนมีหลากรสหลายอย่าง

"ชี้เอานะลูก" ตุลย์พาลูกให้ดูไอศกรีมสีต่างๆ ตุลยาชี้ไปที่สีชมพู

"สตอเบอรี่" ตุลย์บอกคนขาย

พ่อลูกนั่งกินไอศกรีมริมทะเลสาบ ภาพน่าคงเอ็นดู  ผู้คนที่ผ่านไปมาต่างชี้ให้สองพ่อลูกดูและยิ้มให้กับคุณพ่อมือใหม่ ตุลย์ก็ยิ้มตอบรับ

มาร์การ์เร็ตเดินมาสมทบเตือนว่าได้เวลาเดินทางกลับบ้านแล้ว ตุลยากินไอศกรีมที่เหลือจนหมดวิ่งมาหาย่า ส่วนพ่อถือกุญแจรถเดินมาบอกมาร์การ์เร็ตให้เธอรออยู่กับลูกอยู่ที่นี่ เขาจะไปนำรถมาเอง

ตุลย์พามาร์กาเร็ตและลูกเดินทางกลับอินเวอร์คากิลในตอนเย็น ก่อนค่ำเขาแวะเอาดอกไม้ไปเปลี่ยนหน้าแผ่นหินจารึกหลุมศพ เขาใช้เวลานานนึกถึงคิมเบอร์ลี่

เขาออกจากสุสานขณะพระอาทิตย์กำลังตกดินและกลับมาบ้าน

หลังกลับมาบ้านอยู่เลี้ยงลูกไปเรียนหนังสือ ไม่ทำงานได้พักหนึ่ง เขาจึงหางานทำในอินเวอร์คากิล มีหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นที่เขาพอจะทำได้ โดยอยู่ในหน้าข่าวต่างประเทศและเขียนคอลัมน์วิจารณ์การเมืองเศรษฐกิจสังคมในเอเชีย แต่คนในนิวซีแลนด์สนใจภูมิภาคเอเซียเพียงน้อยนิด  เขาเริ่มเบื่อและอยากเปลี่ยนงาน

คุณโรเบิร์ตชวนให้เขาลองไปสมัครเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแคนเทอเบอรี่สอนวิชาสื่อสารมวลชนเพราะเขาเรียนและมีประสบการณ์มาทางนี้

เขาคิดหนัก ติดปัญหาลูกยังเล็ก ถ้าเขาไปสอนหนังสือที่ไครสต์เชิร์ชหมายความว่าคุณโรเบิร์ตและ  มาร์การ์เร็ตซึ่งอายุมากจะเป็นภาระหากทิ้งตุลยาไว้ที่บ้านริชมอนด์

ปลายปีพลตำรวจโทกิติและคุณลาวัลย์มาเยี่ยมลูกชายและหลานรวมทั้งครอบครัวคุณโรเบิร์ตและมาร์การ์เร็ต

คุณลาวัลย์อยากให้หลานไปเที่ยวกรุงเทพฯสักหนึ่งเดือนให้รู้จักญาติๆ ที่นั่นด้วย

คุณโรเบิร์ตและมาร์การ์เร็ตสนับสนุน มีความเห็นว่าตุลยาโตพอที่จะเดินทางได้แล้ว แต่ตุลย์กลับลังเล เขาไม่ต้องการให้ลูกไปป่วยไข้เพราะอากาศมีมลภาวะและอาหารผิดสุขลักษณะ หรือถูกสัตว์มีพิษ   กัดต่อย

คุณลาวัลย์ไม่พอใจ  เธอเลี้ยงตุลย์โตมาด้วยสิ่งแวดล้อมเดียวกัน ไม่เห็นเป็นไร ลูกของตุลย์ก็จะเป็นอย่างนั้น ถ้ามัวระวังจนเกินเหตุ เด็กจะขาดภูมิต้านทานไม่เป็นผลดีกับตุลยา

ท้ายที่สุดตุลย์ยอมจำนนต่อเหตุผลของแม่ และเตรียมตัวที่จะพาตุลยาเดินทางมาประเทศไทยเป็นเวลาหนึ่งเดือนตามความต้องการของแม่

เครื่องบินถึงสนามบินดอนเมืองเช้าวันที่ 2 มีนาคม สหชาติมาคอยรับพร้อมคุณลาวัลย์ ตุลยามองสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ เมื่อรถวิ่งผ่านตัวเมืองออกสู่ถนนใหญ่

ไม่นานนักก็มากันถึงบ้านตรงข้ามมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตุลยายังไม่คลายจากความตื่นเต้น เธอเกาะมือพ่อไว้แน่น เหลียวมองผู้คนในบ้านที่มาคอยรับเธอหลายคน

"สวัสดีจ้ะตุลยา หนูน่ารักจังเลย" พี่ๆ เพื่อนๆ ของตุลย์ทักทาย

ตุลยายกมือไหว้ตอบ

"อุ้ย...รู้จักไหว้ด้วย" มีเสียงคนทัก

คุณลาวัลย์พาตุลยาพาเข้าไปดูห้องนอนที่เธอจัดไว้

ห้องนอนทุกอย่างเป็นสีชมพู ผ้าปูที่นอนเป็นลายดอกไม้ กุหลาบแดงอมชมพู ขณะที่ตู้เตียงเป็นสีชมพูอ่อนๆ ขอบเป็นสีขาวทั้งหมด

ตุลยาเห็นห้องสวยที่ย่าจัดไว้ให้ก็กระโดดโลดเต้นดีใจ

"ขอบคุณค่ะ ขอบคุณค่ะคุณย่า" เธอทดลองนั่งบนเตียงนุ่มกระโดดขึ้นลงนั่งอีกหลายครั้งจนพอใจ

คุณลาวัลย์นึกในใจว่าหลานเธอคงไม่ได้มีวันดีๆ แบบนี้เลยหรือในนิวซีแลนด์

นับตั้งแต่เจ้าโจโฉ ตายไปหลายปีก่อน ตุลย์ไม่ได้คิดเลี้ยงหมาตัวไหนอีกเลย แต่เมื่อรู้ว่าจะกลับมาเยี่ยมบ้าน เขาบอกให้แม่หาหมาตัวเล็กไว้เลี้ยงที่บ้านสักตัวเพื่อเป็นเพื่อนลูกสาวขณะที่อยู่หนึ่งเดือนในประเทศไทย

แม่ก็ตามใจลูกและอยากได้ใจหลานไปหาสุนัขพันธุ์ผสมหน้าตาบ้องแบ๊วมาตัวหนึ่งในราคามิตรภาพ ฉีดวัคซีนกันพิษสุนัขบ้าและอาการอื่นๆ ไว้เรียบร้อย ตั้งชื่อมันว่าตุ๊บติ๊บ

ตุลยาไม่กลัวหมา ส่วนหมาก็ไม่กลัวคนวิ่งเข้ามาพันแข้งพันขา พอได้ทีก็เลียหน้าเลียตา ตุลยาก็ปล่อยให้มันเลีย ตุลย์เห็นหมาเลียหน้าลูกสาวก็โกรธ จัดการไล่เจ้าตุ๊บติ๊บ มันตกใจวิ่งหายไปหลังบ้าน

ตุลยาเห็นพ่อดุหมา ไล่หมาไป ก็เสียใจร้องให้ จะเอาหมากลับมา ดึงแขนพ่อ ออกฤทธิ์เพื่อให้พ่อรู้ว่าเธอเรียกร้องความสนใจ ไอ้หมาก็คอยแอบดูว่า จะออกมาจากที่ซ่อนได้หรือยัง กลัวนายไล่เตะ

ตุลย์เรียกเด็กรับใช้ให้เอาหมาไปอาบน้ำโรยแป้งทำความสะอาดแล้วนำมาให้เขาตรวจก่อน

ตุลยาพยักหน้าพอใจ  เรื่องคนกับหมาและหมากับตุลยาก็จบลงด้วยดี

ตุลย์ไปเยี่ยมพรรคพวกทีมโคซิโอที่บ้านเอกมัยเขาพาตุลยาไปด้วย ทีมโคซิโออยู่ด้วยกันทั้งหมด ทุกคนดีใจที่ได้พบลูกสาวของเพื่อน

"ลูกสาวหน้าเหมือนพ่อมีเค้าไปทางแม่ ตาสวยแบบคิมนะ" สหชาติบอกกับตุลย์ว่าเด็กคนนี้น่ารักกว่าที่เขาคิด เป็นเด็กฝรั่งน่ารักมาก

ตุลยาถูกชะตากับสหชาติ อาจเป็นเพราะเขาเป็นลูกครึ่งเหมือนกัน ตุลยาไม่รังเกียจเมื่อสหชาติดึงตัวเธอเข้าไปกอด ขณะที่เธอออกตัว เว้นระยะกับคนอื่นๆ

พิมราจะเข้าถึงตัวตุลยา หวังจะได้เข้าใกล้ชิด

ตุลยาปัดไม้ปัดมืออลวน ร้องเสียงดัง

"หาแม่...หาแม่"  พิมราถึงกับชะงัก หน้าซีดไม่นึกว่าเด็กมีสัญชาติญานเห็นเธอเป็นอริมาตั้งแต่ไหน

มีตุลย์เท่านั้นที่เข้าใจในจิตวิญญานส่วนหนึ่งของแม่ที่ถ่ายทอดมาถึงลูก

ไม่ใช่ตุลย์เท่านั้นที่ตกใจในปฏิกิริยาที่ตุลยาแสดงออกต่อพิมรา แต่ทุกคนก็พิศวงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดระหว่างพิมรากับคิมเบอร์ลี่ 2-3 ปีก่อนทุกคนพอจะเข้าใจได้

แต่กับเด็กผู้หญิงอายุ 4-5ขวบ มันคนละเรื่องกัน จะว่าสืบสายเลือดถึงกันได้ก็ไม่น่าเป็นไปได้

ถ้าคิมเบอร์ลี่ยังไม่ตาย ทุกคนอาจว่าแม่เป็นคนสั่งสอนให้พูดให้ทำ

แต่นี่ไม่ใช่

ตุลย์อยู่คุยสนุกกับเพื่อนอยู่จนใกล้ค่ำ สหชาติไม่ได้เอารถมาขอติดไปลงแถวใกล้บ้านเกษตรด้วยคน

ตุลย์ขับรถออกจะพ้นตัวบ้านไม่เห็นว่าฝั่งตรงข้าม มีรถมอเตอร์ไซค์คนซ้อนท้ายเฝ้าสังเกตอยู่

รถออกนอกซอยกำลังเร่งเครื่องก่อนที่รถจะติด คนที่ซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ก็ยกปืนยิงสวนเข้ามาดังเปรี้ยง กระจกหน้าร้าวเกือบทะลุตรงกลาง ถึงเข้าหรือก็ไม่โดนทั้งสหชาติหรือโดนตุลยาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เด็กที่เบาะหลัง

ตุลย์ชะงักเห็นมอเตอร์ไซค์บรรทุกมือปืนหนีออกไปไกลแล้ว ตัดสินใจไปโรงพักเอกมัย แจ้งความโดยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ตำรวจฟัง ตำรวจถามว่าเคยมีเรื่องมาก่อนหรือไม่ และถามว่าเพื่อนที่ชื่อสหชาติเคยมีเรื่องกับใครมาก่อนหรือเปล่า ตุลย์ให้การว่าไม่มี

ตุลย์เล่าว่ามือปืนจงใจยิงเขา เพราะจ้องหน้าและปืนส่องมาตรงจุดที่เขานั่งเขาแน่ใจ แต่เขารอดเพราะเป็นจังหวะที่เขาเหยียบคันเร่งเพื่อให้รถวิ่งไปข้างหน้าก่อนรถติด มือปืนก็ยิงแต่ไม่ทันจึงพลาด

เขาเพิ่งมาจากต่างประเทศไม่มีศัตรู เขาไม่ได้อยู่ในประเทศไทยร่วมปีกว่าๆ มาแล้ว

ตำรวจถามรายละเอียดเพิ่มเติมแล้วบอกว่าจะลงพื้นที่เกิดเหตุโดยเร็วที่สุด ขอที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ตุลย์เอาไว้จะติดต่อหากได้หลักฐานคืบหน้า

ขณะเกิดเหตุ ตุลยานั่งหลับในรถ

สหชาติกำลังอ่านนิตยสารท่องเที่ยวนิวซีแลนด์ที่ตุลย์ทิ้งไว้หลังรถให้พวกญาติๆ เขาอ่าน

จากการสอบสวนจากพยานแวดล้อมในที่เกิดเหตุพบว่าผู้ชายสองคนมาซุ่มรออยู่หน้าบ้านเอกมัยหลายชั่วโมงแล้ว ก่อนหน้านั้นไปจอดรถมอเตอร์ไซค์อยู่ในร้านอาหารฝั่งตรงข้ามและคงรับประทานอาหารที่นั่น

ตำรวจไปถามพนักงานที่ร้านดังกล่าวในวันและเวลาใกล้เคียงกันได้ความจริงว่ามีคนสองคนนำรถมอเตอร์ไซค์มาจอดเหมือนรอใครสักคน จนก่อนเที่ยงมีสตรีมีอายุเดินทางด้วยรถเบนซ์สีดำน่าจะเป็นรถบริษัทมาจอดและพูดกับชายสองคนเดินตามเข้าไปรับประทานอาหารกัน

พนักงานเสิร์ฟให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าสตรีสูงอายุพูดกับชายคนผอมผิวสองสีเรียกว่านายตี๋ ส่วนอีกคนผิวดำเรียกว่านายโต เข้าใจว่าสองคนไม่ใช่เพื่อนกัน

สตรีสูงวัยแจกซองซึ่งพนักงานเสิร์ฟสงสัยว่าข้างในน่าจะเป็นเงินค่าจ้างจำนวนไม่น้อยทีเดียวให้กับคนทั้งสอง

ตำรวจทำการเสก็ตภาพคนร้ายทั้งสองเนื่องจากได้รายละเอียดมากจากพนักงานเสิร์ฟ

หนึ่งอาทิตย์ต่อมา ตำรวจสืบพบและจับกุมนายดำริห์หรือตี๋ แซ่เบ๊ได้ที่แฟลตแถวคลองจั่น และจับนายดำหรือโต หรือศรชัยไม่ทราบนามสกุลได้ที่จังหวัดชลบุรี หลังจากนายดำริห์ซัดทอด

ทั้งสองคนยอมรับว่าถูกจ้างวานโดยสุภาพสตรีผู้หนึ่งไม่ทราบชื่อ นายดำหรือศรชัยเคยทำงานในโรงงานของบริษัทมาร์ตินแอนด์เคนแต่ถูกไล่ออกเพราะลักทรัพย์ในโรงงานและติดสุราดื่มกินในเวลาทำงาน

ตำรวจตรวจสอบไปที่โรงงาน ยอมรับว่านายศรชัยเคยทำงานอยู่จริงเป็นเวลา 2 ปี แต่ถูกไล่ออกเพราะลักทรัพย์และมีความประพฤติไม่เหมาะสม ตำรวจเสก็ตภาพสตรีสูงอายุไม่พบในแฟ้มอาชญากรรม แต่เมื่อให้ตุลย์ดูเขาตกใจเพราะว่าหน้าเหมือนนางเกศรีมาก

ตำรวจนำภาพเสก็ตไปให้ตี๋ แซ่เบ๊ดูเขายอมรับว่าใช่คนจ้างวาน และเมื่อนำไปให้นาย ดำ ศรชัยดูก็ยอมรับว่าเป็นนางเกศรี

ตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานและพยานบุคคล แต่คิดจะหาทางจะไกล่เกลี่ยเผื่อจะได้ผล

พิมราได้ข่าวว่าแม่จะโดนจับ เกศรีไม่กลัวเธอแน่ใจว่ามีคนใหญ่กว่าช่วยเธอได้

"แม่ทำอย่างนั้นทำไม" ..."แล้วมันตายหรือเปล่าล่ะ" เกศรีย้อน

"มันไม่ใช่เรื่องเป็นหรือตาย...พยายามจ้างวานฆ่าน่ะติดคุกนะแม่" พิมราเตือน

"มันได้แกแล้วทิ้ง ไปมีเมียแหม่มจนมีลูกโตเป็นทีนเอจ เท่ากับหลอกฟันแกมาหลายปี แกก็ยอมมันเหรอ" เกศรีพูดกระชากเสียง

"แม่...หนูพูดหลายครั้งแล้ว ตุลย์กับหนูยังไม่มีอะไรกันนะ

แม่อย่าโมเม...ทำอย่างนี้หนูเสียหาย" พิมราโกรธ

"ฉันไม่เชื่อ อยู่กับมันสองต่อสอง ลองได้กอดจูบลูบคลำกันนัวเนีย ผู้ชายที่ไหนจะอดใจได้ แกก็เหมือนกันอดได้ที่ไหน ฉันไม่อยากจะเชื่อ" เกศรียืนยันความเห็นเดิม

พิมรานึกถึงคืนวันที่เธอเปิดโอกาสให้ตุลย์เต็มที่จะให้เขาเชยชมแต่ตุลย์กลับเปลี่ยนใจเดินจากไป

เธอไม่เข้าใจว่าทำไม แต่ที่แม่พูดเป็นจริงทุกอย่างตุลย์ได้เธอจากภายนอกหมดสิ้น แต่เขาหยุดแค่นั้น

เมื่อตุลย์กลับมาพร้อมลูก เธอเกลียดตัวเองที่สุด ลูกของตุลย์เหมือนเมียเขา ดูนัยน์ตาของเด็กสิ มันมีความหยิ่ง มีนัยยะของผู้ชนะ เหมือนแม่มันไม่มีผิด ดูไม่ธรรมดาหรอก สำคัญที่สุดเด็กคนนี้หน้าเหมือนตุลย์ ผู้ชายที่เธอรัก

แต่แม่กลับมาทำเรื่องยุ่งยาก ลึกลงไปแล้วแม่ไม่ได้ทำเพื่อใครสักคน แต่แก้แค้นให้กับตัวเองที่ทำอะไรล้มเหลวมาตลอด ตั้งแต่แพ้เกมการตลาดจากคิมเบอร์ลี่ แพ้และขายหน้าในบอร์ดมาร์ตินแอนด์เคน แพ้ภัยตัวเองไม่สามารถเอาชนะหมากกลและกับดักของจาวิสแอนด์ดีนได้ ทำไมแม่ถึงไม่ยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่นักธุรกิจ แต่เป็นแม่บ้านธรรมดา และทำไมแม่ถึงไม่ยอมรับว่าไม่ใช่นักวางแผน แต่เป็นเพียงคนดูไม่ใช่นักปฏิบัติ

ตำรวจมาพบแม่ไม่กี่วันเพื่อแจ้งว่าถูกแจ้งความดำเนินคดีจ้างวานฆ่าผู้อื่นโดยมีผู้ให้การถึงสองคน นางเกศรีให้นายตำรวจรอเธอ โทรศัพท์ถึงนายทหารชั้นผู้ใหญ่แล้วยื่นโทรศัพท์ให้นายตำรวจคนนั้นรับสายฟังนายตำรวจพูดอยู่พักหนึ่งวางสายแล้วพูดกับนางเกศรี

"ท่านนายพลให้ผมปฏิบัติไปตามกฎหมายและให้เรียนคุณนายว่ากรุณาอย่าโทรไปรบกวนท่านอีก"                                                 

เกศรีเหงื่อแตก หน้าซีด ยอมรับข้อหา ขอปรึกษาทนาย ขณะที่พิมราตัดสินใจไปพบตุลย์ที่บ้านเกษตร

"คุณมาหาผมทำไม แม่คุณคิดจะฆ่าผมยังไม่พออีกหรือ" ตุลย์ถามอย่างใจเย็น

"พิมมาหาอยากขอให้คุณช่วยเรื่องนี้แหละค่ะ อย่าสร้างเวรกรรมต่อกันเลยตุลย์"

"คุณรู้ไหม ลูกสาวผมอยู่ในรถ ถ้ากระจกแตกลูกกระสุนปืนจะเฉียดหัวแกนิดเดียว คนจิตใจหยาบช้า...คิดทำร้ายผมยังไม่เท่าไร แต่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คิดบ้างหรือเปล่า มนุษยธรรมน่ะมีหรือไม่" ตุลย์ตัดพ้อ

"เอาล่ะ แค่ขอโทษไม่พออยู่แล้ว พิมรู้ แต่อย่าให้แม่ต้องถึงกับติดคุกเลยนะ"

"ติดคุกยังน้อยไปนะ ควรจะประหารชีวิตด้วยซ้ำ" ตุลย์ขู่ แต่เขาหัวเราะในใจ

พิมราร้องไห้

คุณลาวัลย์ได้ยินเสียงคนร้องไห้ ก็เดินออกมาตกใจที่เห็นสภาพพิมราที่หน้าเศร้าหมอง นั่งอ้อนวอนลูกชายเธอ เห็นพิมราเหมือนคนมีทุกข์อยู่ก็สงสาร

"มันเรื่องอะไรนายตุลย์ พูดกันดีๆ ก็ได้ทำไมต้องว่าน้องจนร้องไห้"

"แม่เขาจ้างคนมาฆ่าผมหลานแม่เกือบตาย แม่ไม่คิดจะว่าเขาบ้างหรือ"

"เอาละมันก็จบไปแล้วลูกก็ไม่ตาย อย่าไปค้าความกันเลย ไม่กี่วันก็กลับนิวซีแลนด์แล้ว"

ตุลย์เงียบ...จริงอย่างแม่ว่า เขาอยู่เมืองไทยเกือบครบเดือนแล้ว ถึงเวลากลับบ้านที่ริชมอนด์เสียที

"ก็ได้แม่ ผมไม่จองเวรใครอีก เรื่องมันจบได้ก็ดี"

พิมเราเดินเข้ามากราบคุณลาวัลย์ มองตาตุลย์พูดสั้นๆ ขอโทษและขอบใจ

วันรุ่งขึ้นตุลย์ขึ้นโรงพักไปพบร้อยเวรซึ่งทำคดี ว่าเขาขอถอนข้อหาที่มีกับนางเกศรีว่าตกลงไกล่เกลี่ยไม่เอาความ แต่ตำรวจว่าคดีจ้างวานฆ่ายอมความกันไม่ได้

อีก 2 วันต่อมาตี๋ แซ่เบ๊และดำ ศรชัยซึ่งติดคุกชั่วคราวอยู่บนโรงพักเอกมัยอาหารเป็นพิษร้ายแรงตายทั้งคู่  เมื่อไม่มีพยานอื่นที่จะสืบได้อีก นางเกศรีก็รอดตัว

ก่อนตุลย์และลูกสาวจะเดินทางกลับนิวซีแลนด์ คณะผู้บริหารโคซิโอรวมทั้งตุลย์ถูกเรียกประชุมใหญ่เต็มคณะเพื่ออภิปรายภารกิจของทีมงาน 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว