เสียงไก่ขันในยามรุ่งสาง เฟยเฟย[1] ลืมตาในความมืดตามความเคยชิน ครู่หนึ่งพลันนึกได้ว่าตอนนี้นางไม่ได้เป็นสะใภ้ใหญ่สกุลต่งอีกแล้ว แต่เป็นภรรยาของไห่หยาง[2] ที่เพิ่งทำสัญญาแยกบ้านหลังจากเข้าพิธีไหว้ฟ้าดินกับนางเมื่อวันก่อน
เมื่อปีก่อนนางแต่งเข้าสกุลต่งเพื่อเสริมดวงชะตาของต่งซู แต่ใครจะคาดคิดเล่าว่าเขาจะป่วยหนักจนเกินเยียวยา หมดลมหายใจในเช้าวันที่ห้าหลังจากที่นางเข้า หลังจากนั้นนางก็ถูกตราหน้าว่ามีชะตาพิฆาตสามี
ที่การแต่งงานครั้งนี้เกิดขึ้นได้ก็เพราะครอบครัวอดีตสามีกล่าวหาว่านางไร้ค่า อีกทั้งยังไม่ได้เข้าหอก็พิฆาตสามีจนตาย ดังนั้นจึงถูกแม่สามียกให้กับเอ้อร์หลาง[3] สกุลไห่ นามว่า ไห่หยาง
ไห่หยางมีพี่ชายที่โง่เขลาและน้องชายผู้เอาแต่ใจอย่างละคน แต่ด้วยพี่สะใภ้ใหญ่เป็นสตรีร้ายกาจ หลังจากไว้ทุกข์ให้บิดามารดาของสามีครบกำหนดก็รีบจัดการเรื่องแต่งงานให้น้องสามีทั้งสองและจัดการเรื่องแยกบ้านทันที
ยังดีที่ไห่หนิว[4] ขึ้นชื่อเรื่องความเห็นแก่ตัว หลังจากที่ฟาดฟันกับพี่สะใภ้ใหญ่ไปยกใหญ่ก็สามารถแบ่งทรัพย์สินมาได้ส่วนหนึ่ง อีกทั้งยังเผื่อแผ่มาถึงไห่หยาง สามีของนางด้วย แม้จะเป็นเพียงที่ดินเพียงไม่กี่หมู่[5]ก็ตาม
แม้ไห่หยางจะมีฐานะยากจนมาก เงินของเขาเมื่อรวมกับสินเดิมของนางแล้วมีค่าเพียงหกสิบตำลึงเงินเท่านั้น แต่นับจากวันที่ได้รู้จักกัน นางก็รู้ว่าเขาเป็นเพียงบุรุษใสซื่อที่ถูกพี่สะใภ้บงการชีวิตคนหนึ่งเท่านั้น เมื่อนึกถึงผืนดินรกร้างกับความลำบากที่กำลังจะต้องเผชิญในวันนี้ เฟยเฟยจึงลุกจากที่นอนทันที
กระท่อมไม้ไผ่หลังนี้ไห่หยางเพิ่งสร้างเสร็จเมื่อไม่นานมานี้ และเมื่อวานก็เป็นวันที่เขาย้ายมาอยู่ที่นี่พร้อมกับนาง ยังดีที่มีพื้นที่กว้างขวางพอสมควร แม้จะมีเครื่องเรือนไม่มาก เครื่องครัวก็มีเพียงไม่กี่ชิ้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหม้อเหล็กที่แข็งแกร่งทนทาน เพียงหม้อดินที่มีอยู่ก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว
เนื่องจากทุกอย่างกะทันหันเกินไป เช้าวันที่สองหลังจากวันแต่งงาน เฟยเฟยจึงมีเพียงหมั่นโถวกับแป้งทอดให้สามีทานตอนเช้าเท่านั้น เพิ่งทอดแป้งได้เพียงสามแผ่นก็เห็นไห่หยางเดินเช็ดหน้าออกมาจากห้องนอนแล้ว
“ท่านตื่นแล้วหรือ วันนี้ข้าทำหมั่นโถวกับแป้งทอดไม่รู้ว่าท่านชอบกินหรือไม่”
“ข้า...กินได้ เจ้าทำอันใดข้ากินได้ทั้งหมด ข้าไม่เลือกกิน”
เฟยเฟยมองชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ทำท่าทางขวยเขินก็รู้สึกว่านี่ถึงจะเป็นชีวิตของสามีภรรยาที่แท้จริง ขอเพียงเขาเป็นเช่นนี้ตลอดไป นางก็ไม่รังเกียจที่จะอยู่กับเขาตลอดชีวิต
“วันนี้ข้าจะไปหาของป่า เจ้าอย่าออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนไกลเล่า ที่ดินแถวนี้มีคนอาศัยอยู่ไม่มาก อันตราย” ไห่หยางครุ่นคิดครู่หนึ่งก็ยื่นกริชให้เฟยเฟยเก็บไว้ป้องกันตัว เขาเป็นคนพูดไม่เก่งมาแต่ไหนแต่ไร เมื่อเห็นว่าเฟยเฟยเก็บกริชไว้ข้างเอวก็รู้สึกวางใจได้บ้าง
“ข้าปลูกผักได้หรือไม่”
“ได้ เจ้าจะทำอันใดในรั้วบ้านของเราได้ทั้งสิ้น ข้าโรยปูนขาวไว้ทั่วบ้านแล้ว ไม่มีสัตว์มีพิษเข้ามาแน่นอน”
เฟยเฟยมองใบหน้าที่แสงเทียนสาดส่องนั้นพลันใจเต้นไม่เป็นส่ำ ไห่หยางเป็นบุรุษรูปร่างสูงใหญ่ ร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามที่ใครเห็นต่างก็เกรงกลัว อีกทั้งเครื่องหน้ายังจัดอยู่ในกลุ่มธรรมดาเห็นครั้งเดียวก็ลืมเลือน
หากไม่ใช่เพราะว่าเขายากจนข้นแค้นมาก รวมกับการที่เขามีพี่สะใภ้ที่ร้ายกาจ เกรงว่าคงจะมีหลายคนที่อยากได้เขาเป็นบุตรเขย เพียงแต่...
ที่พี่สะใภ้ของเขาเลือกนางก็เพราะว่าอดีตแม่สามียอมให้สินเดิมเจ้าสาวเป็นข้าวสาลีกระสอบใหญ่ และหน้าตาของนางแม้จะงดงามสู้บุตรสาวผู้ใหญ่บ้านไม่ได้ แต่ก็จัดว่าเป็นสาวงามของหมู่บ้านคนหนึ่ง
ดังนั้นที่นางได้แต่งกับเขานอกจากข้าวสาลีกระสอบนั้นแล้วก็เพราะพี่สะใภ้ของเขาไม่อยากตกเป็นขี้ปากชาวบ้านว่ารังแกน้องชายสามี ความงามของนางจึงทดแทนเรื่องที่นางเคยออกเรือนและมีสามีไปได้
เมื่อตะวันส่องแสงร่ำไร ไห่หยางก็แบกตะกร้าขึ้นหลังแล้วเดินเข้าป่าไป เฟยเฟยได้แต่มองตามแผ่นหลังบึกบึนนั้นด้วยความเป็นห่วง สามีของนางใสซื่อไร้เดียงสาถึงเพียงนั้น จะมีคนใจร้ายรังแกเขาหรือไม่
พอไม่เห็นเงาของไห่หยางแล้ว เฟยเฟยจึงเริ่มจัดการงานในบ้านอย่างขันแข็ง เริ่มจากต้องซ่อนเหรียญเงินห้าสิบเหรียญนั้นไว้อย่างมิดชิด เพราะที่นี่ค่อนข้างห่างไกลผู้คนและอันตรายจริงๆ
จัดการซ่อนเงินเสร็จแล้วก็ไปตักน้ำที่ลำธารมาเติมถังเก็บน้ำทั้งห้าถังจนเต็ม เหงื่อผุดพราวเต็มใบหน้า
พลางคิดในใจว่าหากไห่หยางกลับมาคงต้องให้เขาไปขุดต้นกล้าของผลไม้ในป่าสักสี่ห้าต้นมาปลูก หาไม่แล้วฤดูร้อนปีหน้ามาถึงตอนกลางวันคงอยู่ไม่ได้
เฟยเฟยมองเหรียญตำลึงเงินสิบเหรียญที่แบ่งไว้อย่างครุ่นคิด เงินจำนวนนี้มากพอที่จะอยู่อย่างสะดวกสบายไปได้สักสามเดือนโดยไม่เดือดร้อน
แต่ด้วยคำนึงถึงผลระยะยาว เงินจำนวนนี้จะต้องใช้วางรากฐานให้มั่นคงก่อน
เวลาผ่านไปไม่นานไห่หยางก็กลับมาพร้อมกับแบกหมูป่าไว้บนไหล่ข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็แบกตะกร้าใส่หน่อไม้
“วันนี้ได้หมูป่าตัวเล็กมาด้วย”
ไห่หยางเอาหน่อไม้กับเห็ดหูหนูออกจากตะกร้าแล้วอุ้มลูกหมูป่าตัวเล็กอีกสี่ตัวให้เฟยเฟยที่ยืนตัวค้างอยู่ข้างๆ แล้วเงยหน้าถามเขาด้วยความตกใจ
“ท่านฆ่ามันหรือ”
“มันโชคร้ายตกหลุมกับดักของข้า ส่วนเจ้าสี่ตัวนี้ก็เดินวนอยู่ใกล้ๆแม่ของมัน หากปล่อยไว้ก็คงอดตาย อีกอย่างหมูป่ามีนิสัยดุร้าย เลี้ยงไว้เฝ้าบ้านก็ดีเหมือนกัน”
ไห่หยางอธิบายอย่างร้อนรน เขาไม่อยากให้เฟยเฟยมองว่าเขาเป็นคนโหดร้ายที่ฆ่าได้กระทั่งหมูป่าแม่ลูกอ่อน
“ท่านจะเลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน? มีใครเลี้ยงหมูป่าไว้เฝ้าบ้านกันบ้างอาหยาง รอพวกมันโตก็ขายให้พ่อค้าในเมือง”
เฟยเฟยมองตามสามีที่แบกหมูป่าไปชำแหละข้างตุ่มน้ำแล้วยิ้มออกมา เลี้ยงหมูเฝ้าบ้านเช่นนั้นหรือ?
ใสซื่อเกินไปแล้ว...
หลังจากหาที่อยู่ให้ลูกหมูสี่ตัวนั้นแล้ว เฟยเฟยก็ยกหน่อไม้เข้าไปไว้ในครัว หน่อไม้แต่ละหน่อขนาดใหญ่กว่าขาสองข้างของนางรวมกันเช่นนี้ ไม่รู้ว่าอยู่รอดมาจนถึงมือไห่หยางได้อย่างไร
เลือกหน่อที่เล็กที่สุดจัดการแกะเปลือกนอกออกและฝานเป็นชิ้นพอดีคำ ครู่หนึ่งไห่หยางก็ยกตะกร้าเนื้อหมูป่าที่ชำแหละเสร็จแล้วเข้ามา
“ท่านจะให้ข้ารมควันหรือ”
“แล้วแต่เจ้า”
“ก่อนหน้านี้ที่หาได้ท่านทำอย่างไร” เฟยเฟยฉงนกับท่าทางจนปัญญาของสามี ดูจากหน่วยก้านและความสามารถของเขาไม่น่าจะยากจนถึงเพียงนี้ แล้วเงินตอบแทนที่แล้วมาไปอยู่ที่ไหนหมด คงไม่ใช่ลงกับสุราหมดแล้วกระมัง
“ก่อนหน้านี้ของป่าที่ข้าหามาได้ล้วนมีพี่สะใภ้จัดการทั้งหมด ตอนนี้ก็เป็นหน้าที่เจ้าแล้ว แต่ก่อนแยกบ้านพี่สะใภ้บอกว่าหากดักหมูป่าได้ให้นำกลับไปคารวะนางครึ่งหนึ่ง”
เฟยเฟยอ้าปากค้างกับความเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ของพี่สะใภ้ใหญ่ มีอย่างที่ไหนกัน แยกเรือนออกมาแล้วก็ต้องเอาของกลับไปคารวะ
เอาไว้ชาติหน้าเถอะ!
“นางแยกบ้านกับพวกเราแล้ว มีสิทธิ์อันใดสั่งให้พวกเราต้องเอาของที่หามายากเย็นให้นางด้วย ท่านลืมเรื่องนี้ไปเสียเถอะ พวกเราแค่เอาของไปคารวะในวันสำคัญก็พอ”
“ได้ เจ้าว่าอย่างไรข้าก็ว่าตาม”
เฟยเฟยยิ้มรับอย่างพอใจ สามีคนนี้นางชอบเขาเหลือเกิน ไม่ใช่เพียงเพราะเขาตามใจนางทุกเรื่องเท่านั้น แต่เพราะเขาเป็นคนขยันขันแข็ง หนักเอาเบาสู้ และเอาใจใส่นาง
นางโชคดีเหลือเกิน...
“ตอนนี้บ้านเรายังขาดแคลนหลายอย่าง เราจำเป็นต้องมีเงินสำรองเอาไว้ยามเจ็บป่วย หากเรามั่งมีกว่านี้ข้าจะไปขัดใจท่านเลย แต่ท่านดูฐานะของพวกเราตอนนี้สิ”
ไห่หยางเห็นท่าทางเสียใจของเฟยเฟยก็รู้สึกจุกอกขึ้นมา เขาคงโง่เหมือนที่น้องสามเคยพูดเมื่อตอนแยกบ้าน หากเขาฉลาดกว่านี้ หยาดเหงื่อแรงกายที่เสียไปเป็นสิบปีก็คงมีเงินถุงเงินถัง
เฟยเฟยที่เคยอยู่สุขสบายก็คงไม่ต้องทนลำบากใช้ชีวิตอยู่กระท่อมท้ายหมู่บ้านอย่างแร้นแค้น แต่งงานมาสามวันแล้วนางยังไม่ได้กินเนื้อสักชิ้น หากวันนี้ดักหมูป่าไม่ได้คงรู้สึกแย่มากกว่านี้
“เนื้อพวกนี้ข้าจะทำเนื้อรมควันไว้ส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือเราเอาไปขายที่ตลาดเถอะ”
“ได้”
ระหว่างรอเฟยเฟยทำอาหารมื้อกลางวัน ไห่หยางก็ออกไปทำคอกหมูไว้ริมรั้วหลังบ้าน ห่างจากลำธารประมาณสิบห้าก้าว
หลังจากกินกินข้าวเสร็จแล้วสองสามีภรรยาคนหนึ่งเข็นรถเข็นไม้ไผ่คนหนึ่งแบกตะกร้าหน่อไม้ก็เดินออกจากบ้านไป โดยมีสายตาของลูกหมูป่าสี่ตัวมองตามหลังจนสุดทาง
.........................................................................................
[1] 飞เฟยเฟย มีความหมายว่า บิน
[2] 羊 หยาง มีความหมายว่า แกะ
[3] หลาง เป็นคำใช้เรียก ผู้ชายหรือลูกชาย ในที่นี้หมายถึงลูกชายคนที่2
[4] 牛หนิว มีความหมายว่า วัว
[5] 1 หมู่(ไร่จีน) มีค่าเท่ากับ 166.5 ตารางวา หรือ 666 ตารางเมตร