บทนำ
แสงจันทร์ยามค่ำคืนเพิ่มเพิ่มความหนาวเย็นให้กับผู้คนภายในเมือง
ควันบุหรี่ที่ลอยออกมาจากปากที่แห้งไปเล็กน้อยของชายผู้หนึ่งลอยไปไกล กลางดึกในที่มืดเปลี่ยว สถานที่ที่ไฟจากหลอดริมถนนไม่สามารถส่องถึง
โกดังร้างถูกจับจองด้วยชายหนุ่มรูปร่างสันทัด แต่งกายรัดกุมที่มีเสื้อกันหนาวสวมทับ ชุดแต่งกายทั้งร่างของเขาแต่งเติมด้วยสีขาวทั้งชุด เสื้อคลุมที่มีฮู้ดบดบังใบหน้าเอาไว้ทำให้ไม่สามารถมองเห็นเค้าโครงหน้าได้อย่างชัดเจนขยับหันไปมองมอเตอร์ไซคู่ใจที่กำลังจอดอยู่ข้างกายเขา
เอี๊ยดดดดดด!! เสียงของล้อรถยนต์ดังอยู่ไม่ไกลไปจากตำแหน่งที่เขาได้ยืนอยู่ก่อน
ชายคนเดิมทิ้งบุหรี่ไว้ที่พื้น ก่อนจะบดขยี้มันด้วยรองเท้าหนังสีขาวมันวับ เขาเดินไปที่มอเตอร์ไซค์คู่ใจ อ้อมไปทางด้านหลัง ก่อนจะใช้มือเรียวนั้นเคาะไปที่กล่องอย่างเป็นจังหวะ มันเป็นรหัสการเปิดกล่องที่เขาเป็นคนตั้ง และ คิดค้นตัวกล่องขึ้นมาเอง เมื่อจังหวะสุดท้ายถูกเคาะเสร็จ ฝากล่องก็เปิดเด้งออกมาเป็นจังหวะเดียวกันกับที่สิ่งของสองสิ่งดีดตัวกระเด็นออกมาจากกล่องอเนกประสงค์นี่ เขาคว้าขึ้นรับอย่างรวดเร็วไม่มีพลาด
ชายอ้วนพีในชุดที่ดูหรูหราอลังการ มีแสงวิบวับจากนิ้วมือ คอ และใบหู ทำให้เขาอดขนลุกไม่ได้ แต่ฝ่ายตรงข้ามเป็นลูกค้า จึงต้องสงบหลบซ้อนความรู้สึกที่แท้จริงไว้
ฝ่ายนั้นส่งบอดี้การ์ดของตัวเองมาสองคนเพื่อมาตรวจสอบสินค้า เขาจึงยื่นไปให้แต่โดยดี เมื่ออีกฝ่ายตรวจสอบเสร็จจึงหันไปพยักหน้ากับนายเหนือหัวเป็นเชิงบอกกล่าว
ทางนั้นจึงส่งกระเป๋ามาให้ทางเขาตรวจสอบเช่นกัน กระเป๋าสองใบที่เขาสรวจสอบอย่างละเอียดก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล แต่ที่เขาแปลกใจคือ จำนวนเงินที่ให้มามันเกินมาจากที่เขากำหนดไปมากโข
"คุณต้องการอะไร" เขาเอ่ยปากถามอีกฝ่าย ก่อนจะปิดกระเป๋าลงอย่างเชื่องช้า
"อย่าถามในสิ่งที่ตัวเองรู้อยู่แล้วเลย แค่ตอยรับหรือปฏิเสธเท่านั้น" น้ำเสียงที่ดูจะหายไปกับก้อนไขมันเอ่ยกล่าวกับเขา
'ใจเย็นได้สมกับตำแหน่งที่เป็นอยู่จริงๆ' เขาคิด
"แล้วคุณจะถามทำไม ในเมื่อคุณเองก็รู้คำตอบที่จะได้รับกลับไปเหมือนกัน" น้ำเสียงของเขาเริ่มแข็งกระด้างขึ้น อีกฝ่ายรับรู้ได้ถึงแรงกดดันจากเขา ถึงแม้จะมีแว่นกันลมสีขาวบดบังดวงตาไว้อยู่ก็ตาม แต่แรงกดดันนี้เป็นของแท้แน่นอน
"ฉันก็แค่ลองวิธีนี้ดู เผื่อว่าคุณจะใจอ่อนยอมรับขอเสนอในทางนี้ เพราะไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ไม่สามารถจะจับนกที่รักอิสระอย่างคุณได้เลย" เส้นเสียงไขมันทับ ทำให้ออกมาเหมือนที่กำลังจะเรออยู่ตลอดเวลา
ตอนนี้ลูกน้องของอีกฝ่ายเก็บของเข้ารถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และ ได้มายืนขนาบข้างนายเหนือหัวเช่นเดิม
เขาสอดส่องสายตามองไปยังสะพานข้ามแม่น้ำที่อยู่ใกล้ๆ แสงไฟสองสีที่ส่องสว่างสลับกัน กำลังเคลื่อนตัวอยู่บนสะพาน ดูท่าว่าจะไม่ใช่น้อยๆเลยด้วย
"คุณรีบกลับเถอะ ผมมีธุระที่ต้องทำที่นี่ต่อ" เขาตัดบทอีกฝ่ายให้กลับไปอย่างไร้น้ำใจ เพราะยังไงเงินเขาก็ได้มาแล้ว แถมยังได้เกินมากว่าที่กำหนดด้วย
หลังจากยืนส่งลูกค้าจนลับตาแล้ว ก็เดินเท้าเข้าไปหามอเตอร์ไซค์คู่ใจ เป็นบิ๊กไบท์ สีขาวดำ เสริมด้วยกล่องด้านหลังที่เขาคิดค้นขึ้นเอง สตาร์ทเครื่องแล้วบิดคันเร่งพุ่งเข้าไปในโกดังร้างทันที
เสียงไซเรนของรถตำรวจดังขึ้นล้องรอบโกดังร้างเอาไว้แต่ยังไม่ทันที่รถของทางการถึงที่หมาย โกดังร้างนั้นก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
ตู้มมมมม!! เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างรุนแรงทำให้รถตำรวจต้องรีบเหยียบเบรคอย่างกระทันหัน
"อะไรวะ!! นี่มันกี่ครั้งแล้วที่ต้องเป็นแบบนี้ แล้วอย่างนี้จะไปจับไอ้คนร้ายนั้นยังไงถ้ามันยังระเบิดหลังฐานไปเรื่อยอยู่อีก!"
เสียงของนายตำตวจหนุ่มที่หัวเสียอย่างรุนแรง ใช้หมวกของตนเป็นที่ระบายอารมณ์
มองขึ้นไปยังสะพานที่เคยถูกจับจ้องก่อนหน้านั้น ปรากฏชายหนุ่มร่างสันทัดที่กำลังจ้องมองมายังเบื้องล่าง ภาพเหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด ดวงตาที่สะท้อนสีของเปลวเพลิงที่ลุกอย่างโชติช่วง ฉายแววเย็นชา ก่อนจะถูกบดบังโดยแว่นกันลมอีกครั้ง แล้วแล่นหายไป