เนื่องจากมีนิยายของไรท์หลายเรื่องถูก Coppy จากหน้าเว็บธัญวลัยไปปล่อยในบล็อก โดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ จึงมีความจำเป็นต้องหยุดอัพนิยายในเว็บธัญวลัยเป็นการชั่วคราว จนกว่าทางเว็บจะแก้ไขปัญหาได้
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
เบญจมาศดำ
แคว้นฉู่
ฉู่เทียนหลงฮ่องเต้ ทรงทอดพระเนตร ผู้เป็นน้องชายเพียงคนเดียวด้วยความเหนื่อยพระทัย พระองค์ไม่ทรงเข้าใจความรักระหว่างบุรุษนัก ก็เลยไม่รู้จะทรงช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร
เพราะนี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่อาจนับ ที่น้องชายผู้นี้มานั่งปรับทุกข์เรื่องน้องสะใภ้ไม่ยอมกลับตำหนัก
“เสด็จพี่ กระหม่อมควรทำเช่นไรดี”
“เจ้าก็ควรเพลาๆ เรื่องบนเตียงบ้างก็ได้ น้องสะใภ้อายุยังน้อย บางทีอาจรับไม่ไหว”
“พระองค์ไม่เคย ก็ทรงตรัสได้สิพ่ะย่ะค่ะ”
ผู้เป็นพี่ได้แต่ส่ายหน้า อดที่จะค่อนขอดในใจไม่ได้ ข้าไม่ได้นิยมชมชอบบุรุษเช่นเจ้าจะไปเคยได้อย่างไร
“จริงสิ พระองค์ก็ทรงออกราชโองการให้รั่วเอ๋อกลับมาตำหนักของกระหม่อมก็ได้นี่”
“ฉู่หยางหลง! ”
“ก็ได้ ๆ ไม่เห็นจะต้องเสียงดังเลย ระวังเถิดหากวันใดเกิดไปหลงรักบุรุษเช่นกระหม่อมขึ้นมาจะรู้สึก”
“หยางชินอ๋อง! ”
“กระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ” เอ่ยจบก็ไม่รอให้อีกคนอนุญาตรีบก้าวเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว
ฉู่เทียนหลงได้แต่ถอนใจกับความลุ่มหลงภรรยาของผู้เป็นน้อง พอคิดถึงวาจาเมื่อสักครู่ ก็ทรงยกยิ้มอย่างขบขัน เกรงว่าเจ้าต้องผิดหวังเสียแล้วล่ะน้องชาย ข้าไม่มีวันจะชมชอบบุรุษเหมือนเช่นเจ้า รอไปเถอะ
ตั้งแต่แต่งงานกัน บ่อยครั้งที่จื่อรั่วต้องหนีกลับจวนลี่ฉุน เพราะถูกหยางหลงทรมานบนเตียง ทั้งยังไปขลุกอยู่กับมารดา ทำให้ผู้เป็นสามีไม่อาจทำอะไรได้มากนัก เพราะเกรงใจแม่ยาย
ทำให้ต้องแจ้นไปหาผู้เป็นพี่ เพราะรู้ดีว่าพี่ชายต้องหาทางให้จื่อรั่วยอมกลับมาจนได้ แล้วก็เป็นจริงดังคาด
“รั่วเอ๋อ” หยางหลงรีบเข้าไปกอดเอวผู้ที่พึ่งก้าวเท้าเข้ามาในตำหนัก “หายโกรธหรือยัง?”
“ข้าไม่ได้โกรธท่าน” จื่อรั่วไม่รู้จะกล่าวอย่างไร เพราะความจริงก็ไม่ได้โกรธ แต่แค่หลบไปพักร่างกายน่าจะเหมาะกว่า
“ข้ามีข่าวดีจะบอกเจ้าด้วย ไปนั่งก่อนเถิด” หยางหลงจูงมมือคนตัวเล็กมานั่งบนตั่ง แล้วรินน้ำชาให้ด้วยตัวเองส่งให้อีกคนดื่ม “ข่าวจากแคว้นเหลียน เรื่องของหมอประหลาด ที่มียาทำให้บุรุษตั้งครรภ์ได้”
“แค่ก ๆ” จื่อรั่วถึงกับสำลักน้ำชา
เห็นอีกคนสำลักหน้าดำหน้าแดง หยางหลงจึงเอื้อมมือไปลูบหลังอย่างเป็นห่วง “รั่วเอ๋อ เป็นอะไรหรือไม่”
“มะ..ไม่ ข้าไม่เป็นอะไร แต่เมื่อครู่ท่านว่าอันใดนะ! ”
“ข้าบอกว่าพวกเราจะเดินทางไปหาหมอประหลาดผู้นั้นที่แคว้นเหลียน”
“ไม่ใช่ ๆ ที่ท่านพูดก่อนหน้า”
“อ้อ หมอประหลาดมียาทำให้บุรุษตั้งครรภ์ได้”
ได้ยินชัดเจนแล้วจื่อรั่วก็อึ้งไป บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร เพราะมันออกจะเหลือเชื่อจนไม่อยากตั้งความหวัง
“เป็นอะไรไปแล้ว”
“หยางหลง มันจะจริงหรือ?”
“จริงสิ ข้ารับรอง” หยางหลงโอบไหล่คนรักเข้ามากอดไว้ “พวกเราจะได้มีบุตรด้วยกัน ไม่ดีใจหรือไงหืม”
“ข้าย่อมดีใจ เพียงแต่ไม่กล้าที่จะหวัง”
หยางหลงลูบหลังลูบไหล่ให้อย่างอ่อนโยน “ข้าสัญญาว่ามันจะไม่ใช่ความหวังที่สูญเปล่าแน่นอน”
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ฮ่องเต้ผู้เป็นพี่ชาย หลังจากจัดการเขียนจดหมายไปหลอกน้องสะใภ้ให้กลับตำหนักชินอ๋องได้แล้ว ก็นึกอารมณ์ดีอยากมาเที่ยวดูความเป็นอยู่ของราษฎร มีเพียงองครักษ์คนสนิทสองคนที่ติดตามมาเท่านั้น
เมืองฉางโจว ถือว่าเป็นเมืองใหญ่ ทำให้มีผู้คนพลุกพล่าน ร้านค้าขายมีมากมาย พ่อค้าหาบเร่ ร้านค้าแผงลอย สองข้างทาง ยาวไปตลอดสาย
ความหล่อเหลาของฉู่เทียนหลง มีไม่น้อยกว่าผู้เป็นน้องชายเลยสักนิด ทำให้หญิงสาวมากมายต่างก็มองเป็นตาเดียว ไหนจะยังใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มอ่อนโยนตลอดเวลานั่นอีก
“ท่าน ๆ” อยู่ ๆ หัวไหล่ก็ถูกสะกิด ทำให้ต้องเหลียวหน้าไปมอง เห็นเด็กชายวัยใกล้เคียงกับน้องสะใภ้ ยืนส่งยิ้มแป้นแล๋นมาให้ คิ้วสองข้างยกขึ้นเป็นคำถามด้วยความแปลกใจ
ส่วนองครักษ์ทั้งสอง ที่ตามอยู่ห่าง ๆ เห็นว่าเด็กชายไม่มีพิษมีภัยกอปรกับฮ่องเต้ทรงโบกมือเบาๆ จึงไม่ได้ลงมือขัดขวาง
“คือว่า พี่สาวของข้านางนั่งอยู่บนชั้นสองของโรงเตี๊ยมนางสนใจในตัวคุณชาย ไม่รู้ว่าท่านพอจะว่างไปนั่งร่วมโต๊ะกับนางได้หรือไม่” รอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงตัวสวยงาม ถูกส่งมาให้ด้วยความจริงใจ
เลยทำให้พระองค์อยากรู้ขึ้นมาบ้างแล้ว ว่าพี่น้องคู่นี้เป็นลูกหลานตระกูลใด ถึงได้มีความกล้า ลงมาตามบุรุษเยี่ยงนี้ “ก็ดีเหมือนกัน ข้ากำลังหิวอยู่พอดี”
“ดียิ่ง! ฮะๆ เชิญ ๆ คุณชาย” อาการดีใจจนออกนอกหน้า กับท่าทางกุลีกุจอ ราวกับพ่อค้ากำลังเชิญลูกค้าเข้าร้าน ช่างแลดูน่าตลกขบขัน ในความคิดของพระองค์ยิ่งนัก
ลั่วหลานดีใจไม่น้อย ที่เชิญคุณชายรูปงามมาได้ แท้จริงแล้วหญิงสาวด้านบนหาใช่พี่สาวของเขาไม่ แต่เป็นบุตรสาวของสหายผู้เป็นบิดา ซึ่งต้องการให้ทั้งสองเกี่ยวดองกัน
เพราะไม่อาจปฏิเสธจึงจำใจต้องพาออกมา พอดีมองผ่านหน้าต่างลงมาเห็นคุณชายรูปงาม ที่ดูโดดเด่นท่ามกลางฝูงชน จึงเกิดแผนการในหัวขึ้นมา
เมื่อทั้งสองก้าวเท้าผ่านประตูเข้ามา หญิงสาวที่นั่งรออยู่ด้านในถึงกับตกตะลึงจนอ้าปากค้างมองชายหนุ่มด้านหลังลั่วหลานไม่วางตา
เห็นเช่นนั้นลั่วหลานก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ แต่เด็กก็คือเด็กวันยังค่ำ ทุกการกระทำตกอยู่ในสายตาเทียนหลงทั้งสิ้น เพียงเท่านี้พระองค์ก็ทรงเดาทุกอย่างได้แล้ว
“คุณชายเชิญนั่ง” ลั่วหลานรีบยกเก้าอี้ให้อย่างประจบประแจง
ส่วนเทียนหลงก็นึกสนุกอยากเล่นกับเด็กขึ้นมาบ้างแล้ว จึงแสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้
“พี่ฉิง ข้าพาคุณชายมาร่วมโต๊ะแล้ว เหตุใดยังไม่ต้อนรับอีก” เพราะอี้ฉิงแก่กว่าลั่วหลาน ราวปีเศษทำให้ลั่วหลานเรียกพี่มาตั้งแต่พบกันครั้งแรก
“อ่ะ..เอ่อ.. ข้า” เพราะไม่เคยเห็นคุณชายรูปงามทำให้อี้ฉิงเขินอายจนพูดไม่ออก นางไม่ใช่หญิงงาม หวังจับลั่วหลานที่หน้าตาดีมาแต่งงานด้วยจะได้โอ้อวดได้ พอมาเจอบุรุษที่หล่อเหลาที่แท้จริงก็ลืมลั่วหลานในทันที
เห็นอากัปกิริยาของสตรีเพียงคนเดียวในห้อง ลั่วหลานก็แทบจะไชโยโห่ร้องด้วยความยินดี รอยยิ้มแทบจะเก็บไว้ไม่มิด โดยไม่รู้เลยว่าตนเองกำลังตกเป็นเป้าสายตาใครบางคนอยู่
“โอ้ว จริงสิข้าลืมถามชื่อคุณชายเลย ไม่ทราบว่า...?”
“ซื่อเทียน” เทียนหลงเอ่ยตอบด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้มอ่อนโยน
“อ่า คุณชายซื่อเทียน ข้าชื่อลั่วหลาน ส่วนพี่สาวข้าชื่ออี้ฉิง”
“เรียกพี่ซื่อเทียนเถิด ไหน ๆ พวกเราก็มีวาสนาต่อกันแล้ว” เสียงทุ้มนุ่มเป็นเอกลักษณ์ ทำเอาอี้ฉิงแทบจะตัวอ่อนระทวย ไม่เพียงแต่อี้ฉิงเท่านั้นลั่วหลานยังรู้สึกเลือดสูบฉีดขึ้นหน้าแปลก ๆ
“ดะ..ได้ พี่ซื่อเทียน”
ตลอดการร่วมโต๊ะอาหาร กลายเป็นลั่วหลานชวนเทียนหลงคุยไม่หยุด ส่วนอี้ฉิงได้แต่นั่งบิดผ้าเช็ดหน้า กระทั่งเวลาล่วงเลยไปพอสมควร เทียนหลงจำต้องกลับวัง
“ข้าคงต้องขอตัวก่อน ไว้โอกาสหน้าพวกเราค่อยพบกัน”
“ได้ ข้าเองก็คงต้องกลับแล้วเช่นกัน เดินทางดี ๆ นะพี่ซื่อเทียน หากต้องการมาพบข้า มาหาข้าได้ที่จวนรองแม่ทัพตง”
“ย่อมได้ เจ้าเองก็เหมือนกันกลับดี ๆ ล่ะ”
หลังจากแยกย้ายกัน
“ไปสืบประวัติเด็กผู้นั้นมาให้เรา” คิดใช้งานฮ่องเต้ คงต้องจ่ายแพงหน่อยแล้วเด็กน้อย เทียนหลงคิดในใจอย่างนึกสนุก นานมากแล้วที่ไม่มีอะไรเรียกความสนใจของพระองค์ได้ ออกจากวังคราวนี้ ถือว่าโชคดีไม่น้อย