“ยังไงทั้งคู่ก็ต้องแต่งงานกัน” เสียงเด็ดขาดของคุณนายสายหยุด ภรรยาอดีตกำนันกำชัยผู้ล่วงลับ และเป็นคุณย่าของฟ้าคราม
“แต่คุณย่าคะ มันมะ..”
“หยุดพูดนะแม่มะลิ เห็นพี่เขาไหม เถียงย่าสักคำหรือเปล่า ย่าตัดสินใจแล้ว ยังไงก็ต้องรักษาหน้าตาวงศ์ตระกูลบ้าง ฉันตายไปจะเอาหน้าที่ไหนไปเจอพวกเขา ย่าเธอเองก็เป็นเพื่อนรักของฉัน สองครอบครัวก็เป็นมิตรที่ดีต่อกันมานาน เข้าใจที่พูดไหม” คุณนายสายหยุดพูดยาวเหยียดและมองไปยังคู่กรณีทั้งสอง
“ค่ะ/ครับ”
เมื่อไม่มีใครอาจแย้งอะไรได้ งานมงคลสมรสระหว่าง นายฟ้าคราม นนทกรรณ และ นางสาวมัลลิกา ศิลป์สกุล ในหนึ่งเดือนถัดมา งานจัดขึ้นอย่างสมฐานะทั้งสองครอบครัว แขกเหรื่อมาร่วมแสดงความยินดีด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส จะมีก็เพียงแต่บ่าวสาวที่ไม่รู้สึกยินดีเท่าไรนัก
“ทำไมพี่ครามไม่แย้งคุณย่าคะ” มัลลิกาเอ่ยถามหลังจากส่งตัวเข้าห้องหอเสร็จ ตัวเจ้าบ่าวนั้นกำลังเตรียมตัวแพ็กกระเป๋าจะโบยบินวันพรุ่งนี้
“ก็ฉันจำอะไรไม่ได้”
"แต่มะลิมีสตินี่คะ มะลิจำได้ทุกอย่าง"
"แล้วเธอค้านได้ไหมล่ะ"ฟ้าครามยังคงตอบหญิงสาวด้วยใบหน้ามีเรียบเฉย
"แต่มันไม่ได้เกิดจากความรัก พี่ครามไม่ได้รักมะลิ หรืออาจจะไม่เคยคิดจะรักด้วยซ้ำ"ท่าทางเย็นชาของเขา ทำให้มัลลิกาคร้านต่อปากต่อคำด้วย จึงเดินเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการกับเสื้อผ้าหน้าผมของเธอบ้าง 'ก็มีแต่เธอคนเดียวนั่นแหละมะลิ ที่ไปรักเขาอยู่ฝ่ายเดียว'หญิงสาวน้ำตาไหลอาบแก้ม ปิดปากพยายามกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้เล็ดลอดออกไปนอกห้อง
หลังจากที่ไปเรียนต่อฟ้าครามกลับมาเยี่ยมบ้านปีละครั้ง เขาเรียนจบปริญญาตรีในสองปีถัดมา และเรียนต่อโทที่นั่น เพราะได้ทุนเรียนต่อ และต้องทำงานเพื่อใช้ทุนอีก 1ปี ด้านมัลลิกาเธอใช้ชีวิตนักศึกษาตามปกติ ไม่ได้มีการติดต่อกับฟ้าคราม อาจเจอกันบ้างบางครั้งที่เขากลับมาเยี่ยมบ้านและตรงกับช่วงที่เธอปิดเทอมพอดีเท่านั้น