ศาลายาไม่มีนาฬิกา
4
ตอน
2.79K
เข้าชม
127
ถูกใจ
1
ความคิดเห็น
4
เพิ่มลงคลัง

ก่อนอื่นผมต้องขอบอกก่อนว่า

ผมเป็น"เณร"

และนี้คือ บันทึกประสบการณ์การไปเข้าค่ายอบรมของผม

เหตุการณ์ทั้งหมดคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง

บุคคลในเรื่องมีตัวตนจริงๆ

ไม่ใช่ตัวแสดงแทน

==========================

 

บ่าย3.30 ของวันที่5

ผมมีนัดที่สำคัญยิ่งในการเดินทางไปยังสถานีรถไฟ

เพื่อที่จะไปตามนัด

ผมขออุปโลคขึ้นมาเองเลยว่านั้นคือสถานที่ๆผมจะได้เจอเพื่อนที่ต่างจากผมแบบสุดลิ่มทิ่มประตู

เป็นเวลา บ่าย3.29 ที่ผมกับเพื่อนได้มาถึงยังสถานีรถไฟ

ตามใบตั๋วได้บอกว่าให้ไปขึ้นรถไฟที่ชานชาลาที่4 โบกี้ที่5

แต่พอไปถึงชานชาลาที่4 ก็ทิ้งไว้แต่หมอนไม้อุ่นๆ กับควันเขม่าจางๆไว้เป็นเพื่อนกับเรา

ผมกับเพื่อนลากกระเป๋าจากออกมาด้วยอารมณ์อึนๆ

ไม่มีคำพูดใด นอกจากท่วงท่าที่ดูเชื่องช้า สื่อสารสอดสัมผัสกัน ได้ใจความว่า"จะเอายังไงต่อดีวะ"

ผมกับเพื่อน ยืนอยู่หน้าสถานีรถไฟปล่อยให้อารมณ์มันค้างเติ้งอยู่อย่างนั้น

โดยมีซาวด์แทร็คเป็นเสียงทัวร์จีน,ฝรั่ง สอดแทรกเข้ามาเป็นช่วงๆ

========================================

 

จนแล้วจนรอด เราก็ได้ข้อสรุปมาแบบงงๆว่าจะไปรถทัวร์แทน

ตัดสลับเวลามาเป็น21.00น. ผมกับเพื่อนก็พากันเคลื่อนกายมาโผล่อยู่บนรถทัวร์

ที่มีความเย็นของแอร์เกือบเท่ากับช่องฟีชแช่ปลากระโห้เป็นที่เรียบร้อย

ด้วยความโชคดีของผมทีได้นั่งตรงกับช่องแอร์ที่เป็นรูโหว่ ไม่มีที่ปรับองศา ไม่มีที่ปิดใดๆ

ขนาดที่ว่าถ้าผมกระหายน้ำ ผมเอามือเข้าไปซุกไว้ข้างในรูแอร์สัก5นาที ผมคงได้เลียน้ำแข็งที่เกาะอยู่ตามมือแก้กระหายได้แน่ๆ

ด้วยแอร์ที่เย็นขนาดนั้น และมีผ้าห่มผืนบางๆโง่ๆ มีขุยผ้ายุ่ยออกมาเป็นเส้นๆ ซึ่งไม่สามารถให้ความอบอุ่นเหี้ยอะไรได้เลย

นั่งไปสักพักนึงผมก็เกิดอาการปวดฉี่

ยังไม่ทันได้ออกเขตเชียงใหม่เลยนะเนี้ยย

ผมกลั้นฉี่จนท้องน้อยเริ่มป่อง ทุกช่วงขณะการหายใจผมคิดแต่ว่าจะฉี่แม่งตรงหลุมวางแก้วที่อยู่เบาะหน้านี่เลยดีมั๊ยวะ

แต่ด้วยประสบการณ์ที่โชกโชนเรื่องการนอนหลับ

ผมจึงข่มตาหลับจนถึงที่พักรถ

ผมรีบลงจากรถ กึ่งเดินกึ่งวิ่ง ผ้าจีวรห้อยพะลุงพะลัง แต่ตอนนั้นผมไม่สนแล้วภาพพจน์

จะถ่ายคลิปลงยูไลค์ก็เชิญเถอะ

ยังดูดีกว่าผมยืนฉี่ใส่เบาะหน้าอีก

=========================================

 

หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไปผมก็หลับปุย

จนแสงแดดรอดผ่านกระจกข้างมาแยงตา

ไม่นานนักผมกับเพื่อนก็มาถึงสถานีหมอชิต

ซึ่งหลายครั้งที่ผมได้มายังที่นี้

ผมก็ยังไม่เชื่อเลยว่านี้คือเขตเมืองหลวงของประเทศไทย

สภาพเหมือนสถานีลักลอบขนส่งแรงงานต่างด้าว

ฝุ่นคละคลุ้ง เขม่ารถลอยละลิ่วเป็นทิวหมอก เสียงโหวกเหวก โวยวาย

ตู้แช่ขายเครื่องดื่ม ฝุ่นเกาะจนผมนึกว่าจอมปลวก

และมีพี่อยู่คนหนึ่งที่ผมประทับใจในการทำงานแกมาก

ตั้งแต่ผมลงรถ พี่แกก็แหกปาก ตะโกนเรียกลูกค้าไม่ขาดสาย

หัวหินค้าบบ  หัวหิน หัวหิน   หัวหินค้าบ หัวหิน!!!

พี่แกตะโกนเรียกลูกค้าเสมือนว่า คสช.ออกคำสั่งให้รับลูกค้าเป็นเที่ยวสุดท้าย

ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะยังมึนๆงงๆอยู่

ตะคริวก็เสือกแดกแขน เพราะตากแอร์รถทัวร์มาตลอดสาย

จนผมเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟัน ยืดเส้นยืดสาย

เดินออกมา พี่คนเดิมก็ยังแหกปากตะโกนอยู่อย่างนั้น

ในห้วงความคิดนั้นผมอยากจะซื้อสเตร็ปซิลไปให้แกอมเหลือเกิน

สงสารหลอดคอพี่แกมาก

พี่แกตั้งใจทำงานมากๆจนผมอยากจะสร้างอนุสาวรีย์ให้พี่แกเลยทีเดียว

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว