ทาสรักแมว
12
ตอน
1.37K
เข้าชม
8
ถูกใจ
0
ความคิดเห็น
0
เพิ่มลงคลัง

บทนำ 

ชีวิตเมื่อครั้งยังเยาว์วัยของชนแดนเมื่อปีพุทธศักราช 2529 ตอนนั้นชนแดนน่าจะอายุราวๆ ประมาณ 9 ขวบ ตอนเช้าชนแดนก็จะชวนเพื่อนๆปั่นจักรยานไปอีกหมู่บ้านหนึ่ง เพื่อที่จะพากันไปดูละครจักรๆวงศ์ๆ  

เพราะที่หมู่บ้านของชนแดนไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง เลยยังไม่มีใครในหมู่บ้านมีโทรทัศน์ไว้ดูเลยสักหลัง ขณะที่ชนแดนกับเพื่อนๆขี่จักรยานไปตามถนนลูกรังอยู่ๆก็มีแมวดำวิ่งตัดหน้า 

   ชนแดนกับเพื่อนอีกคนเบรคจักรยานแบบกระทันหัน จึงทำให้เสียจังหวะในการควบคุม ล้มลงไถลไปกับหินลูกรัง เลยได้แผลที่ข้อศอกกับขากันทั้งสองคน  

ส่วนเพื่อนที่ขี่ตามหลังมาเบรคทัน เลยไม่เป็นอะไร มาช่วยกันพยุงขึ้นทั้งคนและจักรยาน หลังจากที่ชนแดนเจ็บตัวเพราะแมวดำตัวนั้น เลยทำให้ชนแดนรู้สึกไม่ค่อยชอบแมวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา  

   แต่ด้วยความที่ทุกคนติดละครจักรๆวงศ์ๆ เด็กๆก็พากันปั่นจักรยานต่อ มุ่งหน้าไปยังอีกหมู่บ้าน จนถึงหลังเป้าหมายและได้ดูละครอย่างที่ทุกคนได้ตั้งใจไว้ ดูละครสนุกจนลืมปวดแผลเลยทีเดียว 

   พอชนแดนกลับมาถึงบ้าน แม่ถามว่าไปทำอะไรมาถึงได้มีแผลมาแบบนี้ ชนแดนเลยเล่าเหตุการณ์ให้แม่ฟัง แม่เลยเข้าใจและแม่ก็ช่วยล้างแผล ใส่เบตาดีนให้ 

พอถึงช่วงพลบค่ำชนแดนมักจะชวนเพื่อนๆเล่นซ่อนแอบกันตามประสาเด็กต่างจังหวัด ในขณะที่ชนแดนแอบซ่อนอยู่ในสุมทุมพุ่มไม้นั้น  

สายตาก็เหลือบไปเห็นแมวดำทำตาโต ชนแดนตกใจกลัวสุดขีดแทบจะส่งเสียงหวีดร้อง แต่ก็ต้องข่มใจไม่ให้ตัวเองส่งเสียง เพราะเกรงว่าเพื่อนจะเห็นว่าตัวเองมาหลบซ่อนอยู่ที่สุมทุมพุ่มไม้ตรงนี้  

ในที่สุดชนแดนก็ได้รวบรวมความกล้า เดินออกจากที่หลบซ่อนนั้น เพราะกลัวแมวดำ พอตกดึกขณะที่ชนแดนกำลังจะเผลอหลับไป หูก็ดันได้ยินเสียงแมวมาส่งเสียงอยู่ใกล้ๆหน้าต่าง เพราะชนแดนนอนในห้องข้างล่างคนเดียว 

ชนแดนกลัวจนตัวสั่นเลยเอาผ้าห่มคลุมโปง จนเหงื่อไหล เสียงแมวก็ดังเข้ามาใกล้หูมากขึ้น มันทำให้ใจของชนแดนเต้นรัว ชนแดนรู้สึกกลัวจนทนไม่ไหว รีบวิ่งออกจากห้องนอน แล้ววิ่งขึ้นไปบนบ้าน มุดเข้าไปในมุ้งนอนแทรกตรงกลางระหว่างพ่อกับแม่ จนท่านทั้งสองสะดุ้งตื่นขึ้นมา 

พอพ่อกับแม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นท่านก็ได้แต่ปลอบขวัญชนแดนให้หายจากอาการหวาดกลัว 

หลังจากนั้นเป็นต้นมา ชนแดนจึงรู้สึกฝังใจมาโดยตลอด เค้ารู้สึกไม่ดีกับแมวและหวาดกลัวเสียงแมวยิ่งนัก เพราะชนแดนรู้สึกว่าแมวคือสัญญาลักษณ์ของความสูญเสีย 

ชนแดน มีน้องสาวสองคนมาเป็นระยะเวลา 20 ปี อยู่มาวันหนึ่งขณะที่ชนแดนนั่งแท็กซี่เพื่อจะไปทำธุระกับญาติๆ ในย่านถนนรามคำแหง กรุงเทพมหานคร 

หลังจากที่น้าสะใภ้วางหูโทรศัพท์มือถือลง ก็หันมาบอกข่าวกับชนแดนว่ามีข่าวดีจะบอก ชนแดนทำหน้างง ข่าวดีอะไรเหรอครับน้า น้าสะใภ้เลยบอกว่าแม่ของชนแดนกำลังตั้งท้องน้องอีกคน 

หลังจากที่ชนแดนได้ยินข่าว แทนที่จะดีใจสุดขีด แต่เปล่าเลย กลับรู้สึกตรงกันข้าม ชนแดนรู้สึกตกใจกับข่าวนั้น อาจจะเป็นเพราะชนแดนรู้สึกเคยชินกับการที่เคยมีกันแค่สามคนพี่น้อง และอาจจะรู้สึกกังวลถึงสุขภาพและความปลอดภัยของแม่ เพราะแม่ดันมาตั้งท้องตอนอายุ 40 กว่าปี 

พอเวลาผ่านไปไม่นาน ความรู้สึกดีๆกลับมาแทนที่ เริ่มนับถอยหลังอยากเห็นหน้าน้องเร็วๆ พออายุครรภ์ถึงเวลาที่จะอุลตร้าซาวด์ได้ พ่อเลยพาแม่ไปอุลตร้าซาวด์ หมอบอกว่าได้ลูกสาว ครอบครัวชนแดนเลยเข้าใจและมั่นใจมาโดยตลอดว่าจะมีน้องสาวคนเล็ก 

   วันที่แม่คลอดน้องคนสุดท้อง ชนแดนไม่ได้กลับบ้านที่ต่างจังหวัด เนื่องจากชนแดนเรียนที่กรุงเทพมหานคร และอยู่ในช่วงใกล้จะสอบปลายภาค มีเพียงพ่อและน้องสาวของชนแดนพาแม่ไปคลอดที่โรงพยาบาลในตัวจังหวัด 

ชนแดนได้โทรศัพท์ถามข่าวการคลอดของแม่จากน้องสาว ว่าเราได้น้องสาวใช่ไหม น้องสาวบอกว่าตอนที่พยาบาลอุ้มเด็กเดินเข้ามาหา น้องสาวยังคุยกับพ่ออยู่เลยว่า ลูกชายใครกันดูสิไข่หำสีดำคล้ำเชียว แล้วเค้าก็พากันอดหัวเราะไม่ได้ 

อยู่ๆพยาบาลก็เดินตรงเข้ามาที่เตียงของแม่ น้องสาวกับพ่อยิ่งทำหน้างงไปกันใหญ่  

“ขออนุญาตคุณแม่ให้นมลูกชายหน่อยนะคะ” พยาบาลสาวกล่าว 

พอพ่อกับน้องสาวของชนแดนได้ยินพยาบาลพูดแบบนี้ ทั้งสองคนก็ถึงบางอ้อทันที 

พ่อกับน้องสาวของชนแดนดีใจ กระโดดโลดเต้นกันใหญ่เลย เพราะทั้งคู่อยากเลี้ยงเด็กผู้ชายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว 

น้องชายคนสุดท้อง ชื่อ ชลนที อายุห่างจากชนแดน เกือบ 21 ปี ตอนชลนทียังเล็กๆอยู่ ชนแดนชอบพาน้องชายไปเดินตลาด ใครๆเห็นก็มักจะแซวว่าชลนทีเป็นลูกชายชนแดน 

ด้วยความที่ชนแดนอยากจะให้น้องเติบโตมาเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยน จึงหาลูกสุนัขมาให้น้องชายเลี้ยง 

ชลนทีเลี้ยงลูกสุนัข ชื่อเจ้าแซม จนเกิดความรักความผูกพัน 

ด้วยที่บ้านพ่อแม่มีอาชีพค้าขายกับข้าวรถเร่ อยู่มาวันหนึ่งพ่อถอยรถแบบไม่ทันระวังและสำรวจให้ดีก่อน จึงเหยียบเจ้าแซมที่ไปแอบนอนอยู่ใต้ล้อรถตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เข้าอย่างจัง เจ้าแซมตายอย่างแน่นิ่ง 

ชลนทีเห็นเหตุการณ์พอดี วิ่งเข้าไปอุ้มร่างเจ้าแซมขึ้นมากอดและร้องให้จนน้ำตาแทบจะเป็นสายเลือด 

พ่อกับแม่ทั้งตกใจทั้งสงสารลูกชายสุดท้องที่ต้องมาสูญเสียลูกสุนัขอันเป็นที่รักยิ่งของเค้า 

ชลนทีร้องให้อยู่นาน พ่อกับชนแดน เลยบอกให้น้องชายเอาร่างเจ้าแซมไปฝังไว้ที่ที่ดินบ้านหลังเดิมที่เป็นพื้นที่ว่างเปล่า 

ชลนทีขุดหลุมไป ร้องให้ไป จนชนแดนอดสงสารน้องไม่ได้  

หลังจากเอาดินกลบหลุมฝังศพของเจ้าแซมเรียบร้อยแล้ว ชนแดนบอกน้องชายตัวเองว่าต่อไปเราไม่ต้องเลี้ยงสัตว์กันอีกแล้วเนาะ เพราะเราไม่อยากสูญเสียแบบนี้อีก 

ความรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่ต้องสูญเสียเจ้าแซมยังฝังใจของชนแดนกับชลนทีเรื่อยมา...... 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว