ภูมินทร์ ท่านประธานขาโหดในสายตาของสาวน้อยคนหนึ่ง เพราะเขาชอบเรียกเก็บดอกเบี้ยสุดโหดจากเธอ ฉายาขวานฟ้าหน้าเลือด
ความคิดของภูมินทร์ ตามสโลแกน ถ้าน้องกล้าพอ พี่ก็พร้อมจะเสียตัว
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
“นายภู จะเอาขวานไปทำอะไรครับ มีอะไรพังต้องซ่อมแซม บอกติมาก็ได้ครับ เดี๋ยวให้ช่างไปทำให้” เขาวางอุปกรณ์นั้นไว้หน้าเจ้านาย แต่คนช่างสงสัยยังถามต่อ คนจับปากกาเซ็นแต่งาน ต้องการขวานไปทำไมกัน เจ้านายเขาตอกตะปูยังงอเลย
“ไม่ได้ซ่อมแต่จะเอาไปพัง” หยิบขวานขึ้นมาแล้วเอามือลูบทดสอบความคม
“อะ...อะไรครับ พังอะไรที่ไหน นายไปมีเรื่องทะเลาะกับใครมาอีกละครับ ตกลงนายภูเป็นท่านประธานหรือเป็นนักเลงกันแน่”
“มีสักเรื่องไหมที่แกจะไม่อยากรู้น่ะไอ้ติ” เสียงจิจ๊ะออกจากปากหนาได้รูปด้วยความรำคาญ
“โธ่...นาย ติรักนายนะ อยากให้นายมีอายุยืนเป็นพันๆปีเลย”
“มากไปไอ้ติ ไม่ต้องมาประชด เดี๋ยวจะลองไปทดสอบประสิทธิภาพได้ผลยังไงเดี๋ยวมาบอกนะ” เขารีบเก็บอุปกรณ์เข้าลิ้นชักและไล่ลูกน้องออกจากห้องทำงาน ขืนให้มันซักมากเดี๋ยวความแตก
ตกกลางคืนหลังจากท่องราตรีสุดแสนประทับใจ ตติยะเดินควงกุญแจรถพร้อมผิวปากเป็นเพลงโปรดเบาๆ “จีบได้แฟนตายแล้ว” กำลังจะเดินกลับบ้านพักตัวเอง พลันสายตามองเห็นเงาตะคุ่มๆ ตรงทางเดินด้านหน้า รูปร่างสูงใหญ่คุ้นสายตา แต่ความมืดทำให้เขามองเห็นไม่ชัด กวาดสายตามองรอบบริเวณบ้านไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ ดึกดื่นป่านนี้ใครมาเดินกินลมชมวิวกัน เขาแอบเดินตามไปห่างๆ พยายามเก็บเสียงเท้าให้เงียบที่สุดเพื่อตามว่ามันคิดจะทำอะไรในยามวิกาล ใจคิดว่าเป็นพวกขโมยแต่ไม่เห็นคลุมหน้า ท่าเดินเชื่อมั่นไม่หลุกหลิก ลักษณะการเดินเหมือนคุ้นสถานที่ เขาเดินตามหลังไปสักพักคนที่เขาแอบสะกดตามเดินมุ่งหน้าไปเส้นทางบ้านพักคนงานไม่มีทรัพย์สินอะไรไปงัดแงะ ต้องโน่นบ้านที่เขาเพิ่งเดินผ่านมานั่นแหละสมควรจะไปโจรกรรม
ชายคนนั้นหยุดยืนข้างตัวบ้านน้าสนตรงต้นมะม่วง ก่อนจะเอนกายพิงไปที่ลำต้นที่ตอนนี้แผ่กิ่งก้านสยายจนเกือบจะชิดตัวบ้าน ล้วงเอาบุหรี่ออกมาจุดสูบก่อนจะพ่นควันสีขาวออกมาอย่างสบายใจ ใบหน้าแหงนเงยขึ้นมองไปทางหน้าต่างห้องด้านบนตรงหัว ไม่นานก็ดีดบุหรี่ทิ้งออกข้างตัว ก่อนจะกระโดดคว้ากิ่งที่อยู่ต่ำสุด แล้วโหนตัวขึ้นด้วยลำแขนที่แข็งแรงราวนักกีฬา คราวนี้ตติยะรู้แล้วว่ามันคิดจะทำอะไร เขาอ้าปากกำลังจะตะโกนแต่สายตาเขาไปปะทะกับวัตถุสีขาววับๆ ที่สะท้อนแสงไฟสะพายอยู่ด้านหลังชายคนนั้น แต่ที่แน่ใจว่าใช่คือใบหน้าที่เป็นเงาจางๆ ที่ถูกบดบังจากกิ่งก้านต้นไม้ตอนนี้ถูกแสงจันทร์ที่ส่องสว่างปะทะหน้าเต็มๆ ตติยะแทบตาถลนเมื่อมองเห็นใบหน้านั้นชัด
“นายจะไปทำอะไร คุก คุก นะนาย” เสียงตติยะตะโกนเกือบเป็นเสียงกระซิบใต้ต้นมะม่วง
“แล้วมึงจะยืนอยู่ทำไมวะหรือจะดูต้นทางให้กู” ไม่สำนึกยังชักชวนลูกน้องร่วมชะตากรรม ช่างเป็นเจ้านายที่ดีชวนลูกน้องเข้าคุก ตติยะรีบเผ่นแนบก่อนจะได้รับแจกอาวุธรอบสอง
++++++++
“ฉันมาเก็บดอกเบี้ย เดือนนี้ถึงเวลาจ่ายแล้ว” อีกฝ่ายเอ่ยปากทวงค่าดอกเบี้ยพิศวาส
“ห๊า! เมื่อคืนเพิ่งทำกันไปหยกๆ จะมาจ่ายดอกเบี้ยอะไรอีก ไอ้คนเฮงซวย” ลูกหนี้ทำหน้าตกใจกับการทวงดอกเบี้ยแสนโหดที่เพิ่งจ่ายไปไม่ถึงชม.ก่อนหน้านี้ แถมสบถด่ามาเป็นของแถม
“เนี่ยะ เธอกล้าด่าผัวเหรอ ถ้าคิดจะโกงไม่ง่ายหรอกนะ ฉันมีสัญญาลับที่เธอเซ็นไว้ อยากดูไหมล่ะ เมื่อคืนเป็นการจ่ายดอกของเดือนที่แล้ว ตอนนี้เวลาเที่ยงคืนสิบนาทีหมายความว่าเป็นของเดือนใหม่ มาแล้วไม่อยากเสียเที่ยว เรียกเก็บจากเธอตอนนี้เลย” เขาไม่พูดเปล่าแต่คว้านาฬิกาที่หัวเตียงมาจ่อตรงหน้าแทบจะถิ่มตาเธอก็ว่าได้
“คุณมันไอ้คนเฮงซวยที่เข้ามาในชีวิตฉัน ไอ้คนใจดำ” เธอไม่เคยด่าใครมาก่อนเลยในชีวิตนี้ แต่เขาทำให้เธอเหลืออดจริงๆ เธอต้องจ่ายดอกเบี้ยอีกครั้งในเวลาข้ามคืน หลังจากจบเกมรักหักสวาทกับเขาไปหยกๆ ยังไม่หายเหนื่อยเลย ต้องมาตกใจกับการทวงดอกเบี้ยของอีกเดือน เธออยากกรี๊ดดังๆ ถ้าทำได้แล้วเขาหายไปจากโลกเบี้ยวๆของเธอได้เธอจะรีบทำอย่างไม่ลังเลสักนิด