มัจจุราชเร้นรัก
3
ตอน
2.95K
เข้าชม
50
ถูกใจ
5
ความคิดเห็น
4
เพิ่มลงคลัง

 มัจจุราชเร้นรัก

เอริค ซานตาริโอ คอร์เนลโล

บุรุษอันตรายแห่งฝรั่งเศส พ่อค้าอาวุธ เสือร้ายที่หัวใจบอบช้ำ ด้วยชะตาแห่งผู้ทำลายล้าง จิตใจที่เย็นชา หยิ่งและทะนง ท่าทีที่น่ากลัวดุจกระทิง สายตาเด็ดเดี่ยวอย่างพญาเหยี่ยว ท่วงท่าก้าวย่างอย่างพญาสิงห์ การกระทำที่เลือดเย็น  ผู้คนกล่าวขานถึงเขา มัจจุราชแห่งเมดิเตอร์เรเนียน

มาริสา เวชประเสริฐ

ท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุ ในกรุงเทพ วันเดือดกลางเดือนเมษายน ที่จิตใจแสนว้าวุ่นสับสน หญิงสาวผู้ตรอมตรม จิตตกที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ชีวิตที่ผูกพันกับอีก หนึ่งชีวิตซึ่งมิอาจหลีกเลี่ยง เขาผู้เป็นยิ่งกว่าเจ้าชีวิต แล้วจิตใจที่ดีงามของเธอจะเยียวยา ได้อย่างไร

 

ปฐมบท

ลมวูบไหวพัดใบไผ่ปลิว ลมเย็นพัดผ่านหน้า หญิงสาวผิวน้ำผึ้ง ผิวหน้าผ่องใส สมกับชุดที่เธอสวมใส่ ดวงตาที่เคยปิดสนิทค่อยๆลืมขึ้นอย่างช้าๆ ดวงตาที่เคยหม่นหมอง ขณะนี้สงบนิ่ง มือประสานหน้าตักที่นั่งขัดสมาธิอยู่เบื้องหน้า เสียงลมสงบนิ่ง ถูกแทนที่ด้วยเสียงน้ำที่กระเพื่อมจากการกระโดดของปลา ณ ริมน้ำเบื้องหน้า หญิงสาวสัมผัสกับความรู้สึกสงบนิ่งในเวลานี้ จนไม่อยากลุกไปไหน เธอมักจะมานั่งสมาธิกำหนดจิตที่นี่เสมอ ส่วนหนึ่งเพื่อหลบสังคมที่วุ่นวายข้างนอก แต่ลึกๆ เพื่อหนีความรู้สึกบางอย่างที่เกาะกินจิตใจมาตั้งแต่จำความได้ ความฝันแปลกๆที่เธอจำไม่ได้ว่ากี่ครั้งแล้วที่ฝันซ้ำๆกันแบบนี้  ภายนอกเธอเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ใช้ชีวิตเหมือนเด็กวัยรุ่น และหญิงสาวทั่วไป ยกเว้นแต่เธอมีความชอบที่แตกต่างจากหญิงสาวทั่วไป คือเธอชอบนั่งสมาธิ มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง ทำให้เธอมีเพื่อนน้อยมาก ทุกวันหยุด แทนที่จะใช้ชีวิตสนุกสนาน ท่องเที่ยว เล่นเหมือนคนอื่นแต่เธอกลับมาขลุกอยู่ที่แห่งนี้ เรือนไม้ปั้นหยาของย่าแรม

แต่จะว่าไปบรรยากาศที่นี่ดีมากที่เดียว บ้านเรือนไทยท่ามกลางสระน้ำใหญ่ล้อมรอบด้วยต้นไม้ที่ร่มรื่น  มรดกสิ่งเดียวที่ย่า มารดาของบิดา ผู้เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่แรกเกิด เป็นผู้มอบให้ก่อนท่านจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับ มรดกที่คุณย่ารักมากหญิงสาวมักจะถอนหายใจ และดวงตาเศร้าเสมอ เมื่อคิดถึงการจากไปของผู้คนรอบข้าง ตั้งแต่บิดา มารดา จนกระทั่งล่าสุดคือผู้เป็นย่า เธอไม่ทราบสามเหตุว่าทำไม มนุษย์ถึงมีแต่ความทุกข์อะไรได้มากขนาดนี้

“หนูมุกมาอยู่ที่นี่อีกแล้วเหรอคะ คุณท่านถามหานะคะ”

“คะป้าพุด เดี๋ยวมุกตามไปนะคะ”

หญิงสาวค่อยๆลุกขึ้น เดินมาที่เรือนไทยหลังใหญ่ ลัดเลาะเดินตามทางที่มีต้นลั่นทมที่เรียงรายตลอดทางเดิน มีดอกลั่นทมร่วงโรยตามทาง สวยงามจนเธอมิอาจห้ามใจที่จะหยุดเดินก้มลงไปหยิบดอกหนึ่งที่พื้นขึ้นมาดอมดม ก่อนจะทัดหู พร้อมรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปาก ก่อนเลี้ยวซ้าย เพื่อที่จะเดินขึ้นบันไดเรือน เดินผ่านห้องโถงรับแขกใหญ่ และเธอไม่เคยลืมที่จะหยุดเพื่อมองรูปภาพ ใหญ่ที่ผนังห้องด้านขวามือ ผู้ยิ่งใหญ่น่าเกรงขามในรูป แต่งตัวเป็นชุดทหารชาวยุโรป แต่ดวงตาที่อ่อนโยนนั้น เหมือนกับจะมองมาที่เธอเพื่อปลอบโยน ทำให้เธออบอุ่นใจทุกครั้งเวลามองรูปภาพนี้  จากนั้นเธอเดินข้ามห้องโถงผ่านห้องนั่งเล่นเล็ก ก่อนเคาะประตูเบาๆ เพื่อที่จะเปิดเข้าไป

“แค้ก แค้ก” เสียงไอเบาๆมาจากเตียงคนป่วย อีกคนแล้วสินะ หญิงสาวมองที่เตียงผู้ป่วย  มีชายชราผิวเข้ม ตัดกับสีผมที่ขาวโพลน คุณปู่ คนที่รักอีกคน ที่เหลืออยู่ กำลังส่งสายตาที่อ่อนโยนมาให้เธอ ท่านเจ็บป่วยด้วยอาการไตวายระยะสุดท้าย คงอีกไม่นานแล้ว วาระสุดท้ายที่เธอจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดเพื่อดูแลท่าน  คุณปู่มีอาการล้มป่วยลง หลังจากตรอมใจที่คุณย่าเสียชีวิตมาได้ 2 ปีแล้ว จนมาริสาต้องพักการเรียนแพทย์ปีสุดท้ายไว้ก่อน เพราะอาจจะไม่มีโอกาสนี้อีกแล้วทั้งชีวิต เธอไม่อยากพลาดอีกครั้ง ในคราวก่อน ที่มัวแต่สนใจการสอบจนไม่ได้มาดูใจคุณย่า จนกระทั่งท่านสิ้นใจที่โรงพยาบาล

“หนูมุก มานี่มาลูกมา” คุณปู่กล่าวด้วยวาจา ที่ดูอ่อนเพลีย ท่านเพิ่งล้างไตผ่านทางหน้าท้องเสร็จเมื่อสักครู่  คุณปู่ ในอดีตเป็นข้าราชการทหาร หลังจากท่านปลดเกษียณ ก็มาใช้ชีวิตในบ้านหลังนี้มาตลอด จนกระทั่งทุกวันนี้ กับคุณย่าแรมที่นี่ ตอนนั้นที่เธอจำได้ว่า ถูกส่งมาหาปู่กับย่า พร้อมพี่ชาย ตอนนั้นเธออายุ 5 ขวบ พี่ชาย 12 ขวบ แต่ร้องไห้โยเยมาก เธอไม่มีญาติคนอื่นเลย เนื่องจากพ่อซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวของปู่ ได้เสียชีวิตพร้อมคุณแม่ เนื่องจากเครื่องบินตก ซึ่งนั่นเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของมาริสา การใช้ชีวิตอยู่กับคุณปู่ คุณย่าสำหรับเธอมีความสุขดีเพราะคุณย่าใจดี แต่คุณปู่จะเป็นคนเข้มงวดมาก เธอมีหน้าที่ทำตามที่ปู่สั่ง ซึ่งตรงข้ามกับพี่ชายที่หัวรั้นมาก แต่สุดท้ายพี่ชายก็พยายามจนสำเร็จ สามารถกอบกู้ฐานะทางครอบครัวโดยการต่อยอดธุรกิจของคุณพ่อได้สำเร็จ เธอภูมิใจในตัวพี่ชายมาก แม้สองพี่น้องจะไม่ค่อยพูดจากันแบบสนิทสนม แต่ในใจลึกๆ เธอเชื่อมั่นเหลือเกินว่า พี่รุจน์ของเธอรัก และเป็นห่วงเธอมาก ก้อเราเหลือกันสองคนนี่นา ส่วนเธอรักปู่ ย่า และพี่รุจน์มากเช่นกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เธอทำตามที่ปู่บอกแต่ไม่เข้าใจว่าทำไม คือการที่เธอต้องเรียนภาษาฝรั่งเศส และเรียนรู้วัฒนธรรมฝรั่งเศส มาริสาเป็นคนหัวดี เธอจึงสอบเรียนแพทย์ได้ พร้อมกับศึกษาภาษาฝรั่งเศสไปด้วย และซักวันคงได้คำตอบว่าทำไม

มาริสาค่อยเดินเข้าไปใกล้เตียงที่มีเก้าอี้นั่งวางข้างๆ “ป้าพุดบอกว่าปู่ตามหาคะ คุณปู่ต้องการอะไรรึเปล่าคะ”

“เจ้ากำลังจะเรียนจบแล้วใช่ไหม๊ลูก”

“คะ คุณปู่ หนูจะต้องกลับไปเรียนอีก 1 ปี คะ” เสียงคุณปู่ถอนหายใจเหมือนหนักใจกับอะไรบางอย่างก่อนเอ่ย “ความทุกข์ใจของบรรพบุรุษ หากเราลูกหลานจะเป็นผู้ช่วยบรรเทา มันก้อเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วสินะ” คุณปู่เหมือนพูดกับตัวเองมากกว่า

“คุณปู่ยังมีเรื่องไม่สบายใจอะไร ที่หนูมุกพอจะช่วยได้ไหม๊คะ หนูมุกทำได้ทุกอย่างนะคะคุณปู่” เวลาที่เธอมีภาวะกังวล ก้อเผลอใช้คำแทนตัวว่าหนูมุกเสมอ กับคนที่เธอรักแล้ว เธอเอื้ออาทรเสมอ

“มันน่าจะถึงเวลาแล้วที่เจ้าจะต้องรู้ความจริงซักที”

“ความจริงอะไรคะ”

“ความจริงที่เรา ลูกหลานต้องช่วยกันทำให้ภาระกิจสำเร็จ” สิ่งที่คุณปู่พูดทำให้ความสงสัยเพิ่มมากขึ้นแต่ไม่เอ่ยใดๆ เพียงแต่จะตั้งใจฟังประโยคต่อไป

“หนูมุก เปิดลิ้นชักตู้ไม้นั่นสิลูก เจออะไรหยิบมาให้ปู่ทั้งหมดนะ” คุณปู่หันไปมองตู้ไม้สักเก่าแก่ที่ปลายเตียงก่อนบอกหลานสาวคนเดียวของตระกูล ทำให้มาริสารีบลุกไปเปิดลิ้นชัก ในนั้นที่เธอมองเห็นมีอัลบั้มรูปภาพเก่าแก่  พร้อมซองสีน้ำตาล 1 ซอง เธอจึงหยิบมาทั้งหมด มาวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียงที่คุณปู่นั่งอยู่ พร้อมรอรับคำสั่งต่อไป

“ในนั้นมีอัลบั้มรูป เปิดดูซิ” มาริสาหยิบอัลบั้มภาพขึ้นมาเปิดดูตามที่คุณปู่สั่ง เธอเห็นภาพคู่ของชายหนุ่มในอดีต 4-5 ภาพ ในอิริยาบททีทั้งคุ่เป็นเพื่อนสนิทกัน โดยอีกคนน่าจะเป็นคนไทยแท้ ในขณะที่อีกคนหน้าตาเป็นชาวตะวันตกซึ่งเธอคุ้นหน้าเหลือเกิน เพราะมันเหมือนคนในภาพตรงห้องโถงที่เธอเดินผ่านประจำ อีก 1 ภาพ เป็นรูปคนสามคน โดยสองคนเป็นผู้ชายคนเดิม แต่มีหญิงสาว สวยมากในความรู้สึกของมาริสา เพราะเธอมีรอยยิ้มที่งดงามมากถูกขนาบข้างด้วยสองชายหนุ่มคนเดิม และภาพสุดท้ายเป็นภาพเดี่ยวของหญิงสาว ซึ่งมาริสาพลิกดูข้างหลังภาพมีข้อความว่า “แด่ ชยุตญ์ พี่และเพื่อนผู้มีพระคุณ มณีจันทร์” ทำให้เธอทราบว่า ผู้หญิงสวยในภาพคนนี้ชื่อ มณีจันทร์

“ผู้หญิงในรูป เธอชื่อมณีจันทร์ เป็นภรรยาหลวงของคุณปู่ทวดชยุตญ์ของหนู ซึ่งเป็นพ่อของปู่ ก้อผู้ชายในภาพที่เห็นเป็นคนไทยนั่นแหละลูก ” คุณปู่เอื้อนเอ่ยขณะมองมาที่หน้ามาริสา “จะว่าไปผู้หญิงในรูปมีส่วนคล้ายหนูนะ ทั้งๆที่พวกเรากับเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันเลย”

“คุณมณีจันทร์ ไม่ใช่ย่าทวดของหนูเหรอคะ”

“ไม่ใช่หรอกลูก คุณปู่ทวดชยุตญ์ของหนู มีภรรยา 2 คน ซึ่งพวกเราสืบทอดมาจากภรรยาคนที่สอง ก็คือคุณย่าทวด สุดา ท่านมีลูกคนเดียวก้อคือ ปู่ปัจน์ ของเจ้านี่แหละ แล้วปู่ก้อมีลูกชายคนเดียว ก้อคือพ่อของหนูมุกนะลูก” ดูคุณปู่เศร้าลงไปอย่างชัดเจน เมื่อนึกถึงคุณพ่อปริญจ์ ของเธอที่จากไปอย่างกะทันหันพร้อมลูกสะไภ้ มาริสาสัมผัสมือท่าน เพื่อปลอบประโลมคุณปู่ ท่านพยักหน้าเหมือนจะบอกว่า ไม่เป็นไร ก่อนจะเล่าต่อไป

“ส่วนอีกคน ที่หน้าตาเหมือนชาวยุโรป ท่านชื่อ ฟรานซิส ซานตาริโอ คอร์เนลโล เป็นเพื่อนและผู้มีพระคุณของปู่ทวดเจ้า ท่านเป็นคนฝรั่งเศส มาเมืองไทยเพื่อเป็นที่ปรึกษาด้านอาวุธ  สมัยนั้นคุณปู่ชยุตญ์ เป็นพลเอกประจำกองทัพไทย” คุณปู่หยุดพักเหนื่อยซักครู่ ก่อนจะเล่าต่อ “หนูมุกเจ้าคงสงสัยใช่ไหม๊ ว่าทำไมปู่ถึงต้องให้เจ้าเรียนรู้เกี่ยวกับฝรั่งเศส”

“คะ” เอ่ยตอบเพียงสั้นๆ ในขณะที่ตั้งใจฟังอย่างจดจ่อ "ท่านฟรานซิสนับถือคุณปู่ทวดมาก ถึงมอบที่ดินและบ้านหลังนี้ให้เป็นที่ระลึกก่อนที่ท่านจะกลับไป ก็ที่นี่ไงละลูก ”

“แต่ชีวิตมนุษย์ ก้อมักมีเรื่องตลก ตรงที่เพื่อนรักทั้งสองกลับชอบผู้หญิงคนเดียวกัน ในขณะที่คุณมณีจันทร์ กับท่านฟรานซิสรักกัน แต่ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงไม้ปรารถนาลูกเขยต่างชาติ ทำให้ความรักทั้งคู่เป็นไปไม่ได้ และที่สำคัญคุณมณีจันทร์ท่านเด็ดเดี่ยวเหลือเกิน เชื่อฟังบิดามารดา แม้จะต้องสูญเสียคนที่รักทั้งๆที่ตัวเองกำลังตั้งท้อง” คุณปู่นิ่งพักเหนื่อยซักครู่เพื่อให้เธอซักถามต่อ “คุณมณีจันทร์ ไม่ได้ท้องกับคุณปู่ทวดชยุตญ์ เหรอคะ”

“เปล่า ลูกในท้องเป็นลูกของท่านฟรานซิส ท่านต้องเดินทางกลับฝรั่งเศสด้วยใจที่บอบช้ำ เพราะถูกปฏิเสธรักจากผู้หญิงที่รัก”

“แล้วยังไงต่อคะคุณปู่”

“คุณปู่ทวดชยุตญ์ จำเป็นต้องเข้าไปรับผิดชอบคุณมณีจันทร์ เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของผู้หญิงที่ท่านรัก และดูแลครอบครัวของเพื่อนรัก แทน”

“จากนั้นคุณมณีจันทร์ก้อแต่งงานกับคุณปู่ทวดของหนู เหรอคะ”มาริสาสรุปต่อมา

“ถูกต้อง แต่ท่านไม่ได้อยู่กับคุณมณีจันทร์ ฉันท์สามีภรรยาหรอกนะ ท่านเป็นสุภาพบุรุษมาก แต่สุดท้าก้อต้องมีทายาทสืบสกุล คุณย่าสุดาของหนูก้อเลยต้องเข้ามาในชีวิตท่านอีกคน ”

“แล้วลูกของคุณมณีจันทร์ กับท่านฟรานซิสละคะ”

“คุณมณีจันทร์ คลอดลูกเป็นผู้หญิง ตั้งชื่อว่า มุกดา แต่หลังจากคุณมุกดาคลอดได้ไม่นานคุณมณีจันทร์ก้อ เสียชีวิต” มาริสารู้สึกเศร้าใจ และสงสารผู้หญิงที่อาภัพรักอย่างคุณมณีจันทร์มาก

“ก่อนจะเสียชีวิต เธอได้มอบจดหมายฉบับหนึ่งให้คุณปุ่ชยุตญ์ เพื่อบอกเล่าความจริงแก่ท่านฟรานซิส” คุณปู่ยังคงพยายามเล่าต่อไป ท่านไอเล็กน้อย จนมาริสาต้องเทน้ำดื่มให้ท่านจิบเบาๆ ก่อนจะตั้งใจฟังต่อไป

“ด้วยความที่คุณปู่ทวดชยุตญ์ รักคุณมุกดาและไม่อยากให้ใครพรากไป จึงยังไม่ได้ส่งจดหมายไปบอกท่านฟรานซิสที่ฝรั่งเศส จนเวลาล่วงเลยมานานจนคุณมุกดา อายุได้ 15 ปี ตอนนั้นปู่อายุ 10 ปี เห็นจะได้ ”

“วันนั้นปู่จำไม่เคยลืม รถโรสลอยด์ คันนั้นมาจอดหน้าบ้านเรา ผู้ชายที่เดินลงมาจากรถสง่างามมาก ท่านนั่งลงทักทายกับปู่ชยุตญ์ ด้วยความขอบคุณที่ช่วยดูแลลูกของท่าน ใช่แล้วถึงวันที่ปู่ชยุตญ์ ต้องยอมรับความจริง พ่อก้อต้องมารับลูกสาวของเค้าคืน” คุณปู่ซึมลงอย่างเห็นได้ชัด ในตามีน้ำตาคลออย่างที่มาริสาเห็น ต้องสะท้อนในใจรู้สึกสงสารทุกคน

“แล้วในวันเดียวกันนั้น เป็นวันที่ปู่เศร้าใจที่สุด ก้อคือ เสียงคนตะโกนขอความช่วยเหลือ หลายคนกระโดดลงน้ำ ในที่สุดก้อเจอ พี่มุกดา แต่เธอไม่หายใจแล้ว พี่มุกดาเธอตาย เพราะเธอรู้ความจริงว่าเธอไม่ใช่ลูกของคุณปู่ ชยุตญ์ เธอภายเรือออกไปทั้งๆที่ว่ายน้ำไม่เป็น แล้วเรือก้อล่ม ” มาถึงตรงนี้สุดจะกลั้นจริงๆ คุณปู่ร้องไห้ออกมา จนมาริสากลั้นน้ำตาไม่ไหว ต้องลุกขึ้นโอบกอดคุณปู่ของเธอด้วยความสงสาร “คุณปู่ขา คุณปู่ อย่าร้องเลยนะคะ คุณปู่พักก่อนนะคะ”

“ให้ปู่เล่าให้จบก่อนเถอะ หนูมุก” จากนั้นคุณปู่ก็เล่าต่อ

“วันนั้น เป็นวันที่เศร้ามาก ไม่น่าเชื่อว่าภายในวันเดียวกัน จะมีทั้งความสุขและความทุกข์เปลี่ยนแปลงในชั่วพริบตา แต่คนที่เสียใจที่สุดคือคุณปู่ทวดชยุตญ์ ท่านกินไม่ได้และนอนไม่หลับ สามคืนติดกัน ช่วงเวลานั้นปู่สงสารคุณพ่อท่านมาก อยากแบ่งเบาความทุกข์ของท่านลงบ้าง หากทำได้ ”

“แล้วในวันที่ท่านฟรานซิสจะกลับฝรั่งเศส ด้วยความเสียใจต่อเพื่อนรัก ท่านจึงสัญญาว่าท่านจะชดเชยให้ท่านฟรานซิส โดยการส่งมอบหลานสาวคนแรกของตระกูลให้กับ ตระกูลคอร์เนลโล เพื่อทดแทนการสูญเสียคุณมุกดา” ท่านหันกลับมามองหน้ามาริสาช้าๆ มิงอยู่เนิ่นนาน “นั่นก้อคือหนูมุกของปู่เอง”

“คุณปู่” เหมือนเธอจะไม่ได้ยินประโยคอุทานของตัวเองด้วยซ้ำ คำตอบทั้งหมดของคำถามในใจของเธอคือตรงนี้ใช่ไหม๊ เธอต้องเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับฝรั่งเศส เพราะเธอต้องไปอยู่ที่นั่น ตามคำมั่นสัญญาของคุณปู่ทวดชยุตญ์ที่ให้ไว้แก่เพื่อนรักก่อนท่านจะเสียชีวิต ทำไม ทำไมต้องเป็นเธอ

“เมื่อหนูเรียนจบ หนูต้องไปใช้ชีวิตที่นั่นในฐานะคนของตระกูลคอร์เนลโล ตามพินัยกรรมของคุณปู่ทวด ปู่จึงจำเป็นต้องเล่าให้หนูมุกฟังนะลูก ปู่ขอโทษนะลูก และจดหมายอีกหนึ่งฉบับที่หนูจะต้องเอาไปด้วยในวันที่หนูเดินทาง เพื่อไปพบคนในตระกูล คอร์เนลโล”

หญิงสาวกำลังอึ้งกับสิ่งที่คุณปู่เล่า เธอจะต้องตัดสินใจยังไง แล้วชีวิตของเธอละจะเป็นยังไงต่อไป พี่ชายเธอจะเห็นด้วยไหม๊  แล้วเธอก้อคิดได้เพื่อตอบแทนผู้มีพระคุณ “คุณปู่อย่ากังวลไปเลยนะคะ ถ้ามันเป็นความประสงค์ของคุณปู่ทวด หนูมุกจะไม่ขัดคะ แค่ขอเวลาหนูมุกซัก 1 ปีนะคะ ตอนนี้คุณปู่พักผ่อนก่อนนะคะ เหนื่อยมากแล้ว”

นี่ละตัวตนของมาริสา หลานสาวที่เค้าภาคภูมิใจ ไม่ว่าจะทุกข์ใจแค่ไหน แต่เรื่องของคนอื่นจะมาก่อนเสมอ เค้าไม่แปลกใจว่าทำไมหลานสาวจึงเลือกที่จะเรียนแพทย์ เค้าจึงสนับสนุนเธอมาตลอด แต่เรื่องที่จะยกหลานสาวให้กับตระกูลอื่นนั้น มักจะถูกขัดแย้งเสมอจากภารยาซึ่งก้อคือคุณย่าของหนูมุกนั่นเอง แต่นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่เค้ารับปากกับบิดาเอาไว้ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต จึงต้องปฏิบัติตามคำสัญญาที่ให้ไว้ แล้วเค้าก้อรอจนภรรยามาเสียชีวิต และตัวเองก้อไม่รู้จะอยู่อีกกี่วัน จึงต้องตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้หลานสาวคนเดียวฟัง หวังว่าหนูมุกของปู่คงเข้าใจ และให้อภัยบรรพบุรุษของหนูนะลูก

หลังจากมาริสา จัดท่าทางการนอนให้คุณปู่ได้พักผ่อนอย่างสบายแล้ว เธอก้อได้เก็บอัลบั้มรูปภาพเก่า และซองน้ำตาลในตู้เช่นเดิม จากนั้นก้อเดินออกจากห้องของคุณปู่ไป ในความคิดคำนึงนึกถึงแต่คำพูดของปู่ทวดชยุตญ์

“ฉันจะมอบหลานสาวคนแรกของตระกูล ให้กับตระกูลคอร์เนลโลของคุณ รอวันนั้น ”

 

 

 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว