ผม ชื่อ คิมุระ อายุ 36 ปี กำลังย้ายตัวเองเข้าไปทำงานที่เมืองของโอซาก้ากับลูกสาววัย 10 ขวบ พวกผมกับลูกสาวซื้อบ้านไว้ที่นั่นอยู่ 1 หลัง ไม่ใหญ่มากเพื่อไว้อาศัยเพราะผมต้องย้ายงานตัวเองจากที่เก่าเข้ามาทำงานที่ ใหม่และลูกสาวอาลินต้องย้ายโรงเรียนเข้ามาด้วยกันในโอซาก้าด้วย ตัวบ้านของเราอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองโอซาก้ามากๆจนดูว่าต้องใช้เวลาไปทำงานกับส่งลูกสาวนานเหมือนกันเป็นคำแนะนำเดียวกับหัวหน้าที่ทำงานเดียวกับผมที่ต้องย้ายผมเข้ามาในบ้านนอกแบบนี้ จุดประสงค์เพื่อไปเป็นหัวหน้าคุมลูกน้องที่นั่นยานนอกเมืองมีแต่ทุ้งหญ้าและทุ้งนา มีโรงนาขนาดใหญ่ใกล้ๆบ้านของผมที่ซื้อไว้ รู้สึกจะมีหมู่บ้านด้วยเหมือนกัน......
......ผมขับรถผ่านไปเจอหมู่บ้านเช่นกันไม่ใหญ่มากเลยเจอแวะเพื่อพาลูกสาวไปหาอะไรซื้อเข้าบ้านหลังใหม่กันในววันนี้........
ชุมชนเล็กๆกับผู้คนเหมือนจะน้อยนิดดูแล้วเกือบจะเป็นหมู่บ้านร้างก็ไม่ต่างกัน อาลินกับผมจุงมือกันเข้าไปในชุมชนขนาดเล็กมีตลาด ผัก ผลาให้เลือกซื้ออยู่มากมายแต่ทำไมผู้คนถึงได้เดินกันน้อยร้านตรงกลางเป็นทางตันโดยมีแผงขายเนื้อสัตว์ตั้งตลาดไว้ที่นั่น ดูเหมือนพ่อค้าหน้าจะไม่ต้อนรับลูกค้าเท่าไรหนัก.............
“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าหมูนี้ขายยังไงครับ”
............. ที่นี้........เราไม่ขายเนื้อสัตว์...........
“หมายความว่ายังไงครับ”
.......... ไปซื้อร้านอื่นเถอะ............. หันตัวเข้าไปในร้าน
“อ่า ครับ”
พ่อค้าขายเนื้อสัตว์ตัวใหญ่อ้วนพูดอย่างเงียบๆเหมือนจะไล่พวกเราไปแต่ผมก็ไม่ได้คิดจะเลือกซื้อร้านของเขาร้านเดียวนี้.....?
ผมเดินไปดูอีกร้าน ตรงนี้ก็เช่นกันเป็นร้านขายเนื้อสัตว์แต่เขาก็ยังพูดคำเดิมว่าพวกเขาไม่ขายเนื้อหมูหรือเนื้อปลา ไก่ เป็ดอะไรก็แทบไม่มีผมกับลูกสาวเปลี่ยนใจแล้วว่าถ้าเข้าไปในเมืองอีกคงถึงบ้านค่ำแน่ๆ ตัดสินใจไปร้านขายผัก.....
......ตึก.......ตัก........ หมับ!!!?
“!!!!!!!!”
...................
จู่ๆหนุ่มปริศนาเดินตามหลังผมมาติดนำมือของเขากระซากข้อมือผมแล้วดึงไว้ ร่างสูงยาวผิดกับเด็กชายคนอื่นกับทรงผมปิดตาทั้ง 2 ข้างของเขาไว้จนเห็นเพียงจมูกกับคางเอาไว้เสื้อยืดสีดำ แถมสูงเกินไปสำหรับมาตฐานของผู้ชาย ผมสูง 178 เขาน่าจะสูงกว่าผมไปหลายเซนแต่เด็กหนุ่มก็ยังจับข้อมือผมโดยมีอาลินลูกสาวของผมกุมมือของผมเอาไว้แน่นมากเธอกำลังกลัว...........
..........อย่าเดินเข้ามาในหมู่บ้านนี้อีก........... ละข้อมือของคิมุระลง
“.....ทำไม.....?”
..............ที่นี้ไม่เหมาะกับนาย.................
เขาพูดจบแล้วเดินออกจากผมไปไกลมากๆมือเขาล่วงกระเป๋ากางเกงเดินหายไปกับผู้คนในตลาดแห่งนี้ ผมไม่เข้ากับสิ่งที่เด็กผู้ชายพูดทิ้งเอาไว้ ไม่เหมาะกับที่นี้ยังไงกันทั้งๆที่พวกเราก็ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน สุดท้ายผมกับลูกจำเป็นต้องหาร้านสะดวกซื้อที่ห่างไกลไปอีกเพื่อซื้อของทำอาหารมื้อเย็นในวันนี้..........
.
.
.
“ทั้งหมด 450 จ๊ะ “
“ขอบคุณครับ”
“ไม่เคยเห็นหน้าตาเธอเลย พึ่งย้ายเข้ามาในหมู่บ้านนี้เหรอจ๊ะ”
“ครับ พอดีย้ายงานมาทำในตัวเมืองโอซาก้าด้วยครับ”
“อุ๊ย ตายจริง เธอมีลูกสาวด้วยเหรอจ๊ะ”
“ใช่ครับ พอดีผมมาอยู่กับลูกแค่ 2 คน ภรรยาผมพึ่งเสียไปเมื่อ 1ปีก่อนแล้ว”
“อ่า เป็นพ่อหม้ายเลี้ยงเดี่ยวสินะ”
“........” ยิ้มเบาๆ
“เธอนี้ไม่กลัวเรื่องสยองขวัญในหมู่นั่นเหรอที่ขับรถผ่านมาน่ะ”
“อะไรเหรอครับ”
....... เรื่องเล่ามีอยู่ว่า หมู่นั่นชอบนิยมรับประทานเนื้อดิบๆเป็นอาหาร พวกมันออกล่าตอนตี 1 เพื่อนำเนื้อมนุษย์ กับ ไส้มาทานกันแถมพวกมันจะชอบพวกเนื้อดิบๆกับทานเลือดสดๆ กลางคืนใครที่เข้ามาในบ้านนอกแห่งนี้จำเป็นต้องทำรั้วบ้านให้เป็นหนามแหลมป้องกันพวกมันมาชำแหละมนุษย์หรือคนในบ้าน.... ครั่งก่อนเคยทำไม้หนามแหลมป้องกันกันแต่ก็ไม่เป็นผลพวกมันมีขวานตัดรั้วหนามไม้จนพังหมด แม้แต่กระสุนปืนลูกซองก็ยังเอาพวกมันไม่อยู่แถมครั่งนี้มันยังพังรั้วหนามเหล็กเข้ามาได้อีก พวกมันจะมีเพียง 1 ตัวที่พกเลื่อยไฟฟ้าแถมชอบถลกหนังมนุษย์มาเป็นส่วนหน้าของมันเองอีกด้วย พวกเขาเรียกพวกมัน มนุษย์ชำแหละ มนุษย์ กินพวกเดียวกันเอง ชอบสวมหน้ากากและบางตัวฆ่าแล้วก็ไม่ตายยังลุกขึ้นมาทำลายคนได้อีก.............
“......เหมือนหนังเลยนะครับ”
“ไม่เชื่อก็ตามนะ หลายเดือนพวกมันถึงจะเข้ามาในหมู่บ้านเราน่ะ”
“ขอบคุณครับผมจะระวังไว้”
ผมรีบสตาร์ทรถยนต์ออกจากร้านของป้าแกทันที่ มุ่งตรงไปทางโรงนาจนผมต้องหันไปมองปากทางเข้าเป็นไปตามที่คุณป้าคนนั่นบอก มีรั้วหนามกับกำแพงสูงไม่ใหญ่มากบ้านของผมอยู่ถัดเข้าไปข้างใน.....สภาพแวดล้อมดูจะน่ากลัวไปบ้างแต่ผมก็พยายามบอกลูกสาวทุกครั่งที่เราเข้ามาอยู่ในเมืองนี้เราจะไม่มอง หรือฟังสิ่งที่เป็นไปไม่ได้........
..........เวลาต่อมา ผมกับลูกสาว อาลินพวกเราช่วยกันทำอาหารมื้อค่ำกันในห้องครัวเล็กๆของบ้านหลังใหม่โดยเป็นบะหมี่เพราะไม่มีอะไรทานถ้าจะซื้อของกินจริงๆต้องเข้าไปในเมืองวันพรุ่งนี้ อาลินลูกสาวของผมเธอเป็นเด็กดีมากชอบช่วยงานผมทุกๆครั่ง ถึงพวกเราจะขาดแม่ของเธอไป เธอก็อยู่อย่างเข็มแข็งได้.......... ผมสั่งเกตผ่านหน้าต่างออกไปคนในบ้านอีกหลังรีบปิดไฟในห้องรวดเร็วมากเหมือนจะเตรียมตัวเข้านอนเลยด้วยช้ำ อาจจะเป็นอย่างที่คุณป้าคนนั่นพูดก็ได้ ไม่ก็แค่เรื่องที่ถูกสร้างขึ้นให้รู้สึกกลัว ผมไม่ได้คิดอะไรเตรียมตัวทานข้าวกับลูกสาวของผม........
“อร่อยมั้ยลูก”
“อร่อยคะคุณพ่อ”
“พรุ่งนี้เราจะไปซื้อหนังสือเรียนกันนะครับ แล้วอีก3 วันลูกจะได้เจอเพื่อนใหม่แล้ว”
“แต่ อาลิน ไม่อยากจะไปโรงเรียนใหม่เลยคะ”
“ครั่งแรกก็จะเป็นแบบนี้แหละครับลูก แต่ก่อนพ่อก็ไม่ชินกับที่ทำงานใหม่แต่ก็ต้องปรับตัวเองให้เข้ากับพวกเพื่อนๆนะครับ”
“คะ อาลินจะพยายาม”
“......................”
เวลาผ่านไปหลายชั่ว คืนนี้ผมกับอาลินต้องนอนด้วยกันไปก่อน ผมไม่อยากให้เธอแยกห้องนอนตอนนี้มันจะอาจจะทำให้เธอกลัวและนอนไม่หลับในเวลาที่ผมปิดไฟเข้านอนเป็เวลา เที่ยงคืนกว่าแล้วเพราะผมต้องทำรายงานลงในโน๊ตบุ๊คส่งเป็นเอกสารให้ทางผู้จัดทราบ พอผมล้มตัวลงนอนข้างๆลูกสาวนั่นเอง จู่ๆผมได้ยินเสียงคลายๆมีคนเหยียบหญ้าเดินมาทางหน้าบ้านของผม เสียงแช่กๆเดินไม่เก็บเสียงฝีเท้าเท่าไร กระทั้งผมลุกขึ้นโดยไม่ถือไฟฉายหรือเปิดไฟ คว้าดาบซามูไรคาตานะที่ติดตัวเป็นของโชว์นั่นออกมาแทนปืนพก
.......... สายตาของผมส่องผ่านหน้าต่างในห้องครัวมองว่ามีอะไรเกิดขึ้น ทางบ้านของอีกฝ่ายมีคนกำลังย่องเข้าไป 3คนและแล้วทันใดเองเสียงร้องโหยหวนก็ดังออกมาแต่ไม่ชัดมาก ผู้หญิงกับผู้หญิงโดนดึงลากร่างกับพื้นเดินออกมาโดยพวกเขา ทั้ง3คน ก่อนจะ บุคคลที่ 4 เดินเข้าไปถือขวานยาวออกมายกสูงเหนือหัวของมันนำกระแทกลงกลางหน้าผากของผู้หญิงคนนั่นเต็มแรง ผมรีบปิดผ้าม่านทันที่หอบหายใจแรงมากๆแบบหัวใจจะกระเด็นหลุดออกมาทว่าเสียงฝีเท้านั่นอีกแล้วเดินมาทางหน้าต่างครัวผม ตัวผมรีบถือดาบคาตานะไว้แน่นนำผ้าม่านลงทุกๆบานเพื่อปิดหน้าต่างไม่ให้มันเห็นพยายามขึ้นไปหาลูก อาลินยังหลับสนิทอยู่ไม่ใช่เรื่องโกหกชะแล้วสิ ผมยังไม่หายข้องใจแอบมองพวกมันต่อด้านบนห้องนอน บุคคลทั้ง 4 ลากศพที่ชำแหละแล้วควักใส่ถุงสีดำแบกไปคนละถุง แม้แต่กระดูกก็ยังเก็บจนหมดอีกตัวยังหันมาทางผม ตัวผมรีบหลบลงที่เตียงทันที่.............
............ ร่างสูงสวมหน้ากากกระต่ายเดินมาทางบ้านหลังนี้ถือมีดสปาต้าแน่นใข้มือจับลูกบืดประตูพยายามจะงัดประตูเข้ามาให้ได้จนมันหมดความอดทนใช้มีดสปาต้าฟันลูกบิดจนพังจนเปิดประตูเข้ามาได้
“พ่อ.....”
“อาลิน ไม่เป็นอะไรนะ มานี้”
“..........” โดนคิมุระอุ้มขึ้น
.......... แฮ่ก ............... แฮ่ก
ผมอุ้มลูกลงบันไดได้ทันมันเดินเข้าถึงห้องนั่งของพวกเรามีมีดสปาต้าคมถือไว้แน่น ผมสั่งลูกห้ามร้องเสียงดังปิดปากของเธอไว้แน่นพร้อมผมที่ถือดาบซามูไร คาตานะไว้ที่มือ เจ้ามนุษย์สยองนั่นสวมหนังหน้าเป็นกระต่ายมีแต่คาบเลือดสีแดงสดติดเต็มเสื้อจนถึงมือของมัน เหมือนกับเขาจะจับกลิ่นหรืออะไรชักอย่างจากตัวผม
“พ่อคะ.......อาลินกลัว”
“ชูว์ เงียบๆไว้”
.....................กึก......................
“เฮือก!!!!!”
…………… เจ้าตัวกินมนุษย์แทบไม่เห็นร่องรอยของคิมุระเลยด้วยช้ำ มันทำการค้นห้องของฝ่ายนั่นอย่างกระจัดกระจาย คิมุระอุ้มลูกสาวหนีเข้าครัวเพื่อหาที่หลบแต่ก็ไม่พ้นสายตาของมัน หูที่ฟังเสียงเป็นเลิศของมันวิ่งตามฝีเท้าของคิมุระเข้าไปในครัวจนกระซากร่างของลูกอาลินได้ทันที่ คิมุระไม่ทั้งตั้งตัวก่อนจะรีบหันไปปะทะกับมัน เจ้ามนุษย์หน้าหนังกระต่ายมองคิมุระโดยการเอียงคอถือหิ้วลูกสาวของตนไว้ ร่างสูงสวมเสื้อกันหนาวหนามีเสียงเรียกแบบแปลกๆดั่งสัตว์เรียกหากันดังขึ้นเหมือนจะเรียกมันให้รีบๆออก คิมุระใช้ช่วงนั่นที่ตัวของเจ้านั่นหันคอไป ใช้ดาบคาตานะแทงไปตรงๆที่หน้าท้องของมันจนทะลุปลายดาบเลือดสาดกระเด็นออกมา ก่อนจะรีบดึงดาบกลับทันที่....................
………………..อ๊ากกกกกกกกกกก!!!!!!!................
“อาลิน!!!!!”
“คุณพ่อ”
……………. อะ.......อัก.............. เอามือกุมที่หน้าท้องที่มีแต่เลือด
มีดสปาต้าร่วงหลุดออกจากมือใช้มือขวากุมหน้าท้องตัวเองไว้แน่น คิมุระหวังให้มันตายแต่ก็รู้ดีว่าดั่งที่ป้านั่นบอกพวกมันเคยโดนลูกซองยิงก็ยังไม่ตาย มือใหญ่คว้าลำคอของคิมุระไว้บีบคออีกฝ่ายด้วยมือเดียวยกขึ้นจนเท้าลอยสูง
“อึกกก.......อ๊ากก!!!”
............... หึ.........หึ......... ถ้าฆ่าผมได้......คุณคือผู้ชนะ
ตุบบบบบบบบบบ!!!!!!!!! มันเหวี่ยงร่างของคิมุระออกไป
“คุณพ่อ!!!!!”
“อย่าเข้ามา อาลินหนีไป!!!!”
.............. หยิบมีดสปาต้าขึ้นมาทันที่แล้วหันไปทางมนุษย์คนนั่น
“..................อุก.........แฮ่ก .........แฮ่ก”
ฉึก!!!!!!!!!!!!!!!!
มันพยายามจะฆ่าคิมุระโดยปลายแหลมของมีด อีกคนกลิ้งหลบทันพร้อมใช้เท้าถือหน้าของเจ้ามนุษย์สยองนั่นอย่างเต็มแรง เหมือนมันจะไม่รู้สึกปวดยังลุกขึ้นมาได้อีก จนกระทั้งเสียงเรียกน่ากลัวเหมือนสัตว์ปากคลายๆหมาเรียกกันดังขึ้นอีกครั่งมันทิ้งความสนใจของมนุษย์ผู้ชายวัยกลางคนหันไปทางเพื่อนๆของมันนำมีดสปาต้าเดินออกไปอย่างเงียบๆ พวกเขาทั้ง2 รอดตายมาได้ คิมุระกอดลูกสาวไว้แน่นมองคาบเลือดบนพื้นห้องอย่างครุนคิดลูบหัวลูกสาวแล้วหอมผมของเธอปลอบขวัญเบาๆ
.
.
.
.
................... เจ้ามนุษย์ชำแหละคนนั่นเป็นพวกทำตัวเหมือนสัตว์ 4 เท้า เพียงแต่ยืน 2 เท้า สามารถอยู่และมีขีวิตได้ ถึง 100 ปี ผิวหนังหนาทนต่อความเจ็บปวดได้ดีรูปร่างเป็นเหมือนมนุษย์แต่ส่วนหัวจะเป็นสัตว์ผีหรือพวกสัตว์สยองต้องเปลี่ยนหนังหน้าตัวเองให้กลมลื่นกับมนุษย์ในเวลาเช้าจะถลกหนังหน้ามนุษย์ที่ไปชำแหละมาเปลี่ยนในแต่ละครั่ง อาวุธที่พวกมันใช้ จะมี ขวาน เลื่อยไฟฟ้า เซือกมีดต่างๆ แถมพวกนี้ฆ่าก็ไม่ตายชะด้วย.........
.......... ร่างสูง 190 ของชายหนุ่มวัย 21ปี ถอดเสื้อ ออกมาเพื่อล้างตัว ก้มหน้ามองหน้าท้องแกร่งเป็นรอยดาบคาตานะของคิมุระแทงทะลุเข้ามา มือใหญ่นำน้ำมาชำระล้างเลือดทำความสะอาดบาดแผลของตนเองเหมือนมันจะไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย พวกครอบครัวของเขาในหมู่บ้านเล็กๆเหมือนดูเป็นพวกคนจนนั่น พ่อกับแม่ของมันทำอาหารมื้อดึกเป็นเนื้อมนุษย์กับหัวมนุษย์นั่งร่วมกลุ่มทานกันเหมือนเนื้อหมูธรรมดา อีกทางกำลังชำแหละร่างมนุษย์ที่ได้ถลกหนังนำไปแขวนไว้เรียงกันเพื่อเป็นอาหารเช้าของอีกวัน........
.............อร่อยมั้ย ลูก.................
................ ไม่......................
............... เหมือนลูกจะเบื่ออาหารนะ ..............
.................... ไม่พูดอะไรมากทานเนื้อแบบเงียบๆ
พวกคนที่เหลื่อกลับเข้ามาถึงหมู่บ้านนำร่างของมนุษย์คนอื่นๆมาบดกับเครื่องบดเนื้อหมูโยนลงแบบสดๆจนแหลกละเอียด ส่วนเลือดแดงสดพวกเขารีดมันจากร่างกายของมนุษย์เพื่อนำมาปรุ่งอาหาร บ้างก็มาดื่มกินกันสดๆ ............. หนังหน้าถลกออกมาต้องเปลี่ยนหน้ากันแล้วก่อนจะประกอบหน้าใหม่โดยมีคนเย็บหน้าให้โดนเข็มใหญ่กับด้ายหนาเพื่อให้หน้าตรึงติดกันไว้ได้....................
....................... แม่ของมันนำเลือดใส่แก้วมาให้มันดื่ม
..................... นั่งดื่มเงียบๆ
................. พรุ่งนี้พวกเราจะเข้าไปอีก ที่นั่นเนื้อมนุษย์เยอะ
...........ครับ.............
.................. ไม่เป็นอะไรนะ ลูกน่ะเก่งอยู่แล้ว เชื่อแม่สิ.............
เธอลูบหัวของลูกชายเบามือ มือใหญ่ที่ไล่ล่าฆ่าพวกมนุษย์มีไม่ถ้วนโดยการกระทำแบบเดียวกันที่พวกมันทำ ในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้จำหน่ายแต่เพียงเนื้อมนุษย์เท่านั่น........