Please (ได้โปรด ... รักผมเถอะนะ) : Intro
ก่อนอื่น มาทำความรู้จักกันก่อน ผมชื่อ “ไทม์ หรือ Time” แปลตรงตัวว่า “เวลา” สมัยผมยังเล็ก พ่อกับแม่ของผมท่านเคยบอกไว้ว่า “เวลา...เป็นสิ่งสำคัญที่สุด และไม่สามารถประเมินค่าได้” ผมจำประโยคนั้นได้ขึ้นใจ ไม่ใช่เพราะมันเป็นชื่อผมหรอกนะ มันเป็นสัจธรรม เมื่อใดที่เราเสียมันไปแล้ว เราจะไม่สามารถได้มันคืนมาอีกเลย
มีหลายคนถามว่าผมหน้าตาเป็นยังไง หล่อไหม สูงแค่ไหน รูปร่างเป็นยังไง ผู้อ่านที่รักคงจะได้เห็นหน้าตาอันหล่อเหลาของผมในตอนถัดๆๆไป เอ๋! ผมไม่ได้หลงตัวเองนะ ก็แค่ชมไว้ก่อน เผื่อตอนหน้าเกิดอิมเมจของผมไม่หล่ออย่างที่คิด ไม่มีใครชม ผมจะได้ไม่มานั่งเสียใจคนเดียวไง T^T
เอาเป็นว่าอย่างน้อยๆผมก็รู้ละกันว่าตัวเองเป็นคนหล่อเท่ห์ ดูดีมีสไตล์ รูปก็หล่อพ่อก็รวยว่างั้น แต่บอกไว้ก่อน อย่างผมจีบใครไม่เป็นหรอกนะ มีแต่อยู่เฉยๆให้คนอื่นเข้ามาหา พูดแล้วจะหาว่าคุย (555+) อายุอานามผมนะหรอ อย่าพูดถึงดีกว่าไหม ข้ามไปได้ป่ะ! อ่าว ไม่ได้หรอ เอ่อๆ บอกก็ด่ะ ห่างไกลจากคำว่านักเรียนนักศึกษามานานพอสมควร ตอนนี้ก็ปาไป 29 ละ ใกล้เลข 3 เต็มทน แต่ผมก็ยังเป็นวัยรุ่น (ตอนปลาย) อยู่นะ หรือใครจะเถียงครับ
ผมว่า ผมมาเสนอหน้านานเกินไปละ ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นตอนเปิดตัว และผมก็ได้เป็นนักแสดงนำ แถวบ้านเรียกผมว่า “พระเอก” แต่ผมก็ไม่ใช่คนดำเนินเรื่องอยู่ดี นู่น...ข้างล่างนู่น นายเอกของผม เค้ารับหน้าที่ดำเนินเรื่อง เอ๊ะ! ชักอยากรู้ซะแล้วสิ ว่าใครจะมารับบทเป็นนายเอกที่รักของผมกันนะ
สวัสดีครับผู้อ่านที่รัก ผมรู้สึกพลาดนิดๆที่มาเสนอหน้าเป็นคนแรกไม่ทัน แต่ก็ช่างเถอะครับ ผมมั่นใจในความน่ารักของตัวเองว่าต้องมัดใจผู้อ่านได้มากกว่าคนข้างบนแน่ๆ ผมเอง “วิน หรือ Win” แปลตรงตัวว่า “ชนะ” นายเอกของเรื่องนี้ ตั้งแต่ผมเกิดมา... เท่าที่จำความได้ ผมไม่เคยแพ้ใครนะ ทั้งนิสัยดี มีน้ำใจ เรียนดี กีฬาเด่น มารยาทงามเป็นที่สุด ยิ่งหน้าตานี่ไม่ต้องพูดถึง น่ารัก ขาวใส ไร้ที่ติกันเลยทีเดียว ใครๆก็รักผ๊มมม ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย เด็ก ผู้ใหญ่ หรือแม้แต่คนชราเป็นอันต้องหลงผมกันทั้งนั้น พูดไปแล้วก็เขิน คนอะไรก็ไม่รู้ สมบูรณ์แบบชะมัด!
ผมเพิ่งเริ่มทำงานมาได้ไม่นานหรอกครับ ปีหน้าก็วัยเบญจเพสแล้ว กำลังอยู่ในช่วงเรียนรู้สังคมการทำงาน ซึ่งไม่สามารถหาได้ในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยทั่วไป หรือที่หลายๆคนเรียกกันว่า “มหาวิทยาลัยชีวิต” นั่นแหละ ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย ยิ่งชีวิตการทำงานด้วยแล้ว ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเราเอง ถึงจะแกร่งว่าไหมครับ เฮ้อ... ผมเป็นประเภทมุขไม่ฮา พาเพื่อนเครียดซะด้วย อย่าเพิ่งเครียดกันนะครับ คึคึ
สุดท้ายนี้ผมขอกำลังใจจากผู้อ่าน อย่าลืมเอาใจช่วยผมด้วยนะ ไม่รู้ว่าบทที่ได้รับครั้งนี้จะดราม่า สุข เศร้า เคล้าน้ำตา ขนาดไหนกัน ชักอยากรู้แล้วสิ นี่ผมยังไม่ได้อ่านบท แถมยังไม่ได้เจอหน้าพระเอกที่ชมตัวเองว่า “หล่อเท่ห์ ดูดีมีสไตล์” เลยนะ จะจริงอย่างที่คุยไว้สักแค่ไหนกันเชียว ยังไงก็อย่าลืมติดตามผมด้วยนะครับ ฝากเนื้อฝากตัวไว้ในอ้อมใจของผู้อ่านทุกคนด้วยนะครับ
“เวลา... เดินไปข้างหน้าเสมอ นาฬิกา... เดินวนอยู่ที่เก่า
เวลา... ไม่อาจย้อนกลับ นาฬิกา.. หมุนเข็มย้อนได้
เวลา... สูญเสียไปแล้วไม่อาจคืนกลับ นาฬิกา.. เสียก็ซ่อม ซื้อใหม่
เวลา... ได้มาฟรี ๆ ไม่ต้องแลกกับอะไร นาฬิกา.. ต้องใช้เงินซื้อ
แล้วอย่างนี้ มันจะคู่กันได้ยังไง ในเมื่อมันแตกต่างกันเหลือเกิน
แต่ถามหน่อย.. ถ้าไม่มีนาฬิกา จะรู้เวลาไหม
หรือถ้ามีแต่นาฬิกา แต่ไม่รู้จักเวลา จะมีประโยชน์อะไร
ถึง 2 สิ่งจะแตกต่างกัน แต่ถ้ามันจะคู่กันแล้ว ย่อมมีจุดร่วมกันเสมอ
เพียงแต่เราจะมองเห็นมันรึป่าวเท่านั้นเอง