"Only two things are infinite, the universe and human stupidity,
and I'm not sure about the former."
- - Albert Einstein - -
มีเพียงสอง สิ่งเท่านั้นที่หาที่สิ้นสุดไม่ได้ สิ่งหนึ่งคือจักรวาล และอีกสิ่งคือความโง่เขลาของมนุษย์ ทว่าฉันไม่แน่ใจว่าจักรวาลจะเป็นเช่นนั้น
ปฐมบท การเดินทาง
รถตู้โดยสารสุดหรูขับรถไปตามทางสองฟากฝั่งเต็มไปด้วยต้นไม้ขึ้นเขียวชอุ่ม ภายในรถคันนั้นมีผู้โดยสารอยู่เจ็ดคนต่างพากันพูดคุยอย่างสนุกสนาน มีเพียงคนเดียวที่หลับมาตลอดทางด้วยการทานยาคลายเครียดเพื่อบรรเทาอาการโรคซึมเศร้าที่เป็นอยู่ แต่ด้วยอะไรก็ตามทำให้ นนท์ ต้องลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความยากลำบากจากฤทธิ์ยาจนพบว่าเพื่อนภายในรถกำลังจดจ้องสมาร์ทโฟนด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดหนำซ้ำยังพูดคุยเสียงดังเถียงกันไปมา
“เธอแน่ใจนะน้ำค้างว่าเราวิ่งถูกทาง ฉันวนมาสองรอบละกับโค้งนี้”
เสียงชายหนุ่มคนขับถามเพื่อนสาวที่นั่งอยู่ข้างๆนนท์ที่เพิ่งจะลืมตาตื่นขึ้นมา
“เดี๋ยวนะ ฉันโทรถามป๊าก่อน” เสียงน้ำค้างบอกอย่างร้อนรน “มือถือฉันไม่มีสัญญาณน่ะ ฉันโทรหาป๊าไม่ได้”
พล ชายหนุ่มที่ประจำอยู่ที่นั่งคนขับถอนหายใจ สีหน้าเบื่อหน่ายมองกระจกหลังดูเพื่อนสาวของตนที่นั่งอยู่เบาะแถวสอง
“ว่าแต่ไอ้คู่รักแถวสามนอกจากจะสวีทกันตลอดทาง มีความเห็นหรืออะไรบ้างไหม?”
พลมองกระจกหลังไปที่คู่รักที่นั่งด้วยกันแถวสามของรถตู้ สินชัย กับ เจน คือสองคนนั้น ด้วยอากัปกิริยาที่ดูไม่ทุกข์ร้อนยังคงหยอกเล่นกันอย่างสบายอารมณ์ยิ่งทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้น
“แกจะมาหงุดหงิดอะไรกับฉันและเจนวะไอ้พล?” สินชัยเอ่ยขึ้น “ข้างๆแกก็มีคนนั่งดูทางด้วยอยู่ไม่ใช่เหรอ? ความจริงฉันเห็นมันเงียบมาพักใหญ่แล้วนะ”
พลเหลือบสายตาไปที่เบาะข้างคนขับไอ้ที่ชวนหงุดหงิดสุดสำหรับตอนนี้คือเพื่อนที่เมาไม่ได้สติอยู่ข้างๆอย่าง ชัช ที่ขวดกระป๋องเบียร์หล่นอยู่แทบเท้าสี่กระป๋อง พลหงุดหงิดตรงที่เจ้าตัวนั้นรับปากอย่างดีว่าจะอยู่คุยเป็นเพื่อนตลอดทาง
“เมาหลับไปแล้วใช่ไหมล่ะ?” เจนถาม “เมื่อกี้ตอนเจอด่านเห็นตำรวจก็ทักอยู่ ฉันว่าคนที่ไร้ประโยชน์ไม่ใช่ฉันกับสินนะ น่าจะเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่ประถมของนายมากกว่าพล”
“เอาน่าๆ อย่าทะเลาะกัน นี่ไอ้พลขับวนมาสองรอบแล้ว ที่น่าแปลกคือมันก็เป็นทางขึ้นเขาทางเดียวแท้ๆไม่มีทางแยก น้ำค้างเธอแน่ใจนะว่าตั้งแต่แยกจากถนนหลักเรามาถูก?”
เพชร ผู้ที่นั่งอยู่เบาะหลังสุดถามกลับไปที่น้ำค้างอีกครั้ง เธอพยักหน้า
“ถูกแน่นอน แต่ฉันก็ก็งงว่าทำไมเรายังไม่เจอทางเข้าสักที?”
“เดี๋ยวฉันจะลองวนดูอีกรอบหนึ่ง พวกนายที่ยังตื่นอยู่ช่วยดูด้วยนะว่ามีทางไหนที่รอดสายตาของเราไปหรือเปล่า?”
พลสรุปยุติการโต้เถียงทุกอย่างไว้ตรงนี้ เขาไม่อยากจะเสียเวลากับการถึงที่หมายที่ล่วงเลยมาหลายชั่วโมงทุกคนในรถพยักหน้า แต่เสียงของนนท์ที่หลับด้วยฤทธิ์ยามาตลอดทางก็ดังขึ้นเรียกความสนใจจากคนอื่นบนรถ
“พล....แกตรงไปไม่เกินห้ากิโลเมตร ด้านซ้ายจะมีทางลูกรังตัดเข้าไปอยู่ทางมันค่อนข้างเล็กนะ สังเกตดูดีๆ”
“อ้าว แกตื่นตั้งแต่เมื่อไรวะไอ้นนท์? ฉันคิดว่าแกหลับตลอดทางตั้งแต่มา”
“ฉันหลับๆตื่นๆ แล้วที่ตื่นมาก็ได้ยินพวกแกเสียงดังนี่แหละ”
“นายเคยมาที่นี่เหรอนนท์?” เพชรถามขึ้นขณะที่เจ้าตัวคนโดนถามส่ายหน้า
“ไม่เคย แต่อย่างที่บอกว่าฉันหลับๆตื่นๆ ฉันเห็นพลมันขับเลยทางตรงนั้นมาแล้วรอบหนึ่ง เลยคิดว่าน่าจะใช่”
“งั้นจะรออะไรล่ะไปกันเลยดีกว่า”
พลเหยียบคันเร่งรถไปตามทางต่อทันทีบรรยากาศภายในรถเริ่มกลับมาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด น้ำค้างหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวนนท์ด้วยความเป็นห่วง สายตาของนนท์ไม่ได้สนใจเพื่อนสาวสถานะคนสนิทเขาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างกับวิวข้างทางสีเขียวส่องแสงด้วยแสงแดดจ้า วันนี้อากาศแจ่มใสแต่อาจจะด้วยโรคซึมเศร้าที่เขาเป็นทำให้ไม่อาจรู้สึกสดใสตามสภาพอากาศได้ มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน? เขาเฝ้าถามกับตนเองครั้งแล้วครั้งเล่าที่อาการจมดิ่งสุดขั้วของความรู้สึกเศร้า มืดมน หาทางออกไม่เจอดั่งมหาสมุทรแห่งความทุกข์ที่มืดมิดไร้แสงสว่างใดๆเกิดขึ้น ทุกครั้งคำตอบที่ได้กลับมาก็วนลูปมาที่จุดเดิม ‘ตั้งแต่ที่เพื่อนสนิทที่สุดอย่างตฤนได้ตายไปไงล่ะ’
รถตู้สุดหรูขับมุ่งไปตามทางขุนเขาที่คดเคี้ยว หวังจะรีบไปถึงปลายทางหาได้รู้ไม่ว่าทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...