เรื่องสั้นของ นริดา คนสาเกตุ
3
ตอน
4.43K
เข้าชม
86
ถูกใจ
2
ความคิดเห็น
1
เพิ่มลงคลัง

1

 

หญิงสาวผู้พิการ....กับความฝันอันยิ่งใหญ่

เรื่องโดย  นริดา

*ขลุ่ยยังมีเลาเป่า            ซอก็ยังมีสาย

คนยังไม่ทิ้งลวดลาย      ยังมีไฟ ลมหายใจยังอุ่น

โชคชะตาหรือเพราะฟ้าลิขิต              พาชีวิตมีร่างกายไม่ครบส่วน

จึงเสียดายความฝันอันโหยหวน        มันเจ็บปวดเจียนจวนแทบขาดใจ

เคยสัญญาต่อหน้าเชิงตะกอน           ต้องลุ่มร้อนเผากายใจแทบมอดไหม้

จะสืบสานฝันของพ่อ ต่ออย่างไร       ที่ร่างกายลูกมาเหลือแค่ครึ่งเดียว

*ขลุ่ยยังมีเลาเป่า            ซอก็ยังมีสาย

คนยังไม่ทิ้งลวดลาย      ยังมีไฟ ลมหายใจยังอุ่น

ขาทั้งสองของลูกมาขาดเขิน            ลูกมาเดินไม่ได้แสนลำบาก

คิดถึงพ่อทีไรเศร้าใจนัก                   ลูกนี้ไม่อยากมีชีวิตถึงวันใหม่

มาเหลียวมองสองมือที่มีอยู่             พ่อเคยเขียนคำว่าสู้ให้กำไว้

ถึงไม่มีสองขาให้ยืนไหว                   ต่อไปนี้ใจของลูกแข็งแรงพอ

ขลุ่ยยังมีเลาเป่า            ซอก็ยังมีสาย

คนยังไม่ทิ้งลวดลาย      ยังมีไฟ ลมหายใจยังอุ่น

 

กระดาษแผ่นเล็กๆแทบจะเป็นเศษกระดาษเจ้าของสมควรที่จะทิ้งมันไปตั้งนานแล้วนะ  แต่ทว่าบทเพลงที่หญิงสาวบรรจงเขียนออกมาจากใจ  เธอยังพอใจที่ได้เล่นร้องเพลงนี้อยู่เป็นหลายๆรอบเสียงซอ ผสานกับเสียงขลุ่ยเคล้าให้น่าชื่นชมยามเย็นเช่นนี้  มันเป็นความหมายคือความเศร้ามากๆ  ของบทเพลง  เนื้อหาที่ตรงกับสภาพของหญิงสาวทำให้เธอมีน้ำมาคลอที่เบ้าตาจนเอ่อล้นออกมาเลยทีเดียว

พ่อผู้ให้กำเนิดชีวิตน้อยๆ ให้เกิดมาลืมตามองดูโลกอันสดใส  แม่ผู้อุ้มท้องแสนลำบาก ต้องมาจากเธอไปหลังจากคลอดมีนชญา   ได้ไม่นานแม่ก็สิ้นลมหายใจด้วยโรคหัวใจ  จึงทำให้ลูกผู้ชายอย่างเพชรกล้าต้องกลายเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่แบเบาะ  ตอนเขายังหนุ่มเขาเคยได้เดินทางเข้าเมือง

หลวงฝึกวิชาเพลงขลุ่ยกับอาจารย์ท่านหนึ่งจนเชี่ยวชาญเจนจัด   ครั้งหนึ่งในชีวิตที่พ่อคนนี้เคยได้รับโอกาสได้ไปทำการแสดงต่อหน้าพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระจ้าอยู่หัว  เพชรกล้าจะเก็บรูปภาพวันนั้น  ไว้ข้างๆ เสมอ  และบนหัวนอนจะมีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอยู่ด้วย    เขาให้โอกาสมีนชญาผู้เป็นบุตรสาวได้ตัดสินใจเลือกสายการเรียนที่เธอถนัดและตั้งใจที่จะทำให้ดีที่สุด และเธอก็ทำให้หัวใจของผู้เป็นบิดาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจเมื่อเธอกำลังจะเรียนจบสายดนตรีไทย  และเธอเลือกที่จะเจริญรอยตามผู้เป็นพ่อ  มีนชญาถนัดเพลงขลุ่ยพอๆกับเพชรกล้า   แถมยังมีซออีกอันหนึ่งที่เธอเริ่มฝึกหัด  เธอชอบที่จะเล่นซอผสมกับเสียงขลุ่ยของเพชรกล้าทุกเย็น

ในฤดูการของการประกวดแข่งขันดนตรีไทย  หญิงสาวเดินทางไปประกวดดนตรีไทยโดยมี

กำลังใจคนสำคัญนั่งรถไปด้วย

ต่อหน้าคณะกรรมการครั้งนี้เป็นการประกวดระดับภาค  ก่อนจะก้าวไปสู่ระดับประเทศด้วยฝีมือที่ฝึกปรือภายใต้การดูแลของผู้เป็นพ่อ  “เธอมักจะทำได้ดีเสมอ....”

“พ่อคะหนูกำลังจะขึ้นเวที  พ่อช่วยให้พรหนูด้วยค่ะ...”  หญิงสาวหมอบกราบลงแทบตักบิดาในขณะที่เขานั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าเวทีการประกวดรอยยิ้มอิ่มอาบไปทั่วใบหน้าแล้วเอามือล้วงเอาเศษกระดาษแผ่นเล็กๆ ติดมือขึ้นมาด้วย บรรจงจับมืออันนุ่มนิ่มของลูกสาวพลิกให้ฝ่ามือหงายขึ้นแล้ววางกระดาษแผ่นนั้นลงบนฝ่ามือของเธอ  มือทั้งสองของผู้เป็นบิดากุมมือเธอให้กำมันเอาไว้แน่นๆ

“หนูจงเปิดออกอ่านตอนขึ้นเวทีนะลูก....”  มีนชญาน้ำตาคลอเบ้าพยักหน้าหงึก  แล้วก็พลันลุกขึ้นยืนทันทีที่ได้ยินเสียงประกาศชื่อตัวเอง ในมือยังกำกระดาษแผ่นเล็กนั้นเอาไว้ไม่ยอมปล่อย  เธอมาหยุดยืนตรงบันไดสามขั้นข้างเวที  สูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ  เพื่อไล่ความประหม่าให้หมดไป  จึงก้มหน้า

ลงแบมือที่กำกระดาษแผ่นที่พ่อให้ออกดู  คลี่ข้อความออกอ่านอย่างตั้งใจ  “สู้นะลูก” เธอกำมันไว้อีกครั้งก่อนจะมองไปยังบุรุษผู้เป็นบิดาก่อนย่างกรายเหยียบขั้นบันไดสามขั้น และเสียงปรบมือเกรียวใหญ่ก็เริ่มซาลงไม่ถึงสามนาทีเธอก็เริ่มการบรรเลงเพลงซอ   แล้วต่อด้วยเสียงขลุ่ยปิดท้ายอย่างสมบูรณ์และพริ้วไหว

จบการแสดงมีนชญาไม่มีความประหม่าใดๆเลยเพราะเธอตั้งใจและมองเห็นพ่อผู้เป็นกำลังใจตลอด

“ทำได้ดีมากเลยเพื่อน”  เพื่อนต่างให้คำชื่นชม ผู้เป็นพ่อยกนิ้วโป้งบอกว่ายอดเยี่ยมที่สุด

“ลูกทำได้ดีกว่าพ่อซะอีก”บิดาพูดอย่างให้กำลังใจ

“หนูได้กำลังใจจากพ่อค่ะ   นี่ไง”  เธอยื่นกระดาษแผ่นเล็กออกให้พ่อดู

ท่ามกลางรอยยิ้มสุดปลื้มของเพชรกล้า

ผู้เป็นบิดาภาคภูมิใจยิ่งนักเมื่อได้ยินเสียงประกาศชื่อผู้ชนะเลิศคือลูกสาว

ของตน  เหลืองานหน้าอีกงานเป็นงานระดับประเทศ

“หนูจะตั้งใจทำให้ดีที่สุด  นะคะพ่อ”  เธอบอกอย่างนั้นกับบิดาขณะที่นั่งรถกลับบ้าน

“ดีมากเลยลูกพ่อภูมิใจมากๆที่เห็นหนูประสบความสำเร็จในวันนี้”  สี

หน้าของผู้เป็นบิดาแช่มชื่นอยู่ตลอดเวลา

รถกระบะฝ่าความมืดมาจนถึงเส้นทางเข้าสู่พื้นที่จังหวัดที่อาศัยอยู่  ใคร

จะไปคาดคิดว่ามันจะเกิดอุบัติเหตุจนได้  สายตาของเขามองเห็นหญิงชราเดินหาบ

ของข้ามถนนในระยะประชิด  เขาหักพวงมาลัยหลบหญิงแก่คนนั้นแต่รถดันเสียหลักกระโจนลงข้างถนนแล้วไปชนกับเสาไฟฟ้าแรงสูงอย่างจังอัดก็อบปี้จนร่างของเขาแหลกเหลวเสียชีวิตคาที่

มีนชญาลืมตาโพลงขึ้นมองห้องนอนที่แสนจะพล่ามัว  แล้วสายตาของ

เธอก็ค่อยๆ  มองชัดเจนขึ้นในที่สุด  รู้สึกเจ็บแปรบไปทั่วร่าง  เสียงเปิดประตูดังเอี้ยด....พร้อมกับเสียงฝีเท้าของญาติๆ  และเพื่อนๆ  ต่างรุมเข้ามาถามอาการของเธออย่างเป็นห่วง เธอเหลือบมองใบหน้าของแต่ละคนบ่งบอกถึงความผิดปกติบางอย่าง   แต่แว้บเดียวคือคนที่เธอต้องการพบหน้าในเวลานี้มากที่สุด

ก็คือพ่อ

“เห็นพ่อหนูมั๊ย??”  เท่านั้นก็ยังไม่มีใครตอบอะไรออกมาเลย  แต่ละคนทำหน้าเศร้าทำท่าทำทางเกี่ยงกันไปเกี่ยงกันมาเหมือนกับอมพะนำอะไรไว้สักอย่าง  หญิงสาวเพิ่งนึกได้ว่าตอนกลับจากการประกวด  เธอกับพ่อเกิดอะไรขึ้น  เธอสะดุ้งใจหายอยากคาดคั้นเอาคำตอบจากคนที่มาเยี่ยม  และทุกๆคนที่ยืนอยู่

ตรงหน้าก็สุดแสนที่จะสงสารเธอมากที่สุด  เมื่อเห็นเธอรู้สึกผิดปกติเมื่อกำลังพยายามที่จะลุกขึ้นนั่ง มือขวาข้างที่ถนัดที่สุดค่อยๆเลื่อนลงมาสัมผัสดูให้แน่ชัดว่านั่นมันหมายถึงความเป็นจริงหรือเปล่าที่เธอไม่มีขาอีกแล้ว  ไม่มีเลยทั้งสองข้าง เสียงร่ำไห้จากญาติมิตรและเพื่อนสนิทของเธอดังมาอื้ออึง  น้ำตาเธอก็

พาลไหลพรากออกมาอาบทั้งสองพวงแก้ม

“ทุกคน....บอกหนูมาเถอะค่ะ  ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้   พ่อหนู...พ่อหนู...เสีย...เสียแล้วใช่ไหมคะ?”  ทุกคนไม่มีคำตอบ ได้แต่ส่ายหน้าและร้องไห้กันระงม

“อุบัติเหตุทำให้หนูไม่มีขาแล้วใช่ไหมคะ?....”  มีนชญาก้มหน้าร้องไห้โฮออกมารู้สึกเสียใจอย่างมากที่สุด  ให้กับชีวิตที่แสนรันทดของตัวเธอเอง

เธอถูกนำตัวนั่งอยู่บนรถเข็ญในวันเผาศพเพื่อส่งวิญญาณของผู้เป็นพ่อ  ทุกสิ่งอย่างเหมือนเธอมาพบกับหนทางตัน มันกะทันหันมาก  หมดอาลัยตายอยาก  ไม่อยากแม้จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไปในโลกนี้  และการประกวดดนตรีไทยเธอคงไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับเลือกเป็นตัวแทนไปแข่งขันที่ไหนอีกแล้ว  เพราะร่างกายอันพิกลพิการเช่นนี้

หลังงานศพบิดา   มีนชญาแทบจะนั่งนิ่งเป็นรูปปั้น  มองตรงไปข้างหน้าพ่อที่เหลือไว้เพียงเชิงตะกอนเท่านั้น  เธอนึกถึงวันที่มีผู้ให้กำเนิดเหมือนเครื่องฉายหนังเหตุการณ์ต่างๆ  ที่ยังชัดเจนจนมันคอยทิ่มตำให้หัวใจต้องปวดร้าวอย่างสาหัส มือทั้งสองบังคับวิวแชร์มายังริมสระน้ำทีแรกเธอตั้งใจจะมาผ่อนคลายอารมณ์  ความคิดชั่ววูบเดียวเธอคิดว่าคงจะทำไม่ได้ในการประกวดรอบที่จะมาถึง  เธอไม่มีกะจิตกะใจจะกระทำเรื่องใดเลย....  ขาทั้งสองข้างก็ไม่มี  พ่อที่ตายไป ยิ่งสร้างความทุกข์ถม

ให้  เพราะทุกวันที่ผ่านมา  ที่ทำให้เธอมีกำลังใจได้ก็คือพ่อเท่านั้น

ล้อวิวแชร์เริ่มหมุนวนมาแตะที่ขอบสระ  เธอคิดที่จะกระโจนลงไปในน้ำเพื่อฆ่าตัวตาย เธออยากตายๆ  หายไปเสียจากโลกนี้อาจจะได้ไปพบพ่อและอยู่กับพ่อในห้วงความคิดนั้น

“มีนชญาลูกรัก  พ่อไม่ได้จากไปไหนเลย  พ่อยังอยู่ให้กำลังใจหนู  อยู่ข้างๆ  ตรงนี้”  เสียงนั้นมันคุ้นเหมือนเสียงพ่อมากๆมาพร้อมกับสายลมเสียงนั้นแผ่วเบามาก  เธอปล่อยวางตัวเองให้นั่งบนวิวแชร์อย่างเดิม  ความคิดที่จะปลิดชีพตัวเองเมื่อครู่เริ่มเพลาลง  เอามือปิดหน้าร้องไห้จนสะอื้นเข้าไปข้างใน

เธอแบมือที่ยังมีคราบน้ำตาเปียกชุ่มอยู่นั้นยื่นมือทั้งสองออกมาดูตรงหน้าชัดๆ  ทันทีก็นึกขึ้นได้ เธอรีบถอยวิวแชร์ออกห่างจากขอบสระ

วิวแชร์ของมีนชญามาหยุดยืนที่หน้าประตูห้องของเธอเองตั้งใจเปิดประตูแง้มๆ  ไว้เพื่อเธอจะได้ไม่ต้องลำบากกับการเข้าออกห้องนี้  มือควานหาสิ่งของอะไรบางอย่าง  ในที่สุดก็ค้นพบสิ่งที่ต้องการ  เธอเงยหน้าขึ้นไปจับจ้องข้างฝาผนังห้องที่มีรูปของพ่อหลวงผู้เสียสละให้ประชาชนให้อยู่ดีมีสุข   สักครู่

หนึ่งหญิงสาวก็รีบจ้ำวิวแชร์มาจนถึงหลังวัดที่ตั้งของเชิงตะกอนของผู้เป็นพ่อตั้งเคียงคู่กันกับของแม่ที่มีอยู่ก่อนแล้ว  ชุดขาวสะอาดที่เธอเปลี่ยนแปลงตัวเองจากการสวมชุดดำมาเกือบครึ่งเดือนแล้ว  บัดนี้สาวน้อยชุดขาวบนวิวแชร์ได้สร้างขวัญกำลังใจให้ตัวเองแสดงเพลงขลุ่ยต่อหน้าเชิงตะกอนของพ่ออย่างเอา

จริง

“ถ้าวิญญาณพ่อมีอยู่จริง  ขอกำลังใจให้หนูสู้ต่อไปด้วย  หนูหยุดเรื่องจบชีวิตตัวเองแล้ว  หนูยังมีสองมือ  และมือนี้ล่ะที่พ่อเคยเขียนคำว่าสู้ให้หนูกำมันไว้ก่อนการประกวดรอบที่แล้วจนชนะในที่สุด  ถึงขาหนูจะไม่มีแต่หนูก็ยังมีสองมืออยู่ค่ะพ่อ”  เธอกล่าวคล้ายกับสัญญากับผู้เป็นพ่อว่าจะตั้งใจทำความฝัน

ของเธอให้เป็นจริงให้ได้

ทุกๆเย็น  หญิงสาวในชุดสีขาวนั่งบนวิวแชร์  จะมาเป่าเพลงขลุ่ยและสีซออยู่เป็นประจำ  เธอมีขวัญกำลังใจจากคำว่าสู้ของพ่อเต็มเปี่ยม  จากการที่ขยันฝึกซ้อมในที่สุดวันสำคัญของเธอก็มาถึง  การประกวดของแต่ละภาคซึ่งเธอเป็นคนเดียวที่พิการ  แม้จะไม่มีพ่อมานั่งเป็นกำลังใจต่อหน้าเวทีการประกวด  แต่เธอพกเอากระดาษแผ่นเล็กเก่าๆ  มาเป็นกำลังใจด้วยทุกครั้งที่ทำการประกวด  การแสดงของแต่ละคนที่เข้าประกวดช่างยอดเยี่ยมเป็นที่สุด  แล้วก็มาถึงคิวที่เธอจะต้องทำการแสดง  เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ

หมายถึง  ความตั้งใจทำให้ดีที่สุด

เสียงปรบมือเกรียวใหญ่ซาลง  เพลงขลุ่ยของหญิงสาวก็เริ่มบรรเลง  และสิ้นสุดลงไปสะกดบรรดาผู้ชมให้นิ่งอึ้งกับการแสดงที่พลิ้วไหวได้อารมณ์ แล้วเกรียวเสียงปรบมือก็ดังขึ้นต่อกันยาวนานกว่าการแสดงที่แล้วมาบ่งบอกถึงความชื่นชอบของผู้ได้ฟังยิ่งนัก  มีนชญาโค้งคำนับแทนคำขอบคุณ  เจ้าหน้าที่

เวทีช่วยเข็ญวิวแชร์ลงจากเวทีมาหาเพื่อนๆ  ที่เข้าประกวดด้วยกัน    นาทีระทึกมาถึงอีกครั้งกับการผลประกาศรางวัลและผู้ชนะเลิศในครั้งนี้

“ผู้ชนะเลิศการประกวดครั้งนี้จะได้รับรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและจะได้ทำการแสดงต่อหน้าพระพักตร์ด้วยครับ”  เมื่อได้ฟังเสียงประกาศนี้  เธอก็ยิ่งนึกถึงพ่ออยู่ในใจ   เสียงขานชื่อ  มีนชญาก้องมาพร้อมกับช่อดอกไม้แสดงความยินดีต่อมาภายหลัง  เธอได้รับเลือกแล้วจริงๆ

“ถึงไม่มีสองขาแต่ว่าหนูยังมีสองมือ  วันนี้หนูทำความฝันของหนูและพ่อให้เป็นจริงแล้ว  การแสดงต่อหน้าพระพักตร์หนูจะทำให้ดีที่สุดค่ะ”

เธอกล่าวพร้อมกับยื่นช่อดอกไม้วางลงตรงหน้าเชิงตะกอนของผู้เป็นพ่อ  ถ้าพ่อได้รับรู้ ท่านคงเป็นสุขมาก การมีชีวิตอยู่ต่อแบบไม่ครบส่วนของเธอยังสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนที่ปรารถนาดีต่อเธออีกด้วย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว