ตัวอย่าง.....
“อะ! คะ...คุณพระ...ยะ...อย่าจับนมบ่าวเจ้าค่ะ...บ่าวเจ็บ!” ใบหน้าทาสสาวด่างดำบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บคัดแน่นทรวงอกตน
“อือ! ทองเปลว...เอ็งไม่อยากให้นาหายแล้งรึ เรากำลังจะทำฝนตกกันอย่างที่เอ็งอยากให้ตกไงเล่า หากเราช่วยกันทำ ฝนก็จะตกดีกว่าทุกปี ที่นาเอ็งก็จะไม่แล้งเหมือนปีนี้ รึเอ็งไม่ต้องการเมียข้า...” เอาความใสซื่อไร้เดียงสาไม่รู้ความของทองเปลวมาหลอกล่อให้หล่อนอ่อนโยนผ่อนไหวไปกับตนเอง
หูทองเปลวชันตั้งเหมือนไอ้ด่างที่บ้านหล่อนไม่ผิดเมื่อได้ยินเรื่องฝนฟ้า มือเล็กที่จะดันมือใหญ่ออกก็แปรเปลี่ยนเป็นหยุดนิ่งแล้วถามถึงสิ่งที่ตนยังคงสงสัย
“ฝนจะตกนานไหมเจ้าคะ ตกพอที่นาของบ่าวไม่แล้งใช่ไหมเจ้าคะ”
“อือ! ตกนานแน่เมียข้า ขึ้นเตียงกันเถอะ ข้าอยากทำฝนตกกับเอ็งบนเตียงมากกว่าจะทำกับพื้นไม้เย็น ๆ เยี่ยงนี้นะเมียรัก”
ผละถอยห่างโอบกอดประคองร่างเล็กเปลือยท่อนบนขึ้นไปยังเตียงขนาดเหมาะของตน คุณพระดึงผ้าที่ลุ่ยออกก่อนหน้านี้ทิ้ง พร้อมปลดโจงกระเบนของหล่อนออกเพื่อเปิดเผยความสาวของเด็กสาว ทองเปลวถูกดันให้นอนลงไปกับเตียงนุ่ม เนื้อตัวเปลือยเปล่า แปลกนัก ทองเปลวหาได้เอียงอายอิธิเดชไม่ ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้หล่อนเปลือยเปล่าทั้งตัว
หล่อนมองคนเหนือร่างที่เคลื่อนกายขึ้นมาทาบทับบดเบียดร่างตนนั้นเป็นพ่อ ดูจากวัยของคุณพระแล้วก็น่าจะใกล้เคียงกับพ่อของหล่อน สายตาดูอบอุ่นทำให้รู้สึกปลอดภัยลึก ๆ แม้ว่าจะหนาวสายตาที่มองแตกต่างจากคนเป็นพ่อที่เคยมองตนก็ตาม
“เอ็งไม่อายข้าแล้วรึเมียข้า” เคลื่อนไปเอ่ยถามรดใบหน้าใสซื่อของคนใต้ร่าง
“มะ...ไม่แล้วเจ้าค่ะ คุณพระอายุน่าจะเท่า ๆ พ่อของบ่าว คุณพระก็เหมือนพ่อ เพียงแต่ใกล้ชิดบ่าวมากกว่าที่พ่อของบ่าวทำเจ้าค่ะ ปกติพ่อของบ่าวจะแค่ยีหัวบ่าวเล่นเท่านั้น แต่คุณพระถอดชุดบ่าวออก บ่าวก็อายนะเจ้าคะ แต่พอคิดว่าคุณพระก็เหมือนพ่อบ่าวเลยเฉย ๆ แล้วเจ้าค่ะตอนนี้”
นางเปรียบอย่างคนใสซื่อ ใสซื่อแบบไม่รู้ความจริง ๆ แต่จะรู้รึไม่ว่าในอกของทองเปลวนั้นเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะเชียวแหละตอนนี้ การใกล้ชิดแนบเนื้อชายแปลกหน้า ไม่สิไม่แปลกหน้าแล้วเจอกันบ่อย แต่อย่างไรก็ถือว่าแปลกหน้าสำหรับหล่อนอยู่ดี มันก็ต้องมีเขินอายและหวาดกลัวบ้าง แต่ความอายและความหวาดกลัวถูกปิดซ่อนไว้ภายใต้หน้าใสซื่อของหล่อน
“เอ็งว่ากระไรรึ เอ็งเปรียบข้าเป็นพ่อเอ็งเชียวรึทองเปลว เอ็งว่าข้าแก่ใช่รึไม่”
คุณพระหนุ่มถามด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมาทันที พลางขยับเคลื่อนตัวห่างคนใต้ร่างมาปลดโจงกระเบนของตัวเองออกเช่นกัน เพราะตอนนี้อิธิเดชร้อนรุ่มไปทั่วเรือนกายแข็งแรงกลางหว่างขาแล้ว
“ก็คุณพระอายุเยอะกว่าบ่าวมิใช่รึเจ้าคะ บ่าวเลย...”
“เอาเถอะ ต่อไปนี้เอ็งจะไม่เปรียบข้ากับพ่อของเอ็งแล้ว เพราะข้าคือผัวของเอ็ง จำไว้ทองเปลว ข้าคือคนที่เอ็งจะอยู่ด้วยจนตัวตาย” เอ่ยเสียงแหบพร่าด้วยความเอ็นดูทาสสาวผู้ใสซื่อของตน