All For You
เป็น ♥ ทุก ♥ อย่าง
•´¯`•.¸¸.•´¯`•._.•`•.¸¸.•´¯`•._.•`•.¸¸.•´¯`•._.•´¯`•
บรรยากาศรอบกายระหว่างคนสองคนที่กำลังนั่งเผชิญหน้ากันดูขมุกขมัวคล้ายว่าเมฆฝนเริ่มตั้งเค้า แต่ภายนอกหน้าต่าง ท้องฟ้ากลับสว่างแจ้งไร้เมฆครึ้ม สีหน้าของคนทั้งคู่ตึงเครียดไม่ต่างกัน แม้ว่าเพลงที่เปิดคลอในร้านกาแฟจะเป็นเพลงเบาๆ ทำนองอะคูสติกให้ความรู้สึกผ่อนคลายก็ตาม
“คุณคะ…” เป็นฝ่ายหญิงที่อดรนทนไม่ไหว เปิดปากพูดออกมาก่อน “คุณคิดว่าทำแบบนี้มันดีแล้วจริงๆ เหรอคะ”
“เรารับปากกับน้ำไว้แล้ว ตอนนั้นคุณก็อยู่เป็นพยาน เห็นดีเห็นงามด้วยอยู่เลยแต่มาตอนนี้ทำไมถึงลังเลซะแล้วล่ะ”
ชายวัยกลางคนยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบช้าๆ ระหว่างรอคำตอบจากภรรยาผู้เป็นที่รัก เขาไม่รีบร้อนเท่าไรนักเพราะรู้ว่าลึกๆ ในใจของเธอนั้นกำลังรู้สึกอย่างไรอยู่ เพียงแค่มีบางสิ่งบางอย่างกำลังรบกวนจิตใจเท่านั้น
“ฉัน…” หญิงสาวที่นั่งฝั่งตรงข้ามกลับพูดไม่ออกเสียเอง เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ สายตายังคงจ้องมองขนมปังชิ้นหนึ่งในจานกลมสีขาวที่ยังไม่ได้ถูกแตะเลยแม้แต่น้อยด้วยความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ฉันไม่อยากให้ลูกรู้สึกไม่ดี มันกะทันหันเกินไป”
“มันก็กะทันหันสำหรับเราทุกคนนั่นแหละ ดาว” ชายผู้เป็นสามีกลับมานั่งตัวตรง กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ใช่ว่าผมไม่รู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เรารับปากกับน้ำไว้แล้ว ผมไม่อยากผิดคำสัญญากับเขา”
คำสัญญานั่นทำให้พวกเขากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่ใช่ว่าจะทำตามคำสัญญานั้นไม่ได้แต่ดาวกำลังเป็นห่วงความรู้สึกของลูกชายเพียงคนเดียว หากรู้ว่าต้องมีใครอีกคนมาร่วมใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน อยู่กันเป็นครอบครัวแต่มีคนแปลกหน้าเพิ่มเข้ามาในฐานะลูกชายบุญธรรม
“ฉันรู้ค่ะ แต่ลูกล่ะ คุณไม่เป็นห่วงบ้างเหรอ แกจะรู้สึกยังไงถ้าเรารับเด็กอีกคนเข้ามาในบ้าน รักเขาเหมือนลูกอีกคนของเรา”
“...”
อับจนปัญญาที่จะสรรหาคำพูดมาถกเถียง ชายวัยกลางคนจึงได้แต่นั่งนิ่งเงียบพลางยกแก้วที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมาจิบไปเล็กน้อย
“ฉันเคยพูดกับลูกเรื่องนี้เมื่อสองวันก่อน” กว่าดาวจะยอมเปิดปากพูดอีกครั้งก็ผ่านไปเป็นนาที ชิ้นขนมปังที่อยู่ตรงหน้าไม่มีทีท่าจะพร่องลงไปบ้างเลย เธอเบือนสายตาหนีออกไปทางนอกร้าน ก่อนจะกลับมาสบตากับผู้เป็นสามีอีกครั้งด้วยแววตาสั่นไหว “รู้หรือเปล่าว่าลูกถามฉันว่าอะไร… เขาถามฉันว่าแม่จะมีน้องเหรอ แล้วคุณรู้ไหมว่าถ้าเขารู้ว่าอีกคนของครอบครัวไม่ใช่น้องชายแต่เป็นพี่ชายที่อายุมากกว่าสองปี พี่ชายที่ไม่ได้เกิดจากเราสองคน ลูกจะรู้สึกยังไง”
“ผมเข้าใจ แต่ตอนนี้เด็กคนนั้นไม่เหลือใครแล้ว เราเป็นที่พึ่งสุดท้ายของเขา หรือคุณอยากปล่อยให้เขาไปอยู่บ้านเด็กกำพร้า”
ดาวถอยหายใจเบาๆ แล้วตัดขนมปังชิ้นนั้นเข้าปาก ในขณะนั้นก็พยายามนึกสรรหาคำพูดต่างๆ เพื่อจูงใจสามีก่อนที่จะได้กระทำการใดๆ ลงไป เธอไม่อยากรู้สึกเสียใจในภายหลังแต่ก็ไม่อยากผิดคำสัญญาด้วยเช่นกัน
“ฉันรู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นเด็กดี ฉันเองก็ไม่อยากให้เขาไปอยู่บ้านเด็กกำพร้า เราก็ไม่ได้จนปัญญาที่จะเลี้ยงใครเพิ่มสักคน ฉันแค่… เป็นห่วงความรู้สึกของลูก เรามีลูกคนเดียว แล้วเด็กที่ไม่เคยมีพี่มีน้องเลย พ่อกับแม่มีอะไรก็ให้เขาเต็มร้อยแต่วันหนึ่งเขาต้องมาแบ่งครึ่งทุกอย่างที่เป็นของเขา ฉันกลัวลูกรับไม่ได้”
“ผมเองก็กลัว…” ชายวัยกลางคนก้มมองน้ำสีดำที่อยู่ในถ้วยกาแฟด้วยสายตาวิตกกังวลไม่ต่างกัน สิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของเด็กคนหนึ่ง แน่นอนว่าถ้ารับได้ก็ถือว่าโชคดีไป แต่หากรับไม่ได้ก็กลัวจะกลายเป็นเด็กนิสัยเสียเพราะกลัวสูญเสียความสำคัญที่ตนมีอยู่ไปจนหมดสิ้น “แต่คุณก็รู้ว่าน้ำเป็นเพื่อนที่ผมสนิทด้วยมากที่สุด แล้วเขาเห็นเราเป็นที่พึ่งพิงเดียวที่มีก่อนจากโลกนี้ไป ไม่ว่าเขาจะขอร้องอะไรมา ผมไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน”
ดาวได้แต่ทอดถอนใจ สิ่งที่เธอเป็นห่วงเหนือสิ่งอื่นใดก็คือความรู้สึกของลูกชาย ริมฝีปากสีโอลด์โรสเม้มแน่น ก่อนที่จะเอื้อนเอ่ยการตัดสินใจของตัวเองออกมา “ตกลงตามนั้นก็ได้ ฉันไม่อยากให้คุณผิดคำสัญญากับเพื่อน แต่คุณต้องให้ลูกเราเป็นที่หนึ่งนะ ไม่ว่าเรื่องอะไรลูกก็ต้องมาก่อนเสมอ ฉันไม่อยากให้แกรู้สึกว่าความรักที่ได้รับจากพวกเรามันลดน้อยลงไปเพราะมีใครอีกคนเข้ามา”
“เรื่องนั้นผมรู้ เอาเป็นว่ากินเสร็จแล้วผมจะไปรับเด็กคนนั้น ส่วนคุณรอลูกเรียนพิเศษเสร็จแล้วพาแกกลับบ้านนะ”
ดาวพยักหน้ารับช้าๆ ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ