บทที่ 1.1
เหตุเริ่มต้น
ณ ท้องทะเลสีครามเข้มที่สะท้อนจากท้องนภาสีฟ้าสดใส ท่ามกลางแสงแดดเจิดจ้าและสายลมพัดผ่านก่อให้เกิดเป็นระลอกคลื่นกระทบชายฝั่งที่มีหาดทรายสีขาวทอดยาว และเม็ดของมันละเอียดราวผงแป้ง หมู่ต้นมะพร้าวไหวโอนเอนไปตามกระแสลม ท่าเทียบเรือเป็นสะพานไม้ทอดยาวยื่นห่างจากฝั่งประมาณสิบเมตร ไกลออกไปมีเรือยอร์ชสีขาวขนาดกลางจอดลอยลำอยู่กลางผืนน้ำ ด้านข้างของลำเรือมีตัวอักษรภาษาอังกฤษชื่อเอวาติดไว้อย่างสวยงาม
พรายฟองน้ำผุดขึ้นเป็นระยะอยู่ตรงด้านข้างลำเรือที่มีบันไดทอดยาว ปรากฏเรือนกายล่ำสันแข็งแรงด้วยมัดกล้ามตามหลังไหล่แขนสองข้างและกล้ามท้องที่สวยงามอยู่บนผิวเนื้อสีแทนเนียนละเอียด เขากำลังเหนี่ยวตัวขึ้นไปบนบันไดแล้วก้าวข้ามไปอยู่ในเรือ มือของเขามีถุงตาข่ายที่บรรจุกุ้งทะเลตัวใหญ่ประมาณสิบตัวมันถูกใส่ลงในถังโฟมที่มีน้ำแข็งอยู่เต็ม ใบหน้าของเขาคมเข้มยามถอดหน้ากากสน็อคเกิ้ลออก ดวงตาคมสีน้ำตาลราวสีสนิมเหล็ก คิ้วเข้มพาดตรงรับกับขนตางอนยาว จมูกโด่งแหลม ปากหยักได้รูป สันเหลี่ยมคางบึกบึนมีหนวดเคราขึ้นอยู่เต็มสองข้างแก้มและเหนือริมฝีปากที่มีหยดน้ำเกาะพราว ผมสีน้ำตาลยาวระต้นคอถูกเสยลวกๆ อย่างไม่ใส่ใจเขาเปิดกระป๋องเบียร์ดื่มแก้กระหายก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเมื่อมีเสียงโทรเข้า
“กริช ทำอะไรอยู่ลูก” เอวา อีฟ ธัญญ์วรัตน์เสียงหวาน เธอเป็นอดีตนางงามจากประเทศอิตาลีที่มาประกวดความงามและได้ตำแหน่งในเมืองไทย จากนั้นเธอสมรสกับนักธุรกิจหมื่นล้านผู้มีฉายาขุนแผนตัวพ่อระดับประเทศคือเจ้าสัวพีรพัฒน์ ธัญญ์วรัตน์ และให้กำเนิดบุตรชายคือไทกริช ธัญญ์วรัตน์ ซึ่งเป็นทายาทคนเดียวของเขาและเธอ ปัจจุบันอายุสามสิบสาม
“กำลังคิดถึงแม่อยู่เลยครับ”
“ปากหวานอีกแล้วลูกแม่””
“ผมหวานกับแม่คนเดียวแหละครับ” บอกพลางดื่มเบียร์จนหมดกระป๋อง
“จ้ะ แม่เชื่อว่ากริชรักแม่เสมอ”
“มีอะไรจะบอกผมหรือเปล่าครับ” คนเป็นลูกถามดักทาง เชื่อว่าต้องเป็นเรื่องของพ่อที่ทำให้แม่ไม่สบายใจอย่างแน่นอน
“แม่สืบรู้มาว่าพ่อกำลังจะรับเลี้ยงผู้หญิงคนใหม่”ข่าวของเอวาไม่ได้ทำให้คนเป็นลูกแปลกใจ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พ่อของเขาเอาเงินไปซื้อผู้หญิงมาเป็นเมียเก็บ
“เป็นใครอยู่ที่ไหนครับ” คนถามเสียงเครียดขึ้นมาทันที คิดว่าถึงเวลาที่เขาต้องทำตัวสารเลวอีกครั้งแล้ว
“ได้ข่าวว่าเป็นหลานของบังอรศรีแม่เลี้ยงนางงามที่ส่งเด็กเข้าประกวดตามเวทีต่างๆ ไง แต่เบื้องหลังก็คือแม่เล้าเราดีๆ นี่เองแหละ”
“อ๋อ แม่เล้าแห่งชาติ”
“บางครั้งแม่ก็เหนื่อยนะกริช” อยู่ๆ คนเป็นแม่ก็พูดขึ้น อีกทั้งน้ำเสียงก็สั่นเครือทำให้ไทกริชต้องปลอบประโลม
“แม่ครับ ผมพร้อมจะกำจัดผู้หญิงพวกนั้นออกไปจากชีวิตแม่นะ ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวผมจะไปตามดูตัวแล้วดูว่าพ่อเขาเอาแน่ๆ เมื่อไร ผมจะจัดการต่อรองเอง”
“แม่สงสารกริช พอทำแบบนั้น พ่อก็ด่า อาละวาดใส่กริช”
“ผมชินแล้ว เพื่อแม่ ผมทำได้หมด อีกอย่าง คนอย่างพ่อ ไม่เห็นความสำคัญของใครมากไปกว่าตัวเองหรอกครับ” เขาพูดอย่างดูแคลนและชิงชัง ในดวงตาฉาบไปด้วยความเยาะหยันกับการกระทำที่ผ่านมาของบิดา หรือแม้แต่ปัจจุบัน การกระทำของผู้เป็นพ่อก็ยังทำให้เขาต้องอิดหนาระอาใจในความไม่รู้จักพอไม่รู้จักอิ่มในเรื่องผู้หญิง
“เสียงแรงที่แม่ทุ่มความรักให้พ่อเขาสุดใจ แต่....” เอวาพูดได้แค่นั้นก็สะอื้นไห้ทำให้คนเป็นลูกถึงกับขบกรามจนเป็นสันเพราะสงสารเห็นใจมารดาที่บิดาเอาแต่ทุ่มเทเวลาให้กับผู้หญิงหิวเงิน เขาจึงมีความเคียดแค้นชิงชังในการกระทำของผู้เป็นพ่อเป็นอย่างมาก
“แม่ครับ แม่อย่าร้องไห้ เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมจะเข้าไปหา แม่ทำกับข้าวให้ผมกินได้ไหม หรือเราจะออกไปกินข้างนอกกัน”
“กริชอยากกินอะไรล่ะลูก” คนเป็นแม่จัดแจงซับน้ำตา นึกดีใจที่ลูกชายกำลังจะกลับเข้ากรุงเทพตามความต้องการของเธออีกครั้ง
“ผมอยากกินอาหารฝีมือแม่ครับ แม่ทำอะไร ผมกินหมด”
“ได้จ้ะ เดี๋ยวแม่จะทำของโปรดให้กริชกินก็แล้วกันนะ” น้ำเสียงที่พูดดีขึ้นทำให้คนเป็นลูกแทบจะถอนใจด้วยความโล่งอก
“ถ้าอย่างนั้นผมจะหอบกุ้งสดๆ ไปให้แม่ทำอาหารก็แล้วกัน รอผมสักชั่วโมงนะครับ” ร่างสูงจัดแจงกดปุ่มเดินเครื่องเพื่อให้ดึงสมอเรือขึ้นจากน้ำ
“ได้จ้ะ แล้วเจอกัน”
“ครับ รักแม่นะครับ” ไทกริชบอกเสียงทุ้มก่อนวางโทรศัพท์มือถือลง เขาหมุนพวงมาลัยให้เรือแล่นกลับเข้าไปยังเกาะขนาดใหญ่ของฝั่งอ่าวไทยด้านติดกับจังหวัดระยองซึ่งเป็นเกาะส่วนตัวที่เขาได้รับมรดกมาจากคนเป็นปู่ที่ทำพินัยกรรมยกให้เขาดูแลและเป็นกรรมสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว นั่นเป็นเพราะคนเป็นปู่เล็งเห็นว่าถ้าไม่แบ่งสมบัติไว้ให้หลานชายคนเดียวของตระกูล ทรัพย์สมบัติหรือสินทรัพย์ต่างๆ ก็คงจะไม่ตกถึง เพราะพ่อของเขานั้นได้ฉายาว่าขุนแผนยุคสี่จี เปลี่ยนผู้หญิงเป็นคู่นอนยิ่งกว่าเปลี่ยนถุงเท้าหรือกางเกงในเลยทีเดียว