Ever love
1
ตอน
1.19K
เข้าชม
21
ถูกใจ
1
ความคิดเห็น
6
เพิ่มลงคลัง

บทนำ

เวลากลางคืนคนกลุ่มหนึ่งก็มักจะนอนพักผ่อนหลังจากที่ต้องทนทำงานหนักมาทั้งวัน ส่วนพวกที่ว่างหรือนอนกลางวันจนพอแล้ว กลางคืนก็จะออกมาหาอะไรทำแน่นอนว่านักท่องราตรีมีอยู่ทุกที่ไม่เว้นแม้แต่ที่นี่ก็เช่นกัน  จะแตกต่างกันก็ตรงที่คนที่ออกมามีทั้งออกมาเพื่อใช้เงินกับพวกที่ออกมาเพื่อหาเงิน และแน่นอนว่าผมออกมาเพื่อใช้เงิน แต่ตอนนี้ใกล้จะเช้าแล้ว ร้านที่ผมเพิ่งจะออกมาก็ใกล้จะปิดแล้วเหมือนกัน แน่นอนว่าคนที่มาคนเดียวอย่างผมและก็ไม่ได้เมาอะไรแถมไม่ได้หิ้วใครกลับมาด้วยอย่างผมก็แค่ขับรถกลับบ้านไปนอนรอให้ท้องฟ้ามันสว่างและมืดลงอีกครั้ง ให้ทุกอย่างมันดำเนินไปแบบนี้ ไม่ต้องยุ่งหรือสนใจใครแบบนี้แหละดีแล้ว    แต่ก็เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกกับทุกคน

            เอี๊ยดดดดดดดดดด !!

        ผมเบรกรถคันสวยแบบเสียงดังสนั่นลั่นซอย ไม่รู้ว่าคนแถวนี้จะตื่นมาด่าผมมั้ย ก็อยู่ดีๆ ไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ก็กลิ้งออกมา กลางถนน ดีนะที่เป็นถนนในหมู่บ้านผมเลยไม่ได้เหยียบมาแรงมากไม่งั้นคงได้ติดคุกข้าหาเหยียบคนตายแน่ ผมเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักหน้ารถแล้วหยิบปืนลงมาเหน็บไว้ที่ขอบกางเกงด้านหลัง เผื่อมีใครวางแผนมาดักปล้นกลางทาง อย่างว่างั้นงี้เลยนะ ก็ไอ้หมู่บ้านนี้มันมีแต่พวกคนรวยๆ ถึงระบบรักษาความปลอดภัยจะดีแค่ไหนแต่คนมันจะปล้น มันก็หาทางจนได้แหละ

“เฮ้ย เป็นไรมั้ยว่ะ” ผมที่ลงมาจากรถแล้วเดินมาประชิดตัวไอ้ผู้ชายตัวใหญ่ที่นอนกลิ้งหมดสภาพอยู่  สะกิดถามมันเบาๆ แต่กลิ่นคาวเลือดที่ลอยมาตามลมนี่ทำให้ผมเริ่มไม่ไว้ใจ เลยได้แต่อาศัยไฟหน้ารถสำรวจมันไป ปรากฏว่ากลิ่นเลือดมาจากไอ้ตัวใหญ่นี่แหละ ดูจากการแต่งตัวแล้วก็น่าจะเป็นพวกคนรวยมีฐานะ ถ้าพากลับบ้านมันคงไม่ปล้นเอาอะไรจากผมหรอกมั้ง แถวได้ยินเสียงคนแว่วๆ มาแล้วด้วย ผมเลยสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ ยกไอ้ตัวใหญ่นี่ขึ้นมา จับมันยัดใส่รถแบบไม่สนว่ามันจะเจ็บตรงไหนมั้ย ก่อนจะเดินอ้อมมาขึ้นฝั่งคนขับและพามันกลับมาที่บ้านด้วย

“ตัวหนักชิบหายเลย แมร่ง” เออ แล้วผมก็อยู่บ้านคนเดียวด้วยไง จะเรียกใครมาช่วยก็ไม่มี พวกแม่บ้านกับคนสวนก็กลับไปหมดแล้ว เอาเป็นว่าลากมันไปนอนไว้ห้องรับแขกก่อนแล้วกัน และแน่นอนว่าต้องนอนบนพื้นเท่านั้นไม่งั้นเดี๋ยวเลือดเปื้อนโซฟาหมด

ผมเปิดประตูบ้านเข้ามาพยุงไอ้ตัวใหญ่นี่มานอนไว้ที่พื้นข้างโซฟา สงสัยต้องเปลี่ยนพรมใหม่ซะแล้วสิ แต่ช่างมันเถอะ ขอดูแผลก่อนละกัน ผมค่อยๆ ถอดเสื้อสูทเนื้อดีกับเชิ้ตตัวในที่เปื้อนเลือดออก โดนถากๆ ที่แขน 1 นัด เฉี่ยวสีข้างด้านขวาอีก 1 นัด เจาะขาซ้ายมา 1 นัด ดีที่กระสุนไม่ฝังในไม่งั้นคงได้ผ่าเอาออกมาแน่ ผมจัดการหาอุปกรณ์มาทำแผลห้ามเลือดไว้ก่อน หาผ้ามาเช็ดตัวให้ด้วยด้วยความใจดีก่อนจะ ทิ้ง มันไว้แบบนั้นแหละ ส่วนผมก็ขอตัวไปนอนก่อนแล้วกัน อีกสองสามชั่วโมงก็เช้าแล้ว ไว้ตื่นมาค่อยว่ากัน

ผมสะลึมสะลือตื่นมาเพราะทนหิวไม่ไหวแน่ละก็เมื่อคืนกระดกเหล้าแทนน้ำเปล่าแถมตอนเย็นก็ไม่ได้กินข้าว พอหันมาดูนาฬิกาก็บอกเวลาเที่ยงกว่าแล้ว สรุปก็คงต้องลุกไปอาบน้ำแล้วหาอะไรกิน วันนี้วันอาทิตย์แม่บ้านจะเข้ามาช่วยเย็นๆ ส่วนคนสวนมาวันเว้นวัน จะว่าไปรู้สึกเหมือนลืมอะไรไปสักอย่าง แต่ช่างมันเถอะ ขออาบน้ำก่อนแล้วกัน

หลังจากอาบน้ำด้วยความรวดเร็วผมก็เดินลอยชายลงมาจากห้องนอน กลิ่นคาวเลือดจางๆ ลอยมาให้สะดุ้งเบาๆ ก่อนจะสมองอันชาญฉลาดจะนึกขึ้นได้ว่า ชิบหายแล้วววววววว  ช่วยคนโดนยิงไว้นี่หว่า เที่ยงแล้วด้วย ไม่ใช่ตายห่าคาบ้านไปแล้วล่ะ ผมรีบวิ่งจากบันไดมาถึงห้องนั่งเล่นด้วยความไวแสง (โม้) แล้วสอดส่องสายตาหาไอ้ตัวใหญ่เมื่อคืนแน่นอนว่ามันนอนนิ่งอยู่ที่เดิม ผมเลยเดินเข้าไปใกล้ๆ พอเห็นว่ามันยังหายใจก็โล่งไปที เลยค่อยๆ เดินไปใกล้ๆ กะว่าจะปลุกมันให้ลุกมากินข้าวกินปลาจะได้พาไปส่งบ้าน

พรึบ !!

               เฮ้ยยยย !!

“เฮ้ย ปล่อยนะเว้ย” ผมร้องเสียงหลงทันทีที่คนที่คิดว่าหลับอยู่ดันกระชากแขนผมซะปลิวก่อนจะพลิกตัวขึ้นคร่อมไว้ บอกกูทีว่ามึงโดนยิงมา ไอ้ฟายยยยยยยยยย แรงเยอะชิบหายเลย

“มึงเป็นใคร”  เสียงแมร่งโคตรแข็ง  มึงแดงก้อนหินเข้าไปรึไงว่ะ

“เป็นคนที่ช่วยมึงมาไงว่ะ แมร่ง ปล่อยกูนะเว้ย หนักชิบหาย” มันมองหน้าผมแบบไม่เชื่อ เอ้า ฟายยยย  ไม่เชื่อกูอีก กูพูดจริงนะเนี่ย (สรรพนามแทนตัวเริ่มเปลี่ยนไป) -.-

“ที่นี่ที่ไหน” ดูมัน ยิงคำถามมาแบบสั้นๆ ได้ใจความ แถมไม่ขยับจากตัวกูอีก

“ล่าสุดมึงมานอนเล่นอยู่ที่ไหนล่ะ ก็ที่นั่นแหละ”

“อย่ามายียวน กูถามว่าที่นี่ที่ไหน” เออ ดี มึงทำกับผู้มีพระคุณอันล้นพ้นกับมึงแบบนี้ใช่มั้ย แมร่ง แมร่ง แมร่ง

“หมู่บ้านXXX  รู้แล้วก็ช่วยลุกออกไปจากตัวกูด้วยครับ ตัวอย่างกับควายมาทับคนอื่นอยู่ได้ แล้วมึงนะโดยยิงมาสามนัด แต่กระสุนไม่ฝังกูทำแผลให้แล้ว ลุกขึ้นไปหาไรกินแล้วกูจะพาไปส่ง โอเครนะ”

“ไม่” เชรี๊ยยยยยยยย มึงจะเอายังไงกับกูห๊ะผมจ้องหน้ามันแบบหาเรื่องพร้อมกับสังเกตมันไปด้วย เมื่อคืนไม่ได้มองชัดๆ พอมาดูแบบนี้แล้วมันหล่อเหมือนกันนะ ตาสีเทาอมฟ้าดูดุดัน คิ้วเข้ม ตัวสูงใหญ่แบบชาวยุโรป ผิวขาวจัด ผมสีน้ำตาลเข้ม แล้วก็ปากสีแดงจัด หูยยยยย  ดูดีมากมาย

“....”

“กูต้องการโทรศัพท์”

“อยู่ตรงนู้น อยากโทรหาใครก็โทร แล้วลุกออกไป กูจะไปหาไรกิน กูหิว” คราวนี้มันค่อยๆ ลุกออกจากตัวผม ดูจากสภาพแล้วกว่าแมร่งจะเดินถึงโทรศัพท์คงชาติหน้า 55555 เอาเถอะ อันนั้นก็เกินไป ความจริงมันดูไม่สะทกสะท้านกับแผลมันเลยด้วยซ้ำ แต่ด้วยความใจดีผมเลยเดินไปหยิบโทรศัพท์บ้านไปให้มันแล้วเดินกลับมาหาของกินในครัว เลิกสนใจว่ามันจะโทรหาใคร บางทีมันอาจจะโทรให้ลูกน้องมันมารับ แต่อย่าโทรเรียกพวกมาปล้นก็พอ

“มึงชื่ออะไร” หลังจากที่ต้มข้ามต้มไก่แบบง่ายๆ มาสองถ้วยก็ยกออกมานั่งกินตรงโซฟาที่ไอ้ตัวใหญ่มันนั่งอยู่ (ที่พื้น) ผมเงยหน้ามองมันนิดๆ ดูท่าแล้วมันคงเลิกระแวงผมแล้วเพราะมันเลิกเกร็ง เลิกระวังตัวลงไปเยอะ

“เฟียส”  ผมตอบสั้นๆ แล้วนั่งลงกินข้าวข้างๆ มัน

“ทำไมกูถึงมานอนอยู่ตรงนี้”

“ถ้ามึงหมายถึงทำไมมึงถึงมานอนที่บ้านกูได้อะนะ ก็เพราะว่ามึงเสือกล้มมาขวางหน้ารถกู แล้วพอกูลงไปดูก็ได้ยินเหมือนมีคนตามมึงมาเลยพามึงมาด้วย แต่ถ้ามึงถามว่าทำไมมึงถึงมานอนอยู่ที่พื้นบ้านกูเนี่ย ก็เพราะว่าถ้ามึงนอนบนโซฟาแล้วโซฟากูจะเปื้อนเลือดมึงอ่ะ กูเลยเสียสละพรมนุ่มๆ ของกูให้มึงแทนเพราะมันถูกกว่า” ผมอธิบายแบบทีเดียวจบให้มันฟังก่อนจะเลิกสนใจมันแล้วตั้งหน้าตั้งตากินข้าวต่อ

“เดี๋ยวลูกน้องกูจะมารับ”

“เออดี กูจะได้ไม่ต้องไปส่ง งั้นมึงก็รีบๆ กินละกันมึงจะกินยาด้วยมั้ย กูจะได้ไปหามาให้ แต่กินดักไว้ก่อนก็ดีนะพวกยาแก้ปวดแก้อักเสบไรงี้ เอาป๊ะ เดี๋ยวไปหามาให้” ผมหันไปถามหลังจากจัดการข้าวต้มในถ้วยหมดแล้ว

“ไม่เป็นไร” และก็ไม่มีบทสนทนาใดๆ ผมปล่อยให้มันกินข้าวไปเงียบๆ ส่วนตัวเองก็เปิดทีวีดูไปพลางๆ

“อยู่คนเดียวรึไง” อยู่ๆ มันก็ถามแถมมองไปรอบๆ ห้องรับแขกสุดอลังการของผมอีกต่างหาก

“อืม เดี๋ยวเย็นๆ มีแม่บ้านมา ส่วนคนสวนมาวันเว้นวัน”

“อยู่คนเดียวทำไมต้องซื้อบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้ด้วย” ขี้สงสัยชะมัดเลยมึงเนี่ย

“พี่ชายซื้อให้ นานๆ พี่จะมาหา ส่วนพ่อแม่อยู่ต่างประเทศ อ้อ เกือบลืม อันนี้ของมึงอ่ะ กูเอาออกมาตอนเช็ดตัวให้ ปืนมึงโคตรสวยเลยว่ะ เสียดายกระสุนหมดแล้วไม่งั้นก็อยากจะยืมมาลองบ้าง” ผมบอกก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบพวกกระเป๋าตัง โทรศัพท์มือถือแล้วก็ปืนกระบอกงามให้มัน

“ขอบใจ” หูยยยยย  นึกว่าจะไม่ได้ยินคำนี้ซะแล้ว

“อืม ลูกน้องมึงมาแล้วนะ กูจะไปเปิดประตูให้” มันพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะพยุงตัวเองลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามผมมาช้าๆ ผมกดรีโมทเปิดประตูใหญ่ก่อนรถห้าคนจะค่อยๆ ขับมาจอดเรียงกันอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ของผม

“ผมมารับเจ้านายครับ” ผมพยักหน้ารับแล้วหันหลังเดินนำเข้ามาในบ้าน มีชายชุดดำสองคนเดินตามเข้ามา ยังดีที่รู้จักมีมารยาทไม่แห่กันเข้ามาหมด

“นายครับ”

“ริชาร์ด อีวาน” ผมมองเจ้านายกับลูกน้องสลับไปมาก่อนจะรู้สึกแปลกๆ กับพวกลูกน้องที่รออยู่ข้างนอก เลยแอบหยิบปืนที่อยู่ในลิ้นชักตรงตู้โชว์มาเหน็บไว้ สัญชาตญาณของผมบอกว่าในคนพวกนี้มีคนทรยศ

“ต้องขออภัยจริงๆ ครับที่ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ แต่ว่า...”

“ไปคุยกับที่บ้าน ไปเถอะ” ไอ้ตัวใหญ่มันขัดลูกน้องมันก่อนจะเดินนำออกมา ผมก็เดินตามมันมาด้วย

“ขอบคุณนะครับที่ช่วยเหลือเจ้านายของเราไว้ นี่เป็นนามบัตรครับ ถ้ามีอะไรให้พวกเราช่วยเหลือติดต่อมาได้ทันที ถือเป็นการตอบแทนน้ำใจของทางเราครับ” ผมมองผู้ชายต่างชาติทั้งสองคนแล้วก็รับนามบัตรนั่นไว้ ส่งยิ้มให้นิดหน่อยเป็นมารยาท

“ครับ”

“ขอตัวนะครับ” ผมพยักหน้าให้ ก่อนจะทำเป็นเดินมาส่งพวกเค้า แต่ในจังหวะที่ทุกคนกำลังขึ้นรถและประตูฝั่งของไอ้ตัวใหญ่นั่นจะปิด

ปัง !!

        ปัง !!

เสียงปืนดังขึ้นสองนัดติดกัน นัดแรกคือปืนจากผมที่ยิงเจาะมือขวาของลูกน้องปลอมๆ ของคนที่ผมช่วยไว้ ส่วนนัดที่สองมาจากปืนของลูกน้องทรยศที่กำลังจะยิงคนในรถแต่เพราะโดนผมยิงไปก่อนเลยพลาดไปโดนพื้นแทน คราวนี้ผมเลยกลายเป็นเป้าสายตาของทุกคนไปในทันที

“อ้อ พอดีเห็นหมอนี่หยิบปืนมาเตรียมไว้ตั้งแต่เห็นเจ้านายพวกคุณเดินออกมาแล้วล่ะ ยังไงก็โชคดีนะ หวังว่าจะไม่ได้เจอกันอีก บายยยยยยยย” ผมชิงพูดไปก่อนที่ใครจะได้ถามอะไรก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าบ้านมาให้กลุ่มคนข้างนอกยืนงงกันไปสักพักก่อนเริ่มทยอยกันออกไป

 

“คาร์ลอส เมแกร์น” คนใหญ่คนโตจริงๆ ซะด้วย

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว