ช่อผกา
เศรษฐินีเจ้าของไร่และรีสอร์ทสวนผกาแก้ว มีเหตุความจำเป็นต้องแต่งงาน แต่ในบรรดาชายหนุ่มที่อยู่รอบกายกลับไม่มีใครที่เหมาะสม ยกเว้นอยู่คนหนึ่ง....
ก้านเพรช
ชายหนุ่มอายุยี่สิบสามที่เพิ่งเรียนจบจากกรุงเทพ จึงเป็นตัวเลือกสุดท้ายที่เหมาะสมที่สุด เพราะนอกจากทางบ้านจะเป็นหนี้เธอแล้ว ผู้ชายคนนี้ยังไม่เคยมีข่าวเสียหายอะไรเลย แม้ว่าเขาจะอายุน้อยกว่าเธอถึงห้าปีก็ตาม ทันที่เรียนจบ เขาก็ถูกมารดาเรียกตัวกลับบ้านที่ต่างจังหวัด โดยที่ยังไม่ทันได้ยื่นใบสมัครงานเลยด้วยซ้ำ ใครจะไปคิดว่าทันทีที่เหยียบถึงบ้าน จะถูกมารดาขอร้องให้แต่งงานกับผู้หญิงที่แก่กว่าอย่างช่อผกาเพื่อเป็นการชดใช้หนี้ แถมยังรับเงินอีกก้อนหนึ่งมาแล้วด้วย
จะมีผู้หญิงดีๆที่ไหนกัน?? ที่เรียกร้องให้ลูกหนี้ชดใช้หนี้ด้วยการแต่งงาน แค่คิดว่าอายุมากกว่าตั้งห้าปีแล้วก็อดขนลุกไม่ได้ ป่านนี้ไม่แก่หนังย่นไปหมดแล้วหรือ?? อีกอย่างเรียกร้องการใช้หนี้แบบนี้ ดูก็รู้ว่าเป็นผู้หญิงมักมากแน่นอน
"แม่เลี้ยงมีบุญคุณทั้งกับแกแล้วก็ฉัน ยังไงแกก็ต้องแต่ง"
"แม่!!"
"ไม่ต้องมาขึ้นเสียงกับฉัน" ผู้เป็นมารดาร้องขัดลูกชาย "ไม่รู้หรือไง?? ว่าเงินที่แกใช้กินใช้จ่ายค่าห้องจ่ายค่าเทอม ทั้งหมดนั่นเป็นเงินที่กู้มาจากแม่เลี้ยง"
"ตอนนี้ผมจบแล้ว จะไปสมัครงานทำงานใช้หนี้เอง"
สีหน้าก้านเพรชเครียดขมึง หวาดกลัวว่าจะถูกจับแต่งงานกับผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า อีกอย่าง....... เขาไม่อยากแต่งกับคนที่ไม่ได้รัก ถึงแม้จะจำได้ลางๆว่า ตอนเด็กๆก็เคยวิ่งเล่นกับหล่อนอยู่บ้างก็เถอะ แต่มันก็ผ่านมานานเกือบสิบปีแล้วนะ
พิมชนกส่ายหน้าน้อยๆ มองลูกชายคนโตด้วยสีหน้าอ่อนแสง ลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้ ยกมือลูบต้นแขนลูกชายเบาๆคล้ายปลอบใจ
"เงินไม่ใช่น้อยๆ ทั้งชีวิตไม่แน่ว่าจะใช้หมด"
"..........."
"เรื่องทั้งหมดแม่ตกลงกับแม่เลี้ยงไว้แล้ว แม่เลี้ยงก็สัญญาว่าจะยกหนี้ให้ทั้งหมด อีกอย่าง........"
เห็นมารดาทำท่ากระอักกระอ่วน เหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่ยังลังเลอยู่ ก้านเพรชถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
"แม่มีอะไรอีกที่อยากจะบอกผม??"
พิมชนกหลบสายตาลูกชาย เดินถอยหลังไปสองสามก้าวทิ้งระยะห่างเล็กน้อย แล้วพูดอ้อมแอ้มเสียงเบาหวิวอยู่ในลำคอ
"แม่เอาเงินจากแม่เลี้ยงมาอีกก้อนแล้ว"
"!!!!"
ชายหนุ่มอ้าปากค้าง ร่างสูงกว่าร้อยแปดสิบเซนซวนเซแทบล้มคะมำไปกองกับพื้น เหลือบมองมารดาอย่างอิดหนาระอาใจ
นี่เขาถูกแม่ขายหรอ??
________________________