“คุณเข้ามาทำอะไร!”
ธีรนนท์หันหลังไปมองเจ้าของเสียง ตาคมจ้องเขม็ง คิ้วเข้มขมวดดุดัน จมูกโด่งยื่นเข้ามาใกล้จนต้องรีบถอยหนี ทว่าก้าวเดียวก็เซเสียหลัก และมีมือหนาตามรั้งไว้
“ฉันถามว่า นายเข้ามาทำอะไร!”
มือที่คว้าต้นแขนของเขากำไว้แน่น ช่วงเวลาที่ธีรนนท์ตามจังหวะการเต้นของหัวใจตัวเองไม่ทัน ริมฝีปากยักก็จ้องจะกินเลือดกินเนื้อ ตาคมฉายแวววาวโรจน์ หมอนี่กำลังโกรธ และต้องการ… ?
“นักข่าว!? รึว่า นักสืบ ?”
“คือ… ผม... ”
“ต้องการอะไร พูด!”
ธีรนนท์สะดุ้งที่ถูกชายแปลกหน้ากระแทกเสียงใส่ หมอนี่เป็นใครกัน
ทันทีที่ตั้งสติได้ก็เร่งถอยออกห่างแล้วสลัดมือหนาทิ้ง แต่ก็ก้าวพลาดเพราะเหยียบตรงขอบพื้นปูนพอดิบพอดี เขาเซหงายหลังจนเกือบได้ลงไปนั่งเล่นบนผืนหญ้า โชคดีที่มีมือตามรวบเอวช่วยประคอง สองสายตาประสานสบเพียงเสี้ยววินาที แล้วนิ่งสนิทราวกับถูกสตัฟฟ์
“จะตอบดี ๆ รึต้องให้ใช้กำลัง ฮึ!?”
“เฮ้ย! ปล่อย!”
ทันทีที่ตั้งหลักได้ หนุ่มน้อยก็ถอยร่น คนที่ถูกดึงเข้าไปเดินเล่นในตาคู่งามจึงหลุดจากภวังค์
“เดี๋ยว! ยังไปไม่ได้” เสียงเข้ม ๆ เอ่ยรั้ง
“นายเป็นใคร เข้ามาทำอะไรที่นี่”
ปกรณ์ย่นคิ้วรอฟัง เขารู้สึกแปลกใจตั้งแต่ประตูรั้วถูกเปิดทิ้งไว้ ทั้งที่พี่ชายยืนยันเรื่องกุญแจว่าไม่มีใครถือครองนอกจากคนในครอบครัว แล้วเด็กคนนี้เข้ามาได้อย่างไร
ใช่…เด็ก หนุ่มน้อยหน้าหวานที่สูงไล่เลี่ยกับเขา
“ผม… ”
เด็ก… ที่พยายามสลัดแขนให้หลุดจากมือเหนี่ยวหนึบ
“ปล่อยก่อนได้ไหม”
ผู้ชายอะไร อ่อนปวกเปียกแบบนี้ ท่าทีก็ดูเด็กน้อยเสียเหลือเกิน
“ไม่! ตอบมาก่อนว่า นายเข้ามาทำอะไร ขโมยของ ?”
“เปล่า! นี่บ้านพี่สาวผม”
“พี่สาว ? นายเป็นญาติฝ่ายไหนของลดา รึว่า…แทน ? ไม่น่าใช่ แทนไม่ผอมกะหร่องแบบนี้”
ธีรนนท์ชักสีหน้าออกแรงดิ้น แต่ก็เข้าทางผู้ชายตัวใหญ่ไปเสียหมด
“โธ่เว้ย! ปล่อยซิวะ...ครับ”
เขาเสียงเอื่อยในตอนท้ายที่ได้เห็นแววตาดุดัน
“ขโมยของแน่ ๆ ยอมรับมาซะดี ๆ กล้องนี่ใช่ไหม!”
บ้าไปแล้ว! พูดเองเออเอง ยิ่งจับแขนเขาพลิกให้เห็นสิ่งที่อ้าง ธีรนนท์ยิ่งทนไม่ไหว
“โอย… คุณ! เจ็บ”
“ไหนดูซิ เอาอะไรไปอีกบ้าง”
ขณะที่พยายามหันหาทางหนีทีไล่ แต่มือไม้เหนียวหนึบก็ดึงไม่ให้หลีกหลบ มือไม้ที่ไล่ตบหนัก ๆ ตามล่าหาสิ่งของที่ซุกซ่อนตามร่างกาย ตบอย่างเดียวยังพอทน แต่นี่เล่นลูบแล้วลากมือควานหา สัมผัสที่ส่งผลต่อคนไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้แบบนี้... เริ่มใจสั่น
“ปล่อย! ผมไม่ได้เอาอะไรไป”คนที่ดิ้นไม่หลุดโวยวายลั่น
“ไม่ได้เอาอะไรไป แล้วเข้ามาทำไม ฮึ!”
น้ำเสียงกระซิบระยะประชิดมาพร้อมกับกการเบียดกายเข้ามาหา ส่วนข้อมือก็ถูกล้อคจนเกรงว่ากล้องราคาเกือบครึ่งแสนจะร่วงหล่อนลงพื้น ครั้นจะฝืนสู้แรงก็ไม่ไหว
“เฮ้ย!”
ธีรนนท์สะดุ้งโหย่งที่ชายแปลกหน้าตบก้นเขาเบา ๆ
“หยุด! เป็นเอฟบีไอรึไงวะ! คิดจะ... ทำอะไร”
น้ำเสียงขาดหายเพราะชายแปลกหน้าจ้องไม่วางตา ตา... ที่ใกล้เกินไปแล้ว
“บ้าเอ๊ย!”
แทนที่จะฟังปกรณ์กลับรวบข้อมืออีกข้างล้อคไว้ จากที่พยายามดิ้นรน เด็กหนุ่มที่สบถให้ได้ยินก็ถูกผูกด้วยแรงที่แข็งแกร่งกว่ามาก ห้วงเวลาที่หนุ่มน้อยเหลียวมองแล้วเลี่ยงหลบสายตา คนเบื้องหลังก็ยิ้มเยาะในความเประบาง
“ฉันทำได้มากกว่านี้เยอะ อยากลองไหม... ”
จะปากแข็งได้สักกี่น้ำ เดี๋ยวรู้เลย!!