จบ [fic Kanjani8]As you wish
0
ตอน
1.17K
เข้าชม
20
ถูกใจ
0
ความคิดเห็น
0
เพิ่มลงคลัง

 

As you wish

 

Category: Humor , BL

Pairing: RyoSuba , T&T

Rating: PG

Author's note: แต่งเพราะไม่มีฟิคอ่านค่ะ ; w ; ) ถ้าคาร์ดูแปลกๆขอโทษนะคะ

Summary: เมื่อข้าวของพัง ก็ต้องชดใช้เขาไปเซ่ว

 

 

 

=====================================================================

 

 

 

 

 

"ฉันว่าช่วงนี้ชีวิตฉันมันแปลกๆไงก็ไม่รู้แฮะ"

ภายในอาคารสูงห้าสิบชั้นกลางนครหลวงโตเกียว ซึ่งเป็นสถานที่ที่สถานีโทรทัศน์และรายการบันเทิงต่างๆมักเข้ามาเช่าช่วงเวลาไว้ จู่ๆชิบุทานิ ซูบารุซึ่งยืนพิงผนังห้องรอช่างภาพเซ็ตฉากสีสดให้เหมาะกับการถ่ายนิตยสารกลุ่มคันจานิเอทอยู่ก็พูดเปรยขึ้นมา ทำให้มุราคามิ ชินโงที่กำลังยืนรออยู่เคียงข้างกันนั้นหันไปหา และถามพลางกะพริบดวงตากลมใส

 

"หืม ยังไง ?"

 

ผู้ชายร่างเล็กเม้มปากตัดสินหนักว่าจะพูดหรือไม่พูดดี ก่อนจะเสยผมสั้นที่ผ่านการไดร์อย่างดีให้ขึ้นไปจนเห็นใบหน้าหงุดหงิดชัดเจนขึ้น

 

"ฉันเหมือนกำลังถูกสตอล์ก"

"เหยยย เอาจริงดิ ?"

เพื่อนร่างสูงกว่ากล่าวอย่างตกใจ แต่ก็พยายามระงับเสียงไว้ไม่ให้ดังจนคนอื่นหันมาสงสัย จากนั้นจึงขยับใบหน้าไปใกล้พร้อมบีบเสียงให้เบาลงอีก   "เกิดอะไร ? ยังไง ? นายเล่ามาด่วนๆ"

"ตั้งแต่เดือนก่อนฉันเหมือนถูกคนเดินตามเรื่อยๆ คือ แบบที่รู้สึกเหมือนใครตามแต่หันไปก็ไม่เห็น นายเข้าใจอารมณ์ปะ?"

 

"เออๆ แล้วไงต่อ"

 

"จากนั้นของๆฉันเหมือนจะหายบ่อยๆ ขนมถุง กระป๋องน้ำที่วางเอาไว้"


"แม่บ้านเก็บไปมั้ง ไม่ก็มารุแหละเอาไปกิน"

"ลิปบาล์ม ฉันก็หาย..."

"แม่บ้านเก็บไปมั้ง ไม่ก็มารุแหละเอาไปกิน"

"ล่าสุดเนี่ย กางเกงในก็หายด้วย"

"แม่บ้านเก็บไปมั้ง ไม่ก็มารุเอาไปกิน.... เอ๋ เดี๋ยวนะ ฉันว่าไม่ใช่แล้ว"

 

ชินโงถึงกับยกสองมือขึ้นมาเบรคความคิดตัวเองพร้อมกับมุ่นคิ้วหนัก เมื่อเรียกสมาธิได้ด้วยการเอาสองมือขยุ้มผมจนยุ่งยับจึงหันมาพูดต่อ

 

"ฉันว่าถ้ามันเป็นเรื่องจริงนี่เรื่องใหญ่เลยนะ คินดะอิจิคงออกมาพูดว่า 'คนร้ายอยู่ในหมู่พวกเรานี่แหละ ขอเอาชื่อหนูเป็นเดิมพัน' แน่ๆเลย"

 

"ชื่อปู่ต่างหากล่ะเจ้าบ้า"

 

ซูบารุตวัดมือตบเหม่ง ช่วยตัดมุกเพื่อนที่ดัดเสียงแหววใส่ประโยคเด็ดของนักสืบชื่อดัง เขาพูดต่อหลังจากถอนหายใจหนัก   "ไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยแฮะ อยากจัดการเงียบๆ"

 

"ฉันเข้าใจๆ ว่าแต่นายบอกใครไปแล้วบ้างยัง ?"

 

"ไม่อ่ะ นายคนแรก"

 

คนตาคมเพยิกหน้าให้ ชินโงประสานมือด้วยแววตาซาบซึ้ง

 

"นายเชื่อใจฉันสินะ ว่าไม่ได้แอบเอากกน.นายไป"

 

"เปล่า พอดีว่าตอนกางเกงในฉันหาย นายอยู่จังหวัดอื่น ก็แค่นั้นน่ะ"

 

เหตุผลที่ว่าดับความภาคภูมิใจของเพื่อนให้ทรุดทันที เจ้าตัวดีหัวเราะก๊ากพลางเดินเข้าไปในฉากเมื่อตากล้องตะโกนเชิญ พลันนัยน์ตากลมที่ปลายตาชี้เชิดอย่างแมวซนๆนั้นก็สบเข้ากับกีต้าร์ไฟฟ้าตัวหนึ่งซึ่งวางอยู่บนโซฟา เขาจำได้ดีว่ามันเป็นตัวที่เคยเก็บเงินซื้อมาอย่างยากลำบากตั้งแต่สมัยยังเป็นจูเนียร์ และสุดท้ายก็มอบให้กับเด็กหนุ่มตัวจ้อยที่มีรอยยิ้มกว้างอันเป็นเอกลักษณ์ ลายเซ็นต์ของเขายังคงประทับอยู่ตรงนั้น

 

"ไงพวก ไม่เจอกันตั้งนาน เจ้าของนายคิดยังไงถึงเอานายมาถ่ายด้วยล่ะ"

 

มือบางหยิบเจ้ากีตาร์ไฟฟ้าขึ้นมาอย่างระวัง ก่อนจะตวัดสายมาสะพายมาคล้องคอให้เรียบร้อย เขาเห็นร่องรอยการใช้งานท่ามกลางความสะอาดสะอ้าน ซึ่งบ่งบอกว่าได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี โยโกยามะ ยู ซึ่งนั่งเอกเขนกอยู่ใกล้ๆตอบแทนเจ้าของซึ่งยังคงแต่งตัวอยู่

 

"เห็นเจ้าเรียวมันบอกว่า หิ้วมาเพื่อจะได้ถ่ายเป็นที่ระลึกวันครบรอบที่มันได้จากนายแหนะ"

 

"ช่างใส่ใจรายละเอียดชะมัด"

 

ซูบารุขำเบาในลำคอแล้วลองกวาดตาไปรอบห้อง ว่าจะมีตู้แอมป์ให้ต่อลองเสียงไหม แต่แล้วเสียงโหวกเหวกก็ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฎกายของมารุยามะ ริวเฮ เจ้าตัวเดินไฮทัชทุกคนตามรายทาง และปั้นหน้าประหลาดตรงดิ่งเข้ามากลางวงอย่างฟูลเอเนอร์จี้ ฝ่ายนั้นกล่าวทักเสียงสูงพร้อมยกแขนสองข้างขึ้น

 

"เกวี๊ยษษษษษ!!!!! ซูบัจจี้!!!!!"

 

"กว๊าชชชชชช!!!! มารุชเช่ว!!!"

 

คนถูกเค้นเสียงและยกมือทั้งสองไฮทัชตอบรับอย่างเต็มที่ไม่ยอมแพ้กัน แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิด เมื่อข้อต่อสายสะพายกีต้าร์ตัวเก่ากลับเลื่อนหลุดออกจากขั้ว ส่วนหัวลงกระแทกพื้นแรง แต่นั่นไม่สร้างความเสียหายเท่ากับที่มารุยามะเผลอเหยียบคอมันหักตามจังหวะก้าวพอดี เหตุการณ์น่าสะเทือนใจนั้นเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาเจ้าของ ที่เดินหล่อเนี๊ยบผมเป๋เรียบแปล้ออกมาจากห้องแต่งตัว

 

...................................................

 

นิชิคิโด เรียวหันไปบอกคนที่วิสาสะกระโดดตามขึ้นรถยนต์ส่วนตัวมาเพียงเพื่อกล่าวสำนึกผิด ซูบารุอยากจะเนียนรับคำให้อภัยนั้น แต่เจ้าผู้ชายที่ได้ชื่อว่าหน้าตาดีระดับต้นๆของกลุ่มจอห์นนี่นั่น ดันใช้รอยยิ้มประดิษฐ์กับเขาในขณะที่ดวงตาโศกนั่นฉายแววเศร้าชะมัดเนี่ยสิ

 

"นี่ นิชิกี้~ ให้ฉันซื้อกีต้าร์ตัวใหม่ให้นายแทนเหอะนะ"

 

คนอายุมากกว่าส่งเสียงอ้อน พลางเอานิ้วไปไต่เดินหัวไหล่ผู้ที่กำลังขับรถกลับบ้านหลังเลิกงาน   "ฉันเลี้ยงข้าวนายแถมด้วยน้า วันนี้วันเกิดนายนี่นา อธิษฐานกับนางฟ้าซูจังสิ อยากได้อะไรฉันเสกให้หมดเลย~"

 

มันเป็นกิริยาที่มักใช้ได้ผล แต่ไม่รู้เพราะแก่ตัวลงแล้วหรือเปล่า ความแบ๊วเลยไม่ได้ผลกับอีกฝ่าย เสี้ยวหน้าของคนข้างกายเริ่มนิ่งเรียบ และแต่งแต้มขึ้นด้วยการลอบผ่อนลมหายใจออกมาอีกต่างหาก เรียวถึงกับจอดรถตรงไหล่ทางแล้วหันหน้ามาอธิบายช้าชัด

 

"โกรธก็ส่วนนึง โมโหก็ส่วนนึง เสียใจก็ส่วนหนึ่งนะชิบุทานิซัง คุณรู้ใช่ไหมว่าผมเพิ่งเสียของสำคัญที่คนสำคัญของผมให้มา คุณจะมายื่นข้อเสนอเลี้ยงข้าวหรือจะซื้อกีต้าร์ตัวอื่น มันก็ไม่สามารถทดแทนกันได้หรอกนะครับ"

 

"เดี๋ยวนะ...ก็นั่นมันก็ของที่ฉันเคยซื้อนี่นา แล้วทำไมฉันจะซื้อใช้คืนให้ไม่ได้ล่ะ"

 

เหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่คนฟังไม่สามารถแปลความภายในประโยคเมื่อครู่ได้ จึงยกมือทั้งสองข้างขึ้นเพื่อให้คู่สนทนาหยุดพูดก่อน แล้วค่อยๆวางปลายนิ้วนวดวนบนขมับรวบรวมความคิด เรียวหลุดยิ้มบางขำผู้ที่กำลังเหงื่อแตกพลั่กๆ


"ไม่ต้องพยายามทำความเข้าใจกับเรื่องที่คุณไม่สามารถเข้าใจได้หรอกครับ มันดูน่าเหนื่อยยังไงไม่รู้"

จบคำ ซูบารุงี้ช้อนตาขึ้นมอง แต่เป็นแบบบ๋าวๆขุ่นๆแทนที่จะแบ๊วๆใสๆอย่างเมื่อครู่ เปลี่ยนเป็นโหมดเตรียมซัดคนเต็มที่ คนขับจึงพูดต่ออย่างใจเย็นแม้จะได้รับรังสีที่ว่านั้น

"เป็นของที่รักน่ะครับ ของที่คุณจะมาให้ใหม่มันก็แค่ของใหม่ ไม่มีความรักของผมอยู่ ถ้าอยากให้ของทดแทน คงจะต้องเป็นของที่ผมนึกรักเสมอกันหรือไม่ก็มากกว่าเท่านั้น ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องการหรอก"

ปลายประโยคดูแข็งและห้วนขึ้น พาให้ความงงกระจายฟุ้งขึ้นไปอีก บอกกงๆว่าไม่สามารถเข้าถึง ออกแนวงงนิดๆแต่ไม่เข้าใจมากๆ ผู้ชายร่างเล็กพยายามคิดตามแต่เหมือนว่ามันจะเป็นความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนเกินไป และเมื่อเจ้าคนหน้าตาดีนั่นเห็นใบหน้างงถึงขีดสุด ก็ถอนหายใจใส่ออกมาให้เห็นอย่างจะๆ


"อันที่จริง ตามมารยาท คุณไม่ควรจะไปยุ่งกับมันตั้งแต่ทีแรกเลย"

"...."

"ของสำคัญของผมแท้ๆ"

เหมือนเส้นสติของคนตามง้อจะขาดผึง เขาแผดเสียงขึ้นมาทันที

"หา ? ของรักของนายนั่นมันก็ที่ฉันเคยให้ไม่ใช่เหรอไง? นายนี่มันเข้าใจยากชะมัดเจ้าเด็กบ้า ! ก็ของมันพังไปแล้ว แล้วฉันจะซื้อของใหม่ให้มันผิดตรงไหนวะ แล้วทำไมนายไม่เอา พูดเหมือนกับว่าอะไรก็ทดแทนไม่ได้อย่างนี้แล้วฉันจะเอาอะไรให้นายแทนได้หา ? ให้ฉันแปลงร่างเป็นกีต้าร์เลยเอาไหม ?!"

เสียงตะโกนอย่างขุ่นเคืองที่ดังคับรถค่อยๆจางหาย จากนั้นภาพใบหน้าของผู้ที่กำลังหรี่ตามองด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไร้รอยยิ้มใดกลับก็ค่อยๆชัดเจนขึ้น เมื่อถูกจ้องแบบนี้คนใจร้อนก็เริ่มจำได้ว่าเรื่องมันเกิดเพราะตัวเองเป็นคนผิดแท้ๆ ยังจะมีหน้ามาเอาแต่ใจอีก จึงเอานิ้วชี้จิ้มกันแล้วหดร่างลงอย่างจ๋อยๆ

"เอ่อ...."

"ก็ดีครับ งั้นคุณมาเป็นกีต้าร์ให้ผม ตกลงตามนั้น"

เรียวหันไปสตาร์ทรถแล้วขับต่อ ให้คนที่นั่งอยู่ข้างคนขับตกใจ หันใบใบหน้าเหลอหลาขึ้นมาถามทันที

...................................................


"เฮ้ ฮินะ นี่ฉันเรียนมวยอยู่นะเนี่ย แต่เจ้าเรียวมันไม่เป็นอะไรเลยนะเฟ้ย นายจะให้ฉันไปฝากผีฝากไข้กับมันทำม๊าย~"

คนตัวเล็กรีบบอกดีกรีเพื่อการันตีการอยู่รอดของตัวเอง ให้คู่สนทนาลากเสียงอืมยาวในลำคอระหว่างนึก แล้วจึงพูดอธิบายกลับอย่างเป็นการเป็นงาน

["มันไม่เกี่ยวน่ะชิบูยัน คนเดียวกับสองคนมันต่างกันเยอะอยู่ สตอล์กเกอร์น่ะมักเลือกคุกคามเหยื่อที่อยู่ตามรำพัง ดังนั้นอยู่กันแบบนี้แหละอุ่นใจดีเผื่อมีอะไรก็จะได้ช่วยกันได้ ว่าแต่นายบอกเขาเรื่องนี้รึยัง ?"]

"ไม่เอาอ่ะ ไม่บอกหมอนั่นหรอก!"

"บอกอะไรรึครับ?"

เจ้าของห้องเดินกลับออกมาจากห้องน้ำพร้อมคำถาม พาให้ชายอีกคนรีบกดวางสายและหันควับกลับไปมองอย่างตื่นตระหนก ดวงตาสีนิลยังคงจับจ้องแขกของเขานิ่งๆพิจารณา และพลันยกยิ้มหวานขึ้นถามอย่างละมุนอีกครา คล้ายกับเพิ่งนึกได้ว่าการปั้นหน้าให้เป็นมิตรนั้นจะสามารถล้วงความลับได้ง่ายกว่า 

"คุณมีอะไรอยากจะบอกผมไหมครับ?"

ไม่อยากจะบอกว่า การแสดงออกแบบนั้นมันชวนไม่น่าบอกกว่าเดิมอีก ซูบารุกุมโทรศัพท์แน่นพลางส่ายหัวปฏิเสธเร็ว

"..... อย่างนั้นก็ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นคุณอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวผมจะเตรียมชุดนอนให้"   เจ้าของห้องเดินเช็ดผมไปหยิบไดร์มาเป่าเสริมด้วยความเซ็งเล็กน้อยเมื่อเทคสองไม่ได้ผล   "คุณอย่าลืมโทรบอกผู้จัดการด้วย ว่าช่วงนี้จะค้างอยู่กับผม"


"'ช่วงนี้'เลยเหรอ ?"   คนฟังเน้นคำอย่างไม่เชื่อหู เรียวเลื่อนดวงตาหรี่ปรือมามอง ปิดไดร์แล้วเริ่มพูดช้าชัด

"ของรักของผมที่เฝ้าถนอมอย่างดีมาเป็นสิบปี..."

"โอเค๊! เอาตามนั้นแหละ!"

ซูบารุร้องตัดประโยคขึ้นมาคล้ายโมโหก่อนรีบรี่เข้าห้องน้ำไป เขาไม่ได้นึกโกรธอะไรกับการอารัมภบทกล่าวโทษ เพียงแต่สิ่งที่อยู่ในอกจู่ๆมันก็เต้นรัวขึ้นมาจนน่าอึดอัด ความจริงจังในของที่เขาเคยให้นั้นมันฟังแล้วชวนเขินและประทับใจอย่างบอกไม่ถูก

 

ภาพรอยยิ้มกว้างของเด็กน้อยในวันนั้นยามประคองกอดกีต้าร์ตัวเก่า ถูกดึงออกมาจากลิ้นชักแห่งความทรงจำที่ล้ำค่า

 

"แต่หมอนั้นก็คงดูแลของทุกอย่างดีนั่นแหละ"

ชายหนุ่มบ่นงึมลดค่าตัวเองเพื่อจะได้ทำให้ความยินดีแปลกๆนี้เบาลง พอหัวใจเริ่มสงบจึงกวาดตามองรอบห้องน้ำส่วนแห้งที่เอาไว้สำหรับเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาถอดเสื้อยืดออกมาควงขณะหันหาตะกร้าผ้า พลันดวงตาก็เห็นบางอย่างในนั้นเข้า

"เอ๋ ?"   

มือเล็กหยิบชั้นในที่วางอยู่ในตะกร้านั้นขึ้นมาพินิจดู ...มันเหมือนของตัวเองที่หายไปชะมัด หรือเขาจะคิดไปเอง กางเกงในผู้ชายดังๆน่าซื้อใส่มันก็มีไม่กี่ยี่ห้อ แต่เขาจำได้เพราะว่าตรงตะเข็บซ้ายมันมีรูด้ายขาดหน่อยๆ ตอนที่ถอดเข้าถอดออกมันก็จะรำคาญนิ้วเล็กๆ แต่เพราะมันก็ยังใส่ได้เขาเลยไม่ได้ทิ้งมันสักที

...หรือเจ้าเรียวจะเป็นสตอล์กเกอร์...?

 

"เอาจริงดิ"

 

แต่จะกล่าวหาลอยๆก็ใช่ที่ ไม่ยุติธรรมกับคนไม่รู้เรื่องราว แต่มันก็มีวิธีพิสูจน์อยู่

 

...ก็คือลองใส่นั่นแหละ...


".... เอาวะ ลองใส่ทับก็แล้วกัน"

พอตัดสินใจได้ดังนั้น ร่างเล็กก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่จัดแจงถอดกางเกงยีนตัวเองออกให้เหลือเพียงกางเกงในตัวเดียว เขาตัดสินใจคลี่เจ้ากกน.ซึ่งเพิ่งผ่านการใช้งานมาให้อยู่ในทิศทางที่ควรเป็น แล้วก้าวขาข้างหนึ่งเข้าไปในวงขากางเกงในอีกฝ่าย พลันเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

"ชิบุทานิซัง ผมเอาเสื้อ..."

เรียวเลื่อนประตูออกหลังขออนุญาต เพราะคิดว่ามันก็ผ่านเวลาไปตั้งนาน อีกฝ่ายน่าจะย้ายมวลเข้าไปใช้ห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว แต่ภาพของผู้ที่กำลังทำท่าจะใส่กางเกงในซ้อนสอง ทำให้คนมองผงะจนของที่ถือหลุดออกจากมือ

"ง่า....คือ"

"อธิบายมาเดี๋ยวนี้เลยครับ"

...................................................

"นายกอดกีต้าร์ที่ฉันให้ทุกคืนอย่างนี้เลยเหรอ"

"ครับ กอดแบบนี้แหละ"

"ตลกชะมัด ฮ่าฮ่าฮ่า!!!"

 

"..................."

 

"เฮ้ย! อะไรนะ!!?"


"บางทีก็จูบครับ"

"โอ้ย ไอ้บ้า! โรคจิต!"

"ชิบุทานิซังเงียบปากไปเลยครับ ผมจะนอนแล้ว"

 

"นาย!"

 

"และถ้าผมไม่ได้นอน คุณเองก็จะไม่ได้นอนเหมือนกัน"



................................................



เช้านี้ซูบารุนั่งหาวยาวๆอยู่บนเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้สำหรับสต๊าฟ ขณะรอการอัดรายการคันจานิโครนิเคิล นิ้วก็กดเลื่อนมือถือหาร้านขายกีต้าร์เก่าไปเรื่อยๆ เป็นอีกคืนที่หลับไม่สนิทนัก ระหว่างนั้นเสียงทักทายยามเช้าของแขกรับเชิญที่มีต่อเจ้าหน้าที่ทุกคนอย่างสดใสและสุภาพก็ดังขึ้นตามทาง จนกระทั่งอิมาอิ สึบาสะ เข้าไปทักทายผู้ที่นั่งหน้าเครียดบ้าง


"สวัสดีซูบารุ"

"สวัสดีสึบาสะ เออ นี่นายv^0yd...."


ชายหนุ่มตอบกลับเพื่อนร่วมสังกัดด้วยเสียงง่วนงุนลิ้นพันกัน จนคนที่กำลังลากเก้าอี้พับออกมาจากโต๊ะเพื่อนั่งลงข้างๆถึงกับร้องห๊ะออกมาเพราะฟังไม่รู้เรื่อง ซูบารุจึงต้องตั้งสติใหม่ก่อนยื่นมือถือให้ดู ในนั้นเป็นรูปตัวเขาเองกับเรียวในวัยเด็ก ซึ่งกำลังถือกีต้าร์ไฟฟ้าโชว์กล้องพร้อมรอยยิ้มชื่นตา


"นายพอรู้จักร้านกีต้าร์เก่าๆบ้างไหม รุ่นนี้อ่ะ พอดีว่ามันเสีย"

 

"หืม ? หายากแล้วมั้ง"   เจ้าของเสียงทุ้มตอบแล้วหยุดไประหว่างจับคางครุ่นคิด   "...... แต่ฉันว่ามีคนนึงน่าจะรู้"

 

คนผิวแทนกล่าวด้วยสีหน้าลำบากใจเมื่อนึกถึงบุคคลที่สาม ส่วนคนฟังกลับเด้งตัวที่ห่อเหี่ยวขึ้นมาอย่างมีความหวัง


"เห~~ ใครอ่ะ! แนะนำให้ฉันรู้จักหน่อยสิ แล้วนายอยากได้อะไรฉันจะตอบแทนนายอย่างดีเลย พลีสสส"

 

"มันก็ไม่ถึงขนาดนั้น นายรู้จักเขาอยู่แล้ว ฮิเดะไง"

 

สึบาสะเท้าคางกับโต๊ะหลังจากพูดจบประโยคแล้วทอดตามองไปไกลๆ คู่สนทนาจึงพยักหน้ารับเป็นอันว่าเข้าใจแม้ไม่ต้องบอกเหตุผล


"...นายสองคนมีเรื่องกันอีกสิ ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันลองไปถามเขาเอง แซงกิ้วนะ"

 

ว่าจบก็ตบไหล่เพื่อนปุๆ ฝ่ายนั้นมุ่นคิ้วแล้วพูดแย้งขึ้นมาทันที

"ไม่ ฉันไม่ได้มีเรื่อง หมอนั่นน่ะมาหาเรื่องก่อนต่างหาก มีอย่างที่ไหนมาบอกว่าฉันแกล้งเอากางเกงในเขาไป"

"เอ๋ ?"

ดวงตาโตๆของซูบารุโตขึ้นอีก ทันทีที่พูดจบ เรียวก็ยื่นใบหน้าหล่อเหลานั้นเข้ามากลางวงสนทนาของรุ่นพี่ อย่างที่คนเคร่งมารยาทไม่คิดทำมาก่อน

"อยากทราบและอยากใส่ใจในรายละเอียดของเรื่องนี้จังเลยครับอิมาอิซัง"



.........................................



"แสดงว่าต้องเป็นขโมยมืออาชีพแล้วล่ะครับงานนี้ ขนาดกล้องวงจรปิดที่หน้าห้องแต่งตัวของทาคิซาว่าซังยังไม่เจอคนน่าสงสัยเลย"

เรียวเปรยขึ้นขณะเดินข้างซูบารุอยู่ในตรอกเล็กของย่านชินจูกุ เนื่องจากเป็นยามบ่ายของวันธรรมดา คนจึงไม่เยอะเท่าไหร่เพราะคงทำงานและเรียนหนังสือกัน รอบกายเขามีแฟนๆที่รู้จักหน้าตาต่างชี้ชวนและหันมอง แต่ก็ไม่ได้คุกคามขนาดวิ่งเข้ามาหา คนที่ก้มหน้าก้มตาดูมือถือที่กำลังบอกทางไปร้านซ่อมกีต้าร์อยู่กล่าวออกมาอย่างแห้งเหี่ยว


"ป่านนี้นะกางเกงในฉันคงถูกเอาไปประมูลขายในอินเตอร์เนตแล้ว หนุ่มสวยปฏิหารย์ร้อยปีจะมีสักครั้งนึง กลับถูกฉกเอากางเกงในมีรูไปขาย ทำไมไม่รอวันอื่น แล้วเลือกหยิบเอาตัวที่ดีกว่านี้ไปน้า น่าเศร้าชะมัด"

โดยไม่ได้สังเกตว่าอีกคนขมวดคิ้วเสียจนคิ้วเข้มๆจะเชื่อมต่อกัน ร่างเล็กก็ชะงักเท้าเมื่อแผนที่ในมือถือบอกว่าถึงหน้าร้านที่ทาคิซาว่าแนะนำแล้ว เขารีบตวัดมือเกี่ยวแขนคนข้างกายรั้งไว้ พลางส่งเสียงห้าวชี้ไปยังร้านที่ว่าอย่างตื่นเต้น

"เฮ้ย เจอแล้ว! ร้านนี้ไงเรียวจัง! นี่ๆเหมือนในรูปเลย!"

"ผมได้ยินน่า ไม่ต้องตะโกนก็ได้"  

คนอ่อนวัยกว่าหัวเราะขำอย่างมีความสุข แล้วค่อยหันไปมองคนข้างกายด้วยรอยยิ้มงามที่แสดงความเอ็นดู ซูบารุชะงักกับบรรยากาศละมุนละไมที่ส่งผ่านมาทางดวงตาคู่งาม ก่อนจะค่อยๆคลายนิ้วเพื่อปล่อยมือจากแขนที่คล้องอยู่ และคลายความประหม่าที่ไม่รู้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร แต่ฝ่ายนั้นกลับเลื่อนมือเข้ามากอบกุมมือเขาไว้แทนอย่างนุ่มนวลโดยไม่ปล่อยให้จังหวะเว้นห่าง


"ถ้าร้านซ่อมได้ก็ดีสินะครับ"

"อะ อืม..."

คนที่ตอบรับนั้นได้แต่ก้มหน้าหลบสายตาแล้วเดินรั้งท้าย ปล่อยให้อีกฝ่ายประคองมือเดินนำเข้าตัวร้านไปก่อน ซูบารุได้แต่คิดว่าการก้มลงในระดับองศานี้ น่าจะซ่อนสีหน้าแปลกประหลาดของตัวเองจากสายตาผู้ที่สูงกว่าได้ แม้จะเพียงเล็กน้อยก็เถอะ

 

พวกเขาทั้งสองฟังเจ้าของร้านซึ่งเป็นชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน ประเมินสภาพกีต้าร์ไฟฟ้าที่คอหักเพราะถูกเจ้าช้างมารุเหยียบ ฝ่ายนั้นแนะนำอย่างสุภาพว่าสามารถหาซื้อในลักษณะเดิมได้ในราคาที่น่าจะถูกกว่า แต่เจ้าของกีต้าร์กลับยืนยันเสียงแข็งว่าให้ซ่อม และคงส่วนที่ควรเป็นของเดิมไว้ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้

"มันเป็นของที่เก่ามาก ไม่รู้ว่าจะซ่อมได้แค่ไหนนะครับ แต่ส่วนของกรอบนอกคงจะมีรอยเชื่อมตรงจุดนี้ แล้วก็ตรงนี้..."

เรียวยืนฟังการอธิบายอย่างตั้งใจ เสี้ยวหน้านั้นดูเคร่งเครียด ซูบารุว่ามันเหมือนกับคนเป็นพ่อที่กำลังรับฟังหมอว่าจะผ่าตัดลูกอย่างไรบ้าง นั่นทำให้เริ่มรู้แล้วว่าของที่เสียหายไปนั้นสำคัญแค่ไหน แล้วเขาสองคนก็เดินกลับออกจากร้านพร้อมกับใบรับสินค้า ที่เขียนไว้ว่าถ้าเสร็จแล้วจะส่งเมสเสจแจ้ง ใช้เวลาไม่เกินสามเดือน

 

...ก็นานอยู่...


"นายอยากกินอะไรไหม เดี๋ยวพี่ชายสุดสปอร์ตจะเลี้ยงเอง แล้วนี่งานวันเกิดนายก็ไม่ได้จัดใช่ม๊า อยากได้อะไรเป็นของขวัญไหม"


คนอายุมากกว่าถามขึ้นมาระหว่างที่กำลังเดินไปยังตึกจอดรถซึ่งห่างออกไปอีกสองบล็อกหวังปลอบใจ ทว่าดวงตาโศกคู่นั้นเลื่อนมามองพร้อมใบหน้าเรียบเฉยเจือหงุดหงิด ซูบารุไม่สามารถรู้ได้ว่านั่นเป็นสีหน้าปกติหรือว่ากำลังเศร้าอยู่ จึงยักไหล่ขึ้นข้างหนึ่งอย่างแปลกใจ


"มีไร ?"

"ผมจะทำยังไงให้คุณเลิกพูดในเชิงสัญญาว่าจะให้อะไรก็ได้ไปทั่วโดยไม่ใช้หัวคิดแบบนี้นะ วันก่อนก็ที ... ไม่นานมานี้ก็กับอิมาอิซังอีก"

เรียวถอนหายใจหนักแล้วหันมามองด้วยสายตาตำหนิ พาให้คู่สนทนาเบ้ปากแรงแล้วตวาดลั่นอย่างเหลืออด

"อะไรของนาย ตามใจก็ผิดด้วยเรอะ ? ฉันคิดแล้วว่าทำได้อย่างที่พูดจริงๆถึงได้พูดออกไปไง!"

ยังไม่จบคำดี ร่างเล็กก็ถูกกระชากหลบเข้าไปในซอกทางเดิน เสียงดังๆนั่นเข้าไปก้องต่อในโพรงปากอุ่นของอีกคน


เขาชะงักค้างกับการแนบจูบที่คาดไม่ถึง หัวใจเหมือนหยุดเต้นไปครู่หนึ่ง ซูบารุยังคงคิดไม่ตกในระหว่างถูกรุกราน ว่าเขาควรจะตกใจท่าไหนดีให้สมกับที่ถูกขโมยจูบในช่วงวัยสามสิบกว่าๆ ควรจะตะโกนเฮ้ยอย่างแมนๆ หรือว่าสะดิ้งใส่อย่างที่เคยแอคติ้งหน้ากล้องเป็นประจำยามมีโอกาส

 

ริมฝีปากนี่ก็ไม่ได้บริสุทธิ์นัก แต่รอยจูบที่แสนเร้าร้อนก็พาให้พลอยหน้าแดงและหัวใจเต้นแรงราวกับเพิ่งเคยลิ้มรสความวาบหวาม ร่างที่ถูกเบียดให้หลังแนบชิดกับกำแพงขยับกลีบปากตอบรับความเร้าร้อนรสบุหรี่ที่ฉาบเคลือบลงมา

 

มันก็ไม่ค่อยเข้าใจนักหรอก หัวที่ไม่ค่อยจะดีรู้เพียงแค่ไม่ได้รังเกียจอะไรอีกฝ่าย เสียงจ้อกแจ้กของผู้คนเบาลงแทนที่ด้วยเสียงสะท้อนก้องของลมหายใจและหัวใจเต้นรัวของคนที่ต่างโอบกอดอยู่ แต่แล้วซูบารุก็ต้องสะดุ้งร้องโอ้ยเมื่อโดนกัดริมฝีปากล่างที่ระบมช้ำตบท้าย ใบหน้าหล่อเหลานั่นจะยอมเลื่อนออกก่อนทิ้งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก


"ขอบคุณผมเหอะ ที่ไม่รีเควสขอกินน้ำเชื้อคุณน่ะ"

สิ้นประโยคเจือหอบทำให้คนฟังทั้งอายและโมโหระคนกันจนหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด ร่างเล็กจึงถวายหมัดให้อีกฝ่ายอิ่มสบายผ่านหน้าท้อง ทรุดนั่งตัวงออยู่แถวนั้น

"ไปกินของตัวเองเหอะไอ้บ้า!"


..........................................



"กีต้าร์มานอนนี่"

"ไม่เอาว้อย จะไปนอนที่โซฟา"

"... ไหนบอกว่าสามารถทำได้ตามที่พูดไงครับ"

"....."

"มานี่"

"ถ้าทำอะไรพิเรนทร์นะ ฉันจะอัดนาย"

"อะไรคือพิเรนทร์"

"ก็ที่ทำอยู่เนี่ย !! ทำอะไรห๊า?!!"

"เกากีต้าร์"

"โว้ย! ไอ้บ้า!!!"

"หึหึ"

"ไอ้เด็กบ้า!!!! ไอ้ลามก!!!!!"



.........................................



"นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?"

 

ซูบารุถามคนที่กำลังนั่งกินขนมอยู่ในห้องพักสต๊าฟอย่างแตกตื่น ระหว่างรออัดรายการเพลงร่วมกัน เจ้าตัวเหมือนจะรู้ว่าเพื่อนถามถึงพนักงานรักษาความปลอดภัยที่เดินกันให้ขวั่ก พร้อมๆกับกล้องวงจรปิดที่เยอะขึ้น


"ก็นายไปพูดเรื่องกางเกงในหายกับทักกี้ใช่ไหมล่ะ เจ้าตัวเขาเลยสืบต่อแล้วพบว่าเด็กในสังกัดเราที่มาทำงานตึกนี้ มีคนกางเกงในหายรวมสี่คน จากนั้น..."   ชินโงยกนิ้วโป้งและก้อยขึ้นแนบหูทำท่าโทรศัพท์   "...เรื่องถึงเจ้าของตึกทันทีครับ นี่ไง ทั้งกล้องทั้งยาม จัดเต็ม เหอะ เหอะ เล่นกับใครไม่เล่น เล่นกับคุณชายทาคิซาว่า"

"โอ่ย หมอนั่นโอเว่อร์ชะมัด"

 

"นายแหละ อืดไป!"   พูดจบชินโงก็ตบเหม่งอีกคนดังเพี๊ยะ แล้วชี้หน้าต่อด้วยขนม   "เจออะไรผิดปกติแทนที่จะบอกเพื่อน เก็บไว้คนเดียว ... นี่ถ้าเกิดอะไรขึ้นมานะจะเป็นยังไง"

 

"ก็ตอนนั้นยังไม่แน่ใจ..."   ร่างเล็กเอามือลูบรอยตบป้อยๆ

 

"บางอย่างมันก็พูดได้ เออ ว่าแต่ไปค้างบ้านเจ้าเรียวอยู่นี่ เป็นยังไงบ้างล่ะ ?"

 

"ก็ .... เรื่อยๆ"

 

คนถูกถามก้มหลบตา ทำเอาอีกฝ่ายหรี่ตาจ้องพร้อมกับเคี้ยวขนมกรุบๆเป็นจังหวะ

 

"ชิบุยันเกิดอะไรขึ้น เล่ามาเดี๋ยวนี้เลย"

 

น้ำเสียงที่จริงจังของชินโง ทำให้ต้องหันมาช้อนตาแอ๊บแบ๊วมองขอความเห็นใจ แต่นั่นก็ไม่ได้ผล ฝ่ายนั้นส่ายหัวปฏิเสธแถมตีหน้าเข้มใส่ ทำให้ต้องเอ่ยปากยอมเล่าไปบางส่วน

 

"นี่มันหนีเสือปะจระเข้ชัดๆ ..."   คนฟังเอ่ยอย่างเหลือเชื่อพลางแอคติ้งยกมือขึ้นมาบอก   "... นายจะมาค้างบ้านฉันแทนก็ได้นะ"

 

"แล้วพอฉันเข้าไปค้างบ้านนายปุ้บ ?"

 

"ล็อคประตูจับปล้ำเลย"

 

ซูบารุขำก๊ากกับจังหวะซิทคอม ชักเท้าเตะหน้าแข้งที่อยู่ใต้โต๊ะให้เจ้าคนเล่นมุกร้องจ๊าก แล้วค่อยมาหัวเราะต่อ

 

"มันนี่ช่างกล้าลูบคม แล้วเอายังไง ?"

 

"ไม่ยังไง ให้มันแทะโลมเล่นแค่นี้แหละ มากกว่านี้พ่อจะอัดให้โครงหัก"

 

คนที่กำลังเอื้อมมือลงไปกินขนมในถุงของเพื่อนเบ้ปากบอก แต่แล้วเสียงโทรศัพท์จากเรียวก็ดังขึ้นสร้างความสยองขวัญให้กับคนที่กำลังนินทาอยู่ มือเปื้อนๆก็รีบกดรับสายนั้น เมื่อสนทนาผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงลุกพรวดขึ้นแล้วหันหน้าไปทางเพื่อน

 

"ขอตัวแว่บแป้บ ฉันรู้ว่าใครเอากางเกงในฉันไปแล้ว"

 

ร่างเล็กรีบรี่วิ่งลงลิฟต์ไปยังจุดนัดหมายอย่างทำเวลา สถานที่ที่ว่านั่นคือทิวพุ่มไม้เตี้ยซึ่งปลูกอยู่ในสวนท้ายตึก ที่นั่นมีชายสองคนกำลังยืนอยู่ คนหนึ่งคือเพื่อนร่วมทีมเขา อีกคนคือสึบาสะ

 

ซูบารุเข้าไปดูตัวต้นเหตุทั้งรอยยิ้มกว้าง คนร้ายเป็นเจ้าเหมียวตัวอ้วนที่เพิ่งคลอดลูกเล็กๆ ให้นอนเรียงรายอยู่บนรังนอนซึ่งสร้างจากชั้นใน

 

"มิน่าล่ะ ในกล้องวงจรปิดถึงไม่เห็นคนอื่น เป็นแมวนี่เอง"

สึบาสะเท้าเอวคอดกล่าวอย่างเซ็งๆ พลางจ้องมองสิ่งที่น่าจะเป็นกางเกงในของทาคิซาว่า ซึ่งอยู่ใต้แมวพวกนั้น   "นายจะเอายังไงต่อซูบารุ"

 

"อืมมม"

 

เจ้าของชื่อกอดเข่ามองเจ้าก้อนขนตรงหน้าอย่างอ่อนโยน   "ไม่ว่าไงอ่ะ ฉันคงวางไม่ดีเอง แล้วดูมันต้องการใช้มากกว่า งั้นยกให้มันไปแล้วกัน"


"ผมไม่เห็นด้วย"  

เรียวพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง และเมื่อเห็นเหล่าสายตาของคนที่กำลังมองมา จึงคิดหาประโยคเหตุผลเสริมเข้าไป   "ผมว่าลูกแมวที่ถูกเลี้ยงดูอยู่บนกางเกงในคุณ จะต้องเติบโตมาเป็นแมวที่ไฮเปอร์และเกเรน่าดู"

ซูบารุอ้าปากค้าง ชี้หน้าเพื่อนร่วมทีมจะต่อคำกลับ แต่สึบาสะกลับเสริมขึ้นมา

"ฉันว่า พอคิดอีกทียังไงก็ต้องเอากลับ เราไม่ควรทิ้งกางเกงในไว้ในที่สาธารณะ มันไม่ดีต่อภาพลักษณ์จอห์นนี่"


ชายผิวแทนว่าพลางถอดเสื้อเชิ๊ตราคาแพงของตัวออกยอมเสียสละรังใหม่ให้ โดยมอบหน้าที่รื้อรังให้กับหนึ่งในเจ้าของกางเกงในที่ว่า คนร่างเล็กถึงกับหรี่ตามองเจ้าผู้ชายสองคนที่เป็นฝ่ายไม่เห็นด้วยแท้ๆแต่กลับไม่ยอมลงมือทำเอง เพราะไม่มีฝ่ายไหนถูกกับสัตว์ ซูบารุอยากจะตัดเล็บให้สวยๆแล้วฟ้อนหน้าคนทั้งคู่เรียงตัวจริงๆ

 


..........................................................



"เจบบบบ เจ็บๆๆๆๆๆ!!!"


"ก็คุณไม่ระวังเองนี่ แมวแม่ลูกอ่อนดุจะตาย แล้วแผลน่ะ หมอสั่งแล้วนี่ครับ ว่าเวลาอาบน้ำต้องห้ามโดนน้ำ"

"อย่ามาพูดดีนะ เพราะนายบังคับให้ฉันทำเองนี่หว่า! ดูสิ มีนัดต้องไปฉีดวัคซีนกันบาดทะยักกับพิษสุนัขบ้าอีก ยาฆ่าเชื้อก็ต้องกินตั้งอาทิตย์ แย่ชะมัด!"


ซูบารุโวยลั่นห้องนั่งเล่น ระหว่างให้เจ้าของบ้านนั่งทำแผลที่หลังมือให้ เพียงเพราะตอนอาบน้ำช่วงเย็นดันเผลอไปทำเปียก จนต้องทำแผลใหม่อีกหน

 

"ไม่ได้บังคับครับ แต่เพราะมันเป็นกางเกงในของคุณ คุณก็ควรจะเป็นคนหยิบมันกลับคืนมาเองไม่ใช่เหรอ คนทั่วไปน่าจะถือเรื่องนี้นะ"

"ไม่ถือ ! ทีหลังถ้ามีอย่างงี้อีกนายก็ลุยเข้าไปหยิบเลย !"

"คร้าบๆ รับบัญชาครับ"

เรียวพับผ้าก๊อซบางๆแล้วปิดหลังมืออีกฝ่ายอย่างเรียบร้อย ก่อนจะบรรจงจูบลงที่ข้อนิ้วนั้น   "หายเร็วๆนะกีต้าร์ของผม"


ซูบารุดีดนิ้วเข้าปลายคางคนตรงหน้าอย่างหมั่นไส้  

"เอาเหอะ อย่างน้อยก็ดีที่จบคดีสตอล์กเกอร์ไปได้"

"จริงครับ ว่าไป ทีหลังถ้ามีอะไรแบบนี้อีก ก็อยากให้คุณบอกผมบ้าง"

"เพราะอะไรล่ะ ?"


เขาถามคนที่กำลังลูบคางป้อยๆ ผู้ชายหางตาตกคนนั้นตีหน้าเศร้าและหงอยเหมือนลูกหมาตัวใหญ่ แต่มันก็ไม่ได้ผลเท่าไหร่กับคนที่อยู่กันจนรู้ไส้รู้พุง เรียวจึงเลิกตีหน้าซื่อ เท้าคางกับโต๊ะเล็กเอียงหน้ามองอีกฝ่าย ริมฝีปากหยักมุมขึ้นเล็กน้อย

"ผมต้องปล้ำคุณก่อนไหม คุณถึงจะรู้"

"รู้อะไร ?"  

คนถูกถามตีสีหน้าทำไม่รู้ไม่ชี้ถามกลับไป แต่กลับทำให้อีกคนยิ้มขำเพราะรู้ว่ามันเป็นการแสดง

"นี่ .... ทุกคืนน่ะ เวลาที่ผมเล่นกีต้าร์ของคุณ ก็นึกเสมอว่าอยากฟังเสียงคุณครวญบนเตียงของผมสักที"

"โอเคพวก ประโยคเมื่อกี้โรคจิตได้ใจมาก"

"ให้ของรางวัลสิ"

ซูบารุแค่นเสียงหึในลำคอ ก่อนจะโน้มหน้าไปหาและพรมจูบแผ่วๆตรงแผ่นแก้มของอีกฝ่าย เพียงแค่นั้นก็ทำให้ดวงใจคนที่รอมาเนิ่นนานสั่นไหวด้วยความสุขจนไม่สามารถหักห้ามรอยยิ้มได้

"ให้เวลาฉันคิดก่อนน่า"

 

ร่างเล็กก้มหน้าเฉตาไปทางอื่นและพูดอย่างไม่เต็มคำนัก ภาพแค่นั้นก็เหมือนสัญชาตญาณสัตว์ป่าจะถูกปลุก เรียวประคองใบหน้าอีกคนเข้ามาจูบอ้อน ลากมือสำรวจไปตามผิวอ่อนหลังคอและใบหูระหว่างครอบครองริมฝีปากคนตรงหน้าด้วยปลายลิ้น ให้ได้ยินเสียงครางรับในลำคออย่างพึงใจ

 

"ได้ไหม .... ?"

 

คนอายุน้อยกว่าถามกระซิบถามเสียงพร่าขณะที่ริมฝีปากยังคงเฉียดโดนยามขยับพูด อีกฝ่ายยกยิ้มพลางดันหน้าผากคู่สนทนาให้ออกห่าง

 

"ไม่ได้เฟ้ย"

 

"แต่คุณทำให้ผมมีอารมณ์แล้วเนี่ย!"

 

เรียวโวยเจือหัวเราะร่าเหมือนคนเมาพลางชี้นิ้วลงด้านล่าง

"ไปช่วยตัวเองในห้องน้ำไป ฉันจะไปเซเว่น และถ้าคืนนี้นายเข้ามาเกากีต้าร์อีก ได้โดนอัดให้พุงแตกแน่"

"คร้าบๆ"

"แล้วจะฝากซื้ออะไรหรือเปล่า ?"

"ดูเร็กซ์ เฟเธอไลท์"

ชายร่างเล็กส่ายหัวกึ่งเอือมกึ่งขำกับคำตอบ เดินลากรองเท้าแตะที่ยืมเจ้าของห้องออกมาจากคอนโด เพราะเป็นย่านที่พักอาศัยของพวกไฮโซ ท่ามกลางความมืดที่มีเพียงดวงไฟส่องข้างทางจึงดูเงียบสงัด ริมฝีปากที่ไร้ลิปบาล์มเมื่อสัมผัสลมเย็นแล้วก็เริ่มแห้งเจ็บ จนชวนให้หวนคิดถึงจูบที่อบอุ่น

 

เซเว่นที่อยู่ไม่ไกลนักถ้านั่งรถไป ตู้กดถุงยางอนามัยที่ตั้งอยู่ริมถนนดันใกล้กว่า เขาเผลอหยุดต่อหน้ามัน แล้วสอดส่องสายตาหายี่ห้อที่อีกคนฝากซื้อเสียอย่างนั้น


"มันก็.... เร็วไปนิดมั้ง"


ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ก็ดันกดเงินหยอดและกดออกมาเสียแล้ว ชายหนุ่มก้มลงเก็บมากำไว้และนั่งคิดสะระตะถึงเรื่องราวในอดีตถึงอีกคนที่ชอบอยู่ใกล้ๆคล้ายลูกหมาตัวเล็ก พอหมอนั่นโตขึ้นแล้วกลายเป็นแบบนี้ ก็ได้แต่คิดว่าตัวเองเหมือนลุงหื่นที่เลี้ยงต้อยยังไงก็ไม่รู้

 

ชายหนุ่มเม้มปากลุกขึ้น แต่แล้วจู่ๆทั้งร่างก็กระตุกแรงคล้ายกับมีไฟฟ้าแล่นผ่าน เขาไม่สลบ แต่ทั้งร่างชาไปหมดจนไม่สามารถลุกขึ้นได้ ซูบารุพยายามหันหน้ามองไปทางคนด้านหลังที่กำลังหยิบของที่เขาเพิ่งกดมา ดวงไฟข้างทางที่สาดแสงทำให้มองหน้าอีกฝ่ายไม่ถนัด

 

"...คุณกรุณากดมันออกมาเพื่อผมสินะครับ...เพื่อผมสินะครับ...เพื่อผมสินะครับ...."

เสียงพูดของชายแปลกหน้าที่ผ่านหน้ากากอนามัยนั้นค่อนข้างอู้อี้ฟังไม่ค่อยชัด เรียกได้ว่าเสียงหายใจฟืดฟาดยังแรงกว่า ผู้ชายคนนั้นเข้ามาจับต้นแขนทั้งสองของร่างเล็ก อุ้มกึ่งลากน้ำหนักร่วมห้าสิบกิโลไปยังซอกตึกข้างทาง ผู้ถูกทำร้ายพยายามขืนร่าง แต่ก็ทำอะไรเพิ่มไม่ได้ ส้นเท้าเปลือยเปล่าขูดพื้นคอนกรีตไปตามทาง

 

"อะ...ช..."

 

เขาลองเสียงดู อีกไม่นานมันน่าจะหายชา แต่เพราะอย่างนี้ถึงโดนเจ้าคนโรคจิตต่อยหน้าให้นับดาวเสียอย่างนั้น ของใช้ทำงาน ... เห็นใจกันบ้าง

 

นี่มันสั่นประสาทชะมัด ของจริงเหรอเนี่ย รายการมอนิเตอร์ริงยามเช้าหรือเปล่า กล้องทีวีอยู่ไหน ไม่จริงใช่ไหมที่ต้องนอนเป็นปลามองดูใครก็ไม่รู้ มาถือวิสาสะถอดเสื้อผ้าตัวเองออก และเข้าลวนลามอยู่ในตรอกมืดๆชื้นๆเนี่ย

 

กางเกงในฉัน...?

 

"......"

 

อย่าเอาไปดมเล่นสิเฟ้ย!! ว๊อยยยยยยยยย!!!!!!

 

"เฮ้"

เสียงห้าวที่เอ่ยเรียก พาให้เจ้าคนร้ายนั่นหันไปทางต้นเสียงอย่างตกใจ แต่แล้วก็ต้องผงะร้องเอามือกุมตาแน่น จากฤทธิ์สเปรย์พริกไทยที่คนมาตามฉีดใส่ ซูบารุไม่เห็นสีหน้าของคนมาช่วยเพราะว่ามันมืดมาก แต่จากเงาร่างและน้ำเสียงก็คิดว่าเป็นเรียวนั่นแหละ ฝ่ายนั้นเหลือบมองเขาก่อนจะปล่อยรองเท้าแตะที่เก็บได้ แล้วเดินไปหยิบที่ช๊อตไฟฟ้าซึ่งคนร้ายเผลอทำตกไว้แทน


"ฉันเพิ่งดูหนังซอมบี้มา ถ้าฉีดสเปรย์ผ่านเครื่องช๊อตไฟฟ้ามันจะกลายเป็นปืนไฟ นายสนใจจะทดสอบไหม"


เสียงนั้นเย็นเยียบน่าขนหัวลุก ปัญหาคือเจ้าเด็กเซนส์ด้านกีฬาเสียนั่นไม่ได้ขู่แต่ดันทำจริงเสียด้วยสิ เปลวไฟที่พุ่งเป็นสายเฉียดตัวเจ้าสตอล์กเกอร์นั่นไปนิดเดียว เจ้านั่นร้องลั่นไม่เป็นภาษาแล้ววิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต เรียวคิดจะตามด้วยความโมโห แต่ก็ต้องทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไปประคองร่างที่นอนนิ่งขึ้นมาก่อน


"...ยัง...อยู่..."

ซูบารุพยายามพูดขึ้นมาเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าตัวเองยังโอเค ทางนั้นพยักหน้าหนักแล้วเข้าประคองกอดร่างที่บาดเจ็บแน่น พร้อมเอามือลูบศีรษะปลอบประโลมไม่ให้ขวัญเสีย แต่เพราะเสียงสะอื้นที่ดังอยู่ข้างหู ผู้ที่ชาจนขยับร่างไม่ได้ก็ได้แต่นึกเสียใจขึ้นมา ว่าฝ่ายที่ควรได้รับการลูบหัวปลอบใจในตอนนี้น่าจะเป็นเรียวมากกว่า


.................................



"ขอบคุณที่ใช้บริการครับ"


เจ้าของร้านซ่อมกีต้าร์กล่าวอย่างแจ่มใสขณะมอบคืนของรักให้กับเจ้าของ รอยยิ้มของเรียวปรากฎขึ้นอย่างอบอุ่นและมีความสุข พาให้คนที่ออกเงินค่าซ่อมให้รู้สึกว่าคุ้มค่าขึ้นมาหน่อย

 

"เหมือนว่าคนร้ายจะถูกจับแล้วล่ะครับ"

 

"อื้อ ดีจัง"   ซูบารุที่มีกอเอี๊ยะแปะอยู่ที่แก้มพยักหน้ารับ   "นี่ กีต้าร์ซ่อมเสร็จแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันจะกลับแล้วนะ"


".... ผมชักกังวล ไม่กล้าให้ของรักออกห่างจากห้องตัวเอง กลัวว่าจะเกิดเรื่อง"

คนอ่อนกว่าเอ่ยขึ้นหลังจากเดินเคียงข้างกันไปสักพัก ซูบารุเหลือบตาขึ้นมองท้องฟ้าใส ก่อนจะเอื้อมไปกุมมืออีกฝ่ายอย่างไม่แคร์สายตาใคร ยังไงซะภาพลักษณ์เขาก็ต๊องๆอยู่แล้ว จะจับมือใครเดินก็คงไม่แปลกหรอก

"ถ้านายทำอย่างนั้นฉันจะไม่รัก"

"ผมรู้"

"ต่อไปนี้ฉันจะดูแลตัวเองให้ดี ถ้ามีอะไรแปลกๆจะบอกนายก่อนแล้วกัน"

"ขอบคุณครับ"

 

เรียวหันมาส่งยิ้มบางให้ เพียงแค่นี้ก็ทำให้คนมองร่าเริงและคึกคักขึ้นมา

"ป่ะ! เพื่อฉลองกีต้าร์ซ่อมเสร็จ นายอยากจะกินอะไร ฉันจะเลี้ยงทุกอย่างเลย!"

"...คุณนี่ ไม่จำเลย..."

"เฮ้ ฉันก็บอกแล้วไงว่า ฉันทำตามอย่างที่พูดได้"

ซูบารุหยิบกล่องดูเร็กซ์ เฟเธอไลท์ขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วเขย่าเบาๆยั่วเย้าด้วยรอยยิ้มทะเล้นก่อนจะเก็บกลับ เพียงแค่นั้นคนที่มองอยู่ก็มีใบหน้าเรื่อแดงขึ้นมาจนต้องเอามือบังหน้า   "เอายังไง ตามใจนายนะ"

 

................................................

 

 

-แถมท้าย-

"ตกลงรู้แล้วใช่ไหมว่าฉันไม่ได้เอากกน.นายไปน่ะ"

สึบาสะนั่งเอนกายไขว่ห้างอย่างองอาจมองชายอีกคน ที่เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเขาเอง ทาคิซาว่าได้แต่ก้มหน้าครางหงิงในลำคอ

 

"ขอโทษครับ..."


"จิตใจอันแสนบอบบางของฉันเจ็บช้ำหนักมาก นายควรหามาตรการอะไรมาเยียวยาเรื่องราวในครั้งนี้"

"เห~~~~เอางั้นเลยเหรอ ?"   ดวงตาใสของคนฟังโตขึ้นพร้อมลากเสียงยาว ริมฝีปากบางเม้มคิด   "แล้ว...อิไมซังอยากได้อะไรล่ะ"

 

"ยังคิดไม่ออก นายก็รับปากมาก่อนก็ได้มั้ง ?"


เสียงทุ้มตวัดถามสูงเป็นเชิงว่าให้อีกฝ่ายหลงกลในการตอบรับที่จะตามใจเขาทุกอย่าง คนฟังกลอกตาขึ้นด้านบนอย่างรู้ทัน

"ของแบบนั้นไม่มีใครเผลอหรอกครับ"

 

"ชิ"

 

"ฮะฮะ แต่สำหรับคุณแล้ว อยากจะตามใจอย่างเปิดเผยมากกว่า"

 

ทาคิซาว่าหัวเราะเบาเมื่อเห็นอีกฝ่ายเท้าคางจิ๊ปากอย่างหัวเสีย และเมื่อพูดจบ ดวงตาของคนฟังก็หันมามองอีกคราว เพียงเพื่อพบรอยยิ้มที่อบอุ่นรออยู่ สึบาสะเลิกคิ้วแล้วเฉตาไปทางอื่น ดึงมุมปากนิดๆเพื่อสะกดกลั้นรอยยิ้มไว้ไม่ให้มันออกมาอย่างเกินหน้าเกินตา

 

"งั้น...เดี๋ยวนึกก่อนแล้วกัน"

 


................................

end

 

 

 

จบแล้วค้าบ ,, 0 ^ 0 ) คอมเมนต์ทิ้งไว้ได้นะคะ

 

เรื่องสเปรย์ อย่าเอาไปคอมโบ้กับประกายไฟจริงๆนะคะ เดี๋ยวกระป๋องสเปรย์ระเบิดใส่หน้าจะมิงามเอา TT D TT )









































แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว