ตื๊อรักนายเย็นชา
ผมกำลังตามตื๊อผู้ชายคนหนึ่ง ครับได้ยินไม่ผิดหรอก ผมตามตื๊อ ผู้ชาย
นี่ก็เป็นเดือนที่สามแล้วที่ผมมาตื๊อพี่เขา พี่เดย์ ผู้ชายหน้าหล่อเลวคนนี้
พี่เดย์ไปไหน ผมก็มาเกาะแกะพี่เขาอยู่เรื่อย จนผมรู้จักกลุ่มเพื่อนของพี่เขาหมดว่าชื่ออะไรกันบ้าง
เพื่อนพี่เขาก็ดีครับ ไม่ได้ทำท่ารังเกียจหรือปิดทางให้ผมจีบพี่เดย์เลยสักนิด ออกจะสนับสนุนด้วยซ้ำ
โดยเฉพาะพี่ไท รายนี้พอผมมาทีไรเขาก็จะเป็นคนแรกที่ทักผม ซ้ำยังชอบบอกข้อมูลของพี่เดย์ให้ผมอยู่เรื่อย
เป็นไงล่ะ ผมมีแบ็คสนับสนุนครับ
แม้บางครั้งผมจะเห็นสีหน้าที่แสดงอออย่างชัดเจนของพี่เดย์ว่า รำคาญผม แต่ผมก็ถือคติที่ว่า ด้านได้อายอด
อยากได้พี่เดย์เป็นแฟนต้องตื๊อเท่านั้นครับ ใช่ตื๊อเท่านั้น
เมื่อกี๊พี่ไทเพิ่งไลน์มาบอกผมว่าแก๊งค์ของพี่เขาอยู่ที่ร้านกาแฟหน้ามอ หลังจากที่ผมเรียนเสร็จก็ไม่รอช้ารีบไปหาพี่เดย์ทันที
อาหารเที่ยงเดี๋ยวค่อยกินละกัน พี่เดย์สำคัญกว่า ก็ไมได้เจอหน้าพี่เขามาสามวันแล้วนี่ครับ ไม่รู้ว่าหายไปไหน
ถามพี่ไทแล้ว รายนั้นก็ไม่รู้ ผมก็จนปัญญาสิครับ ไลน์ไปถามพี่เดย์ รายนั้นไม่เคยตอบมาซักครั้ง
แต่ไม่เป็นไร เพื่อคนที่เราชอบ ต่อให้พี่เดย์เย็นชาใส่แค่ไหน ผมก็สู้
กริ๊ง
ผมเข้าไปในร้านแล้วกวาดหาพี่เดย์ทันที ทันได้เห็นมือที่โบกไวๆของพี่ไท ผมเลยเดินเข้าไปพร้อมกับฉีกยิ้มทั้งหน้าทั้งตา
“ หวัดดีครับพี่”
“ เออดี ไอ้น้อง ว่าไงล่ะมึง ไม่ได้เจอตั้งหลายวัน ” พี่มาร์คพูดแซ็วๆ
“ แหะๆๆ”
“ อ้าวนั่งๆ” พี่ไทตบปุ๊ๆที่โซฟาข้างๆให้ผมนั่ง
“ พี่เดย์ สองสามมานี่พี่ไปไหนเหรอ ผมไม่เห็นพี่มาเรียนเลยอ่ะ ”
พี่เดย์เหลือบตามองผมนิดนึงก่อนที่จะสนใจชีทในมือต่อ
ชิ้ง
โอเค คำถามนี้อาจจะไม่เวิร์ค
“ พี่เดย์ เมื่อวานเพื่อนผมมันไปร้านกาแฟที่xxxมา สาขาเปิดใหม่ของที่นี่พี่ไปลองยัง” ผมรู้ว่าพี่เดย์เป็นคนที่ชอบดื่มกาแฟมาก
และร้านไหนที่เปิดมาใหม่ๆพี่เขาก็จะไปเจิมทุกที ข้อมูลอันนี้ก็ได้จากพี่ไทเขาอ่ะครับ
“ นี่มึง ไม่คิดจะตอบน้องมันหน่อยเหรอว่ะ ”
พี่เดย์ละสายตาจากชีทมองผมสลับกับพี่ไทแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะยกแก้วมอคค่าขึ้นมาดื่ม
แล้วหันไปสนใจชีทต่อ ถามว่าผมรู้สึกใจแป้วมั๊ย แรกๆที่มาตื๊อ ก็มีบ้างครับ แต่พอหลังๆมาผมก็เริ่มจะชินกับนิสัยของพี่เดย์แล้ว
อย่างน้อยพี่เขาก็รับฟังว่าผมพูดอะไร
“ เย็นชาไป๊” ผมถึงกับขำออกมา เมื่อเพื่อนๆของพี่เดย์ต่างก็พูดออกมาพร้อมกัน แต่พี่เดย์ก็ไม่ได้สนใจหรอก
เพียงแค่ยักไหล่เบาๆให้
“ แล้วมานี่กินข้าวมายัง ” พี่ไทที่นั่งข้างผมหันมาถาม
“ แหะๆ ยังเลยครับ ”
“ เห้อ มึงนี่น้า อ้าวแดกนี่ซะ กูรู้ว่ามึงยังไม่กินข้าวแน่ๆเลยสั่งเค้กนี่เอา แดกรองท้องไปก่อน ” พี่ไทเลื่อนจานเค้กมาให้ ผมถึงกับ
ซาบซึ้งในน้ำใจพี่แกโคตรๆ ซึ้งอ่ะอยากร้องไห้
“ เอ๊า แดกซิครับ อย่ามัวแต่ทำซึ้ง เดี๋ยวมึงก็มีเรียนต่ออีกไม่ใช่ไง ”
ครับ แดกก็แดก ผมมองเค้กข้างหน้าตัวเองอยู่ซักพักก่อนจะตักมันแล้วใส่เข้าปาก ความหวานหอมละมุนนี้ โคตรฟินอ่ะ
“ ฟินไปนะมึง ” พี่ไทใช้นิ้วจิ้มหน้าผากผมแรงๆสองสามที ผมไม่โกรธหรอก แถมยังยิ้มให้อีกต่างหาก พี่ไทแกก็ยิ้มมาให้ผมก่อนที่จะพูดประชดออกมาให้ทุกคนได้ยิน
“ เห้อ มึงก็ออกจะน่ารักขนาดนี้ ทำไมคนแถวนี้มันช่างใจร้าย เย็นชาได้ขนาดนี้ว้า” ผมชะงักช้อนที่กำลังจะป้อนเค้กเข้าปาก
แล้วมองพี่เดย์ เห็นพี่เค้าขมวดคิ้วนิดหน่อย ก่อนจะสบถเบาๆว่ารำคาญ ผมถึงกับสะอึกในใจเบาๆ
เพราะปกติแล้วพี่เดย์ก็แค่ปรายตามองแล้วทำเป็นไม่สนใจ แต่ครั้งนี้พี่เขาพูดออกมา แม้จะเบาๆก็เหอะ
แต่ผมก็สะอึกไปเลย รู้สึกหน้าชาเลยอ่ะ
“ อย่าไปฟังมันเลยน้องอุ่น เค้กนี่อร่อยน่ะเว่ย ของเด็ดของร้านนี้เลย ” พี่ๆคงจะเห็นว่าบรรยากาศมันเริ่มไม่ดี ก็เลยพูดปลอบใจผม
“ แหะๆ” เค้กที่ว่าหวาน อร่อยนุ่มเมื่อกี๊ ผมกลับรู้สึกว่ารสชาติของมันฝาดยังไงไม่รู้ แต่ถึงยังไงผมก็กินมันจนหมด แม้ว่าจะรู้สึกไม่อร่อยแล้วก็ตาม
หลังจากที่กินเสร็จ ผมต้องแยกย้ายกับกลุมของพี่เดย์ เสียดายอ่ะ เจอแค่แปปเดียวเอง นี่ถ้าผมรู้ว่าพี่เดย์พักอยูที่ไหนน่ะจะแวะไปหาวันละหลายๆรอบเลย
.............................................
“ เป็นไง จีบพี่เดย์ไปถึงไหนแล้ว”
เห้อ คิดแล้วก็อนาถใจ แค่คุยด้วยพี่เขาก็ยังไม่คุยเลย
“ ยังไม่ถึงไหนเลยอ่ะมึง คนอะไรใจแข็งโคตร ”
“ ไอ้อุ่น กูพูดตรงๆเลยน่ะ กูว่ามึงเลิกจีบพี่เค้าเถอะว่ะ”
“ ทำไมอ่ะ ก็กูชอบกูจะจีบ” ใช่ชอบก็ต้องจีบ ชอบก็จีบเลยชอบก็จีบเลยเซ่ะ ชูวับๆ
“ แต่พี่เค้าไม่สนใจมึงเลยน่ะเว๊ย แล้วอีกอย่างเมื่อวานกูก็เห็นพี่เค้าเดินควงกับผู้หญิงด้วย เพราะงั้นกูก็เลย ....”
ผมมองมันด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่ คนอย่างพี่เดย์เนี่ยน่ะจะเดินควงผู้หญิง คนโลกส่วนตัวสูงขนาดนั้นเนี่ยน่ะ จ้างให้ก็
ไม่เชื่อหรอก
“ อ่ะ กูถ่ายรูปมาด้วย ดูดิ”
รูปที่ไอ้เกมถ่ายชัดมาก เป็นพี่เดย์จริงด้วยๆ ในรูปผู้หญิงคนนั้นกอดแขนพี่เดย์ด้วยอ่ะ จะว่าไปผู้หญิงคนนี้อาจะเป็นน้องสาวพี่เดย์
ก็ได้เนอะ ก็พี่เดย์ไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายนี่ ผู้หญิงคนนี้จะเป็นแฟนพี่เดย์ได้ไง
“ น้องสาวหรือเปล่า” ผมเถียงมัน
“ น้องสาวพ่อง กอดแขนออเซาะซะขนาดนั้น เด็กอนุบาลยังรู้เลยว่าเป็นผัวเมียกัน”
อันที่จริงภาพมันก็ฟ้องซะขนาดนั้นผมก็พอจะรู้แหละ ว่าไม่ใช่น้องสาวหรอก แต่แค่ไม่อยากตัดกำลังใจตัวเองก็เท่านั้น
“ เอ้า นิ่งเลย อึ้งอ่าดิมึง ” เออกูกำลังอึ้งอยู่เนี๊ยะ “ ตัดใจเหอะไอ้อุ่น พี่เดย์เค้ามีแฟนแล้ว ”
ตัดใจน่ะเว๊ยไม่ใช่ตัดกระดาษ อะไรมันจะง่ายขนาดนั้นว่ะ ไม่รู้แหละวันนี้ไอ้อุ่นต้องรู้ให้ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร
“ อ้าวเห๊ย นั่นมึงจะไปไหน ”
“ จะไปหาพี่เดย์”
“ มึงจะบ้าเหรอ กูก็เพิ่งบอกไปหยกๆให้ตัดใจ แล้วมึงจะไปหาเค้าทำไม”
“ ก็ไปถามไงว่าใช่หรือเปล่า กูจะไม่เชื่อถ้าหากไม่ได้เห็นกับตาตัวเองและไม่ได้ยินพี่เดย์ยืนยันด้วยตัวเอง”
“ โอ๊ยย เพื่อนกู เออๆ เดี๋๋ยวกูไปเป็นเพื่อน เดี๋ยวน่ะ แล้วมึงรู้หรือไงว่าพี่เขาอยู่ที่ไหนตอนนี้”
“ เออหน่า มึงจะไปไหมถามมากจริง”
ผมเดินไปยังคณะของพี่เดย์ สายตาก็สอดส่องเผื่อว่าจะเจอแถวๆนี้ เมื่อกี๊พี่ไทบอกว่าเรียนเสร็จแล้วกำลังนั่งอยูใต้คณะ
พยายามโฟกัสสายตามองกลุ่มของพี่เดย์ เพราะตอนนี้ใต้คณะคนค่อนข้างเยอะ จะให้เดินอาดๆเข้าไปก็ใช่เรื่องเพราะงั้นผมเลยยืนอยู่หลังเสาร์แล้วคอยืดคอยาวมอง ดูราดราวก่อนดีกว่า
“ คนเยอะว่ะ”
“ ไอ้เกมมึงช่วยกูดูดิ ว่าพี่เดย์นั่งโต๊ะไหน”
“ เออๆ”
“ นั่นไงพี่เดย์สุดสวาทของมึง ” สายตาผมมองไปยังจุดที่ไอ้เกมมันชี้ ก็เห็นแผ่นหลังกว้างของพี่เดย์
สองขากำลังจะเดินไปหา แต่ทว่าก็ต้องเบรกไว้ก่อนเพราะมีผู้หญิงเดินเข้าไปหากลุ่มของพี่เดย์ เอาจริงๆก็เดินไปหาพี่เดย์นั่น
แหละ ประเด็นคือใครว่ะ แต่หน้าคุ้นมาก
“ แฟนเขามาว่ะมึง กูว่าชู้อย่างมึงถอยทัพเห๊อะ ”
เอารองเท้ายัดปากเพื่อนบาปมั๊ยครับ แถมถุงเท้าด้วยอะ เสี้ยมจัง
จากที่ปากดีไปก่อนหน้านั้นว่าจะเดินมาถามพี่เดย์ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยว่าพี่เขามีแฟนแล้วหรือยัง พอมาถึงตอนนี้รู้สึกก้าวขาไม่
ออกเลย ตอนแรกมั่นใจมากว่าพี่เดย์ไม่มีแฟนแน่ๆ ก็ก่อนที่ผมจะบากความกล้าไปจีบพี่เขาตรงๆ ผมเช็คแล้วน่ะว่าพี่เขายังไมมี
แฟน เพราะงั้นผมเลยกล้าที่จะจีบไง อีกทั้งเพื่อนๆของเดย์เองก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าพี่เดย์โสด
พอมาตอนนี้ กับภาพที่พี่เดย์และผู้หญิงคนนั้นอยูข้างกัน แล้วหันมายิ้มให้กันอีก ผมรู้สึกจุกยังไงไม่รู้ ทำไมพอกับผมพี่เดย์ไม่
เห็นจะยิ้มให้แบบนี้เลย หรือเพียงเพราะผมเป็นผู้ชายเหมือนกัน
ครืด ครืด
“ ครับพี่ไท”
“ อุ่น อุ่นอยู่ไหน มาคณะพี่หรือยัง” น้ำเสียงพี่ไทดูลนลานชอบกล
“ อ่อ ผมอยูในเซเว่นพี่ เดี๋ยวกะว่าจะไป”
“ ไม่ต้องมาแล้วนะ ไอ้เดย์มันกลับไปแล้ว ”ผมได้ยินเสียงพี่ไทถอนหายใจเหมือนกับโล่งอกที่รู้ว่าผมยังไม่ได้ไปหาที่คณะ
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ไทต้องโกหกด้วยว่าพี่เดย์กลับไปแล้ว ทั้งๆที่พี่เดย์ยังนั่งอยู่ตรงนั้น
“ เหรอครับ งั้นไม่ไปก็ได้ครับ”
ภาพตรงหน้ากับคำโกหกของพี่ไทมันชี้ชัดมากว่าพี่เดย์กับผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็นแฟนกัน พี่ไทอาจจะแค่ไม่อยากให้ผมไป
รบกวนเขาทั้งสอง หรืออาจเห็นใจผม แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือ ทำไมไม่บอกกันตรงๆเลยว่ามีแฟนแล้ว เพราะถ้าผมดีๆ ผมก็ไม่หน้า
ด้านตามตื๊อคนมีแฟนหรอกน่ะ แม้ว่าคนๆนั้นผมจะชอบมากขนาดไหนก็ตาม แต่นี่สิ่งที่พวกเขาทำมันเหมือนว่าผมเป็นคนโง่ คอย
ตามผู้ชายต้อยๆ ทั้งที่ผู้ชายคนนั้นมีเจ้าของแล้ว และที่สำคัญตอนนี้ความรู้สึกของผมก็ถลำลึกไปไกลมากกว่าคำว่าชอบไปแล้ว
..........
“ มึงกลับกันเหอะ”
“ อ้าว แล้วมึงจะไม่เข้าไปถามพี่เค้าแล้วเหรอ” ผมส่ายหน้า แล้วรีบเดินออกมาจากตรงนั้นทันที แม้ผมจะได้ยินเสียงของพี่ไท
เรียก แต่ผมก็ไม่แม้จะหันไปมอง จะหันไปมองภาพบาดตาเหล่านั้นไปทำไมกัน ยิ่งมองมันก็เหมือนยิ่งตอกย้ำความโง่ของตัวเอง
น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าค่อยๆไหลออกมา
บอกตัวเองว่าควรพอได้แล้ว แม้จะพยายามแค่ไหน สุดท้ายคนไม่ใช่ก็ไม่มีวันใช่อยู่ดี
..........................................................
ตลอดเวลาหลายอาทิตย์หลังจากวันนั้นสารบบในชีวิตของผมปราศจากคนที่ชื่อว่าเดย์โดยปริยาย
ต้องพยายามหักห้ามใจแค่ไหนเพื่อไม่ให้เปิดดูไอจีของเพื่อนพี่เดย์ ต้องพยายามากแค่ไหนที่จะไม่ร้องไห้ แต่ในทุกวันก่อนจะ
นอนหมอนของผมก็เปียกทุกคืน
อยากโทรไปปรึกษาพี่อ้อยพี่ฉอดจัง เผื่อว่ามันจะช่วยทำให้ผมตัดใจได้เร็วขึ้น
“ อุ่น” เสียงเรียกจากด้านหลัง ทำให้ผมต้องเอี้ยวดูว่าใครกันเป็นคนเรียก
“ พี่ไท”
ผมเอ่ยชื่อพี่ไทด้วยน้ำเสียงเบาหวิว เพราะข้างหลังพี่ไทคือคนที่ผมพยายามเลี่ยงมาตลอดหลายอาทิตย์ พี่เดย์กำลังกอดอกมอง
มาที่ผมด้วยสายตาที่ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าโกรธหรือเพราะอะไรกันแน่ แต่ที่รู้ๆคือพี่เดย์หน้าบึ้ง เหมือนไม่สบอารมณ์ที่เจอผม
“ สวัสดีครับ”
ผมยกมือไหว้พี่ๆทั้งสามคนอย่างเสียไม่ได้ รู้สึกกระอักกระอ่วน อึดอัดอย่างบอกไม่ถูก พี่ไทกับพี่มาร์คส่งยิ้มแล้วพยักหน้ามาให้
ส่วนพี่เดย์ก็ยังคงทำหน้าบึ้งตึงเหมือนเดิม
พี่ไทเดินเข้ามาใกล้ๆผมพร้อมกับตบบ่าผมเบาๆสองสามที ก่อนจะหันไปมองเพื่อนของตัวเอง
ผมมองการกระทำของพี่ไทอย่างงงๆ
“ เอ่อ พี่ไท” ผมดึงชายเสื้อของพี่ไทที่เจ้าตัวปล่อยออกมาข้างนอกเบาๆ เพื่อเรียกให้พี่ไทหันกลับมา “ เอ่อ พี่มีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ”
“ พี่ไม่มีหรอก แต่เพื่อนพี่ไม่แน่ ” ผมขมวดคิ้วทำหน้างุนงง ในขณะที่พี่ไทยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ พี่ไปละ เคลียร์กันดีๆล่ะ ” พูดเสร็จพี่ไทก็ลากพี่มาร์คออกไป ทิ้งให้ผมนั่งนิ่งอยู่กับที่ในห้องเรียนเพียงสองคนกับพี่เดย์
.
.
.
.
.
“ หายไปไหนมา” ผมสะดุ้งเมื่อเสียงเย็นๆของคนตรงหน้าถามออกมา สายตาที่ผมเคยวาดฝันมาตลอดว่าจะมองเห็นผมบ้าง ตอนนี้กำลังมองผมด้วยสายตาดุดัน
ให้ตายเถอะรู้สึกเหมือนแอร์ในห้องนี้เย็นจนมือรู้สึกชาไปหมดแล้ว
ในขณะที่สมองกำลังขบคิดหาคำตอบให้คนตรงหน้า
พี่เดย์ก็ค่อยๆสืบเท้าเข้ามาใกล้ผม
ใกล้จนผมต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าว เพื่อเว้นระยะห่าง
“ ว่าไงหายไปไหนมา”
“ แล้วพี่จะอยากรู้ไปทำไม”
ผมมองซ้ายมองขวา หวังจะหาทางชิ่งออกไปจากห้อง มันแย่มากตรงที่มีเก้าอี้เต็มไปหมดจนไม่สามารถจะออกไปได้ในเวลารีบๆแบบนี้
“ ถ้าไม่อยากรู้แล้วจะถามทำไม”
เป็นการถามกลับที่ทำให้ผมไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายได้อย่างตรงๆ ได้แต่ก้มหน้าขมวดคิ้วขบคิดว่ามันหมายความว่ายังไง
.
.
.
และเนิ่นนานกว่าที่ประโยคใหม่จะถูกเรียบเรียงเอื้อนเอ่ยจากอีกฝ่าย
“ กูกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน”
คำพูดที่ไม่เจาะจงว่ากำลังพูดถึงใครเปล่งออกมา
พร้อมกับเสียงหัวใจที่อ่อนแรงของผมกลับมาเต้นผิดจังหวะอีกครั้ง
.
.
.
“ ขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิด”
สายตาที่ดุดันเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นสายตาที่อ่อนโยนและเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“ ขอโทษที่เฉยชาใส่”
ผมพยายามบังคับริมฝีปากตัวเองไม่ให้สั่นกับถ้อยคำที่เปล่งออกมา
“ ขอโทษที่ทำให้เสียความรู้สึก”
พยายามข่มความรู้สึกที่ยากเย็นนี้ไว้
“ แต่ ช่วยกลับมาได้มั๊ย”
“...”
“ กลับมาอยู่ในสายตาอีกครั้งได้มั๊ย”
แต่พอพี่พูดจบ น้ำตาใสๆก็พร่างพรูออกมาจากดวงตา ไหลออกมาราวกับได้รับการปลดปล่อย
ปลดปล่อยความรู้สึกอึดอัด
ปลดปล่อยความรู้สึกเสียใจ
ที่พัธนาการอยู่ในใจ
.
.
.
“ ผม”
“ ชู่ว์”
นิ้วเรียวของพี่เดย์เเตะลงบนริมฝีปากผมเบาๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะค่อยๆเกลี่ยน้ำตาที่เลอะเปรอะแก้มผม
“ อุ่นไม่ต้องพยายามอะไรแล้ว เพราะพี่จะเป็นฝ่ายพยายามเอง”
end
ความพยายามมีค่าเสมอ
ฮูเร่