ภูผากลางใจ
0
ตอน
940
เข้าชม
42
ถูกใจ
0
ความคิดเห็น
0
เพิ่มลงคลัง

กลางดึกคืนหนึ่งบนโรงแรมกลางกรุงมีร่างเปลือยเปล่าสองร่างนอนเกาะเกี่ยวกันอยู่กลางเตียงกว้าง ทั้งสองแลกจูบกันอย่างดูดดื่ม จนเธอเกือบจะหายใจไม่ออก เค้าจึงผละออกมาเพื่อให้เธอได้หายใจแต่เค้าก็ไม่ได้ไปไหนใกล้ เพราะตอนนี้เค้ากำลังเลาะเล็มอยู่แถวใบหูเล็กและซอกคอเพื่อสูดดมกลิ่นหอม เธอส่งเสียงครางออกมาเบาๆ เสียงที่เธอปล่อยออกมานั้นมันไปกระตุ้นอารมณ์ชายหนุ่มจนทำให้เค้าหมดความอดทนที่จะเล้าโลมเธออีกต่อไป ที่รักเค้าส่งเสียงเรียกเธอ และเธอส่งเสียงตอบกลับมาอย่างอ่อนหวาน ค่ะ ผมทนไม่ไหวแล้ว ฉันก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกันค่ะที่รัก ถ้าอย่างงั้นผมจัดการคุณเลยนะ ค่ะที่รักจัดการฉันเลย  ฉันอยากให้คุณจัดการฉันจะแย่แล้ว โอ๊ย ทำไมมันเป็นอย่างงี้ล่ะ ปวดหัวจังคิดฉากในการเขียนนิยายฉากอื่นยังง่ายกว่าฉากแบบนี้อีก หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมนักเขียนที่มีนามปากกาว่า ซันนี่  ทำไมถึงเขียนนิยายแนวโรมานซ์ออกมาได้อย่างถึงอารมณ์ของคนอ่าน จนทำให้เธอมีชื่อเสียงโด่งดังตั้งแต่อายุยังน้อย คนอ่านหลายคนอาจจะคิดไปว่าเธอมีประสบการณ์มากจึงเขียนฉากแบบนี้ได้อย่างเข้าถึงคนอ่าน แต่ความจริงแล้วเธอเป็นสาวโสดและไม่มีประสบการณ์แบบที่เขียนนิยายให้แฟนนิยายได้อ่าน ฉากเลิฟซีนในหนังสือที่เธอเขียนเธอนำมันมาจากการอ่านหนังสือของต่างประเทศและการนั่งเทียนเขียนของเธอเอง แต่ตอนนี้เธอกำลังหมดมุกในการเขียนฉากแบบนี้แล้ว และนิยายที่เธอกำลังเขียนอยู่นี้ก็อาจจะมีฉากแบบนี้ซ้ำกันจนทำให้คนอ่านเบื่อได้ แล้วเธอจะทำยังไงดีล่ะ  เธอไม่มีแรงบันดาลใจในการเขียนนิยายซะด้วย เธอคงต้องออกไปหาแรงบันดาลใจในการเขียนแล้วล่ะ ร่างบางลุกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เธอนั่งอยู่มาเป็นเวลานานเพื่อออกมาสูดอากาศข้างนอกที่สดชื่นเพื่อให้สมองของเธอปลอดโปร่งและสามารถกลับไปเขียนฉากนั้นต่อได้ อากาศที่นี่ดีจังเลย ที่นี่คือบ้านสวนของครอบครัวเธอตั้งแต่สมัยคุณทวด และตอนนี้บ้านหลังนี้ก็ได้ตกทอดมาถึงรุ่นเธอ เวลาที่เธอจะเขียนนิยายสักเรื่อง เธอจะมาอยู่ที่นี่มากกว่าจะอยู่ในเมืองหลวงเพราะที่นี่อากาศดีและมีต้นไม้ให้ความร่มรื่นมากกว่าที่บ้านในกรุงเทพของครอบครัวเธอ ครอบครัวของเธอมีกันอยู่ 4 คนนั้น นั้นก็คือคุณพ่อที่เป็นนักการทูต คุณแม่ที่เป็นแม่บ้าน เธอและพี่สาวที่เป็นนักแสดง บ้านที่กรุงเทพมีแค่เธอกับพี่สาวสองคนเท่านั้นที่อยู่ เพราะตอนนี้พ่อกับแม่ของเธอทำงานอยู่ต่างประเทศทำให้ท่านไม่ได้อยู่ด้วย แต่บ้านที่กรุงเทพก็ยังเงียบเหงาอยู่ดี เพราะพี่สาวเธอเดินทางไปทำงานต่างจังหวัดทำให้ตอนนี้เธอต้องอยู่กับป้าใจ น้อย ลุงเก่ง  ก้อง สามีและลูกๆของป้าใจ ป้าใจและครอบครัวอยู่ทำงานกับครอบครัวเธอมาตั้งแต่คุณพ่อยังเด็กจนถึงตอนนี้ที่เธอมีอายุ 25 ปี หรือที่คนทั่วไปเรียกว่าเบญจเพส ถามว่าเธอเชื่อเรื่องพวกนี้ไหม เธอเชื่อครึ่งเดียวเท่านั้นเพราะเธอคิดว่าเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากการกระทำของเราเองมากกว่า ตั้งแต่เธอมีอายุครบเบญจเพสก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอและพี่สาวฝาแฝดของเธอเลย ทำให้เธอเชื่อแค่ครึ่งเดียวแต่เธอก็ไม่ได้ว่าคนที่เชื่อเรื่องพวกนี้ เพราะมันเป็นความเชื่อของใครของคนนั้น วันนี้วันที่เท่าไหร่แล้วเนื่ย สาวร่างบางเดินไปดูปฏิทินที่แขวนอยู่ที่ผนัง ตายแล้ว เธอส่งเสียงอุทานออกมา นี่ใกล้จะครบรอบวันตายของชลแล้วนิ อีกแค่สามวันเอง ชลหรือสายชลเป็นเพื่อนคนเธอสมัยมหาลัย เค้าตายโดยการฆ่าตัวตายในวันที่เค้าและพี่สาวเธอเลิกกัน คนที่รู้เรื่องนี้มีแค่เธอ พี่สาว แก้วเพื่อนสนิทของเธอเท่านั้นที่รู้ว่าทั้งสองคบกันแต่ที่บ้านของชลไม่รู้ วันที่ชลเสียเธอได้เดินทางไปเคารพศพและอยู่ร่วมพิธีจนเสร็จ เธอเห็นพี่ชายของชลมองเธอด้วยสายตาแปลกๆแต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไร หลังจากนั้นเธอก็เดินทางกับมากรุงเทพพร้อมแก้วแต่ว่าพี่สาวของเธอไม่ได้ไปร่วมงานด้วยเพราะพี่สาวเธอบอกว่าติดงานจึงไปไม่ด้วยไม่ได้ หลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวของชลอีกเลย แต่ในวันครบรอบวันตายของเค้าเธอและแก้วจะเดินทางไปทำบุญให้กับเค้าเสมอ คงต้องโทรหายัยแก้วแล้วว่าว่างไปทำบุญให้กับชลพร้อมเธอไหม เพราะว่าเพื่อนเธอคนนี้เป็นพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งและการทำงานของเพื่อนเธอก็ไม่เป็นเวลาด้วยเธอจึงต้องโทรไปถามก่อน สาวร่างบางจึงโทรหาเพื่อนสาว แก้วอีกสามวันแกว่างไหม มีอะไรหรอซัน ก็ฉันจะไปทำบุญให้ชลนะเลยอยากชวนแกไปด้วย สรุปแกว่างไหม แป๊ป นะขอเช็กตารางงานก่อนนะ แกอีกสามวันฉันไม่ว่างอ่ะ อ๋อ ไม่เป็นไหร่งั้นฉันไปคนเดียวก็ได้ จ้า เดินทางดีๆนะแก ฉันว่างเมื่อไหร่จะไปหานะแกอยู่ที่บ้านใช่ไหม ไม่ฉันอยู่ที่บ้านสวน อ๋อ ok  เดี่ยวฉันว่างแล้วเจอกัน จ้า บาย บาย หลังจากวางสายจากเพื่อนรักแล้วเธอก็เดินกลับมาที่โต๊ะทำงานเพื่อที่จะเขียนงานต่อ แต่เธอก็ยังคิดไม่ออกอยู่ดีว่าจะเขียนฉากนี้ยังไงดี สุดท้ายเธอก็เลยล้มเลิกความตั้งใจที่จะเขียนเพราะตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกหิวแล้ว ลงไปหาอะไรกินดีกว่าคิดงานไม่ออกล่ะสาวร่างบางจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อออกไปข้างนอก การแต่งตัวของเธอเป็นแนวโบฮีเมี่ยน สีสันสดใสเข้ากับนิสัยและการทำงานของเธอ เธอชอบการแต่งตัวแนวนี้มาตั้งแต่มัธยมแล้วและเธอไม่คิดที่จะเปลี่ยนการแต่งตัวแม้แม่เธอจะบอกว่าไม่ชอบก็ตาม เธอกับแม่จะมีปัญหากันประจำแต่กับพี่สาวของเธอแม่จะตามใจทุกอย่าง แต่เธอก็ไม่รู้สึกน้อยใจอะไร  สาวร่างบางเดินลงมาข้างล่างและเดินไปที่รถยนต์คันเล็กสีขาวของเธอ ซึ่งรถคันนี้เป็นของขวัญที่เธอได้มาจากคุณพ่อเมื่อตอนเรียนจบใหม่ๆ และเธอรักรถคันนี้มาก หลังจากนั้นเธอก็ขับรถออกมาจากบ้านสวนและตรงไปที่ร้านอาหารเจ้าประจำของเธอและครอบครัว เพราะมาบ้านสวนที่ไรเธอและครอบครัวต้องมาร้านนี้ทุกครั้ง สาวร่างบางลงจากรถและเดินตรงเข้าไปในร้านโดยที่เธอไม่รู้เลยว่าเธอได้แย่งที่จอดรถของใครบางคนเข้าและเค้ากับเธอคนนั้นก็หงุดหงิดและอารมณ์เสียมาก หลังจากเธอได้ที่นั่งเรียบร้อยแล้วเธอก็จะจัดการสั่งอาหารเมนูโปรดของเธอ เค้าและเธอคนนั้นก็เดินตรงมาที่เธอเพื่อที่จะมาคุย โดยที่ฝ่ายหญิงนั้นจงใจมาหาเรื่องเธอแต่ฝ่ายชายไม่ต้องการ นี่เธอ อะไรค่ะ เธอไม่รู้หรือไงว่าแย่งที่จอกรถคนอื่นเค้านะ ขอโทษนะค่ะฉันเห็นว่าที่จอดรถตรงนั้นว่างฉันก็เลยจอด ฉันไม่รู้ว่าคุณก็จะจอดที่ตรงนั้นเหมือนกัน เธอมัวแต่คุยกับผู้หญิงโดยที่ยังไม่ได้มองหน้าผู้ชายที่มาด้วยเลยทำให้เธอไม่รู้ว่าเธอโดนแอบมอง แต่เค้าไม่ได้มองเธอด้วยสายตาที่ดีนัก แต่เค้ามองเธอด้วยสายตาที่เกลียดชัง เพราะเค้าเข้าใจว่าเธอคือคนที่ทำให้น้องเค้าฆ่าตัวตายเมื่อสามปีก่อน ทั้งที่ความจริงแล้วคนที่ทำให้น้องเค้าตายคือพี่สาวของเธอไม่ใช่เธอ เพราะตอนที่เค้ากลับมาจากอเมริกาเค้าเป็นคนที่พบศพน้องชายผูกคอฆ่าตัวตายในห้องนอนและในมือของน้องเค้านั้นมีรูปของเธอคนนั้นอยู่ด้วยเค้าจึงเค้าใจว่าเป็นเธอที่มาร่วมงานศพ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเค้าก็ให้คนสืบประวัติของเธอ จนได้รู้ชื่อ ที่อยู่และเบอร์โทรของเธอ แต่เค้ายังไม่มีเวลาในการจัดการเธอ เพราะเค้ามีงานที่ฟาร์มและรีสอร์ทที่ต้องดูแล แต่วันนี้ฟ้ากับทำให้เค้าได้เจอเธอที่เค้าเกลียด ชั่งโชคดีจริงๆ เค้าคิดและมองหน้าเธอจนเธอรู้ตัวและหันมามอง แต่ก็มองได้ไม่นานเพราะเมย์หรือเมธินีต่อว่าเธอจึงทำให้เธอโมโหและต่อปากต่อคำด้วย และอาหารที่เธอสั่งก็มาถึงโต๊ะ เมธินีรู้สึกโกรธเพราะไม่เคยมีใครกล้าต่อปากต่อคำกับเธอแบบนี้มาก่อน เธอจึงนำถ้วยที่ใส่ต้มยำร้อนๆสาดไปที่หน้าของซัน และทำให้พนักงานของร้านต้องเข้ามาช่วยในการจัดการปัญหาทะเลาะกันของสองสาว และทำให้ภูผาหรือผาต้องลากตัวเธอออกมาจากเหตุการณ์วุ่นวายนั้น และเค้าต่อว่าเธอ เมย์คุณทำเกินไปหรือเปล่า ถ้าหน้าเค้าเสียโชมหรือตาบอดขึ้นมาจะทำยังไง ก็เมย์โมโหนิค่ะไม่เคยมีใครกล้าว่าเมย์ขนาดนี้มาก่อนเป็นคุณก็ทนไม่ได้หรอกผา เมย์ เมย์ขอโทษค่ะผา อย่าโกรธเมย์เลยนะค่ะเราไปหาร้านอื่นทานกันดีกว่าค่ะ ไม่ ผมไม่หิวแล้ว ผมจะไปส่งคุณที่บ้านแทนแล้วกัน ผาค่ะ แต่เมย์หิวเราไปหาร้านอื่นทานกันนะค่ะ ไม่ ผมบอกว่าไม่ไงเมย์ ก็ได้ค่ะ งั้นผาไปส่งเมย์ที่บ้านแล้วอยู่เป็นเพื่อนเมย์ก่อนนะค่ะ เพราะวันนี้คุณแม่กับคุณพ่อไม่อยู่กว่าจะกลับก็ดึกแล้ว เมย์ไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว ไม่เมย์ป้านางก็อยู่ไม่ใช่หรอ อยู่ค่ะ แต่อยู่ที่เรือนคนใช้ บนบ้านมีเมย์คนเดียวนะค่ะ ผานะค่ะ ไม่ เมย์ผมมีงานต้องทำแต่เช้า ก็ได้ค่ะ เธอรับคำเสียงอ่อนหวาน หลังจากนั้นเค้าก็ไปส่งเธอที่บ้าน เธอเดินขึ้นห้องไปและพูดกับตัวเองว่า สักวันผาจะต้องเป็นของเมย์ ของเมย์คนเดียวเท่านั้น คอยดูนะ ผา เค้ากลับมาที่บ้านและตรงขึ้นห้องนอนโดยที่ไม่ได้ทักทายพ่อและแม่เหมือนทุกวัน คุณค่ะวันนี้ตาผาแปลกไปนะค่ะไม่เห็นทักทายเราเหมือนทุกวันเลย ลูกอาจจะเหนื่อยก็ได้คุณ  ขอให้เป็นอย่างงั้นเถอะค่ะ ฉันเห็นแกทำงานหนักทุกวันแล้วสงสารนี่ถ้าตาชลยังอยู่คงช่วยผาได้มากกว่านี้ พูดแล้วก็คิดถึงลูกนะค่ะไม่รู้ว่าตอนนี้จะไปเกิดหรือยัง ผมก็คิดถึงเราขึ้นไปนอนกันดีกว่านะที่รัก อีกสามวันเราก็ต้องไปทำบุญให้ลูกแล้ว ค่ะ ทั้งสองเดินขึ้นห้องนอนโดยที่ไม่รู้เลยว่าคำพูดของพ่อกับแม่นั้นมีใครบางคนที่ทั้งคู่เข้าใจว่าขึ้นห้องไปแล้วแอบฟังอยู่ ดวงตาของเค้าวาวโรจด้วยความโกรธและเกลียดเธอคนนั้นเป็นที่สุดที่ทำให้น้องชายเค้าต้องฆ่าตัวตายและทำให้แม่ของเค้าเกือบเป็นบ้าเพราะเสียใจมาก เค้าจะต้องทำให้ผู้หญิงคนนั้นรับรู้รสชาติของการสูญเสียและจำไปจนวันตายว่าอย่าทำกับใครแบบนี้อีก ภูผาคิดและเดินกลับเข้าห้องของตนเอง

 

 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว