๑.
แสงไฟที่ส่องไม่เต็มกำลังจากหลอดไฟนีออนแสงริบหรี่บนเสาไฟฟ้าภายในตรอก ฉาดฉายสรรพสิ่งภายในตรอกอย่างไม่ชัดเจน ทำให้แลดูสลัว ร่างตะคุ่มของชายสามคนโผขวับออกมาจากเงามืดของมุมตึกราวหนูโสโครกวิ่งลัดเลาะท่ามกลางความมืดอย่างประสงค์ในความสกปรกที่พวกมันชื่นชอบ เสียงร้องตะเบ็งของหญิงสาวกรีดแหลมขึ้นมาราวเจาะราตรีให้มีนิรมิตความตกใจแห่งอันตรายอันกำลังคุกคาม
“กรี๊ด.....”
ร่างกำยำของชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ชะงักเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องนั่น เขาบังเอิญเดินดุ่มๆ อย่างไม่มีจุดหมายปลายทางจนมาโผล่กลางตรอกแสงสลัวนี่ ร่างของเขายังคงโซเซโงนเงน เขาใช้แขนเสื้อเชิ๊ตแบะกระดุมที่เขาใส่ทับเสื้อยืดสีน้ำเงินขะมุกขะมอมเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า แล้วปราดเข้าหาเงาตะคุ่มทั้งสามนั่น
ผลัวะ บึก บึก
“โอ้ย !!”
เสียงของชายวัยรุ่นรูปร่างผอมบางโดนท่อนแขนกำยำทุบเข้าที่ท่อนแขนและไหล่ซ้ายอย่างรวดเร็ว ร่างนั้นปล่อยมือที่เกาะกุมแขนน้อยบอบบางของเด็กสาวในชุดกางเกงยีนส์ขาสั้นรัดรูป เสื้อเอวลอยโชว์เนินเนื้อขาวผ่องบริเวณหน้าท้อง ร่างกำยำชกตามติดด้วยความรวดเร็วเข้าที่ท้องของอีกหนึ่งในวัยรุ่นที่กำลังลวนลามเด็กสาวในชุดแต่งกายล่อแหลมอยู่ ชายบ้ากามอีกสองคนอ้าปากค้าง ละล่ำละลักออกมา
“เฮ้ย ! มาจากไหนวะเนี่ย เอ็งเป็นใครวะ”
“ไอ้นี่ ยุ่งเรื่องชาวบ้าน วอนหาเรื่องซะแล้ว” วัยรุ่นร่างเตี้ยล่ำสันกัดฟันกรอดพ่นเสียงคำรามออกมา แสงแวบจากรถยนต์ที่ขับผ่านทำให้แลเห็นรอยสักยันต์ที่โผล่เหนือเสื้อกล้ามแขนสั้นได้ชัดเจน แต่ชายจรจัดผู้มีร่างกายกำยำไม่แสดงท่าทีกลัววัยรุ่นผู้คำรามใส่เขาแต่อย่างใด เขาปล่อยร่างของหนึ่งในสามที่ถูกเขาต่อยให้ทรุดลงนอนวัดพื้นอย่างสงบ แล้วใช้อุ้งมือขวาอันแข็งแกร่งตะครุบจับทั้งแขนทั้งหัวไหล่ข้างซ้ายของเด็กสาวแล้วกระชากเหวี่ยงให้ออกไปให้พ้นรัศมีของกำปั้นและอุ้งเท้า
เด็กสาวรูปร่างบอบบาง ผิวขาว ในเครื่องแต่งกายน้อยชิ้นถึงกับทำสีหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวดที่โดนชายผู้มาช่วยเหลือใช้กำลังอย่างไม่ทะนุถนอมกับร่างบอบบางของเธอ
“โอ้ย” เด็กสาวอุทานเพียงคำเดียวเท่านั้น แล้วพลันถลาล้มก้นกระแทกพื้นนั่งชันเข่ามองเหตุการณ์เบื้องหน้าด้วยกายสั่นเทาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ชายวัยรุ่นรูปร่างล่ำสัน สักยันต์ที่บริเวณแขน ล้วงมีดโบวี่ปลายแหลมมีรอยลับจนคมวับ เกร็งข้อมือชี้ปลายแหลมของใบมีดใส่ใบหน้าของชายจรจัดร่างกำยำ
“ไอ้พวกเสือกเรื่องชาวบ้าน เอ็งตายแน่”
ชายจรจัดร่างกำยำขยับกายพุ่งพรวดแบบก้าวกระโดดเพียงก้าวเดียวก็ถึงตัววัยรุ่นผู้ถือมีดไว้ ร่างกำยำของเขาสูงกว่าวัยรุ่นมากนัก ไหล่ของเขาเทียมหัวร่างที่ถือมีด เขาส่ายร่างกายตวัดไหล่ซ้ายขวาราวนักมวยผู้ชำนาญเวที กำปั้นอันรวดเร็ววินาทีละสามหมัดพุ่งใส่ร่างของวัยรุ่นผู้กำมีดอยู่อย่างรวดเร็ว
พล่อก พล่อก พล่อก
ร่างนั้นสลบเหมือดกลางอากาศพร้อมกับมีดโบวี่ที่หล่นลงสู่พื้นอย่างไร้การใช้แม้แต่น้อย ชายวัยรุ่นอีกคนยืนตาค้าง ลมหายใจของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ เขาแทบสร่างเมาเมื่อเห็นเพื่อนร่วมอารมณ์หื่นทั้งสองโดนสอยลงไปกองกับพื้นตรอกแสงสลัวอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่ทันได้เคลื่อนไหวร่างกาย พลันปลายคางและก้านคอของเขาก็ถูกขาของชายร่างกำยำเตะซ้อนใส่สองครั้งอย่างรวดเร็ว ร่างของเขาร่วงหล่นกระทบพื้นดังตุบ
“โห !” เด็กสาวในชุดล่อแหลมร้องอุทานอย่างทึ่งในฝีมือการต่อสู้ด้วยมือเปล่าของชายจรจัด เธอเดินโซเซพลางใช้มือขยับเสื้อเกาะอกของเธอให้เข้าที่เข้าทาง ชายจรจัดผู้ช่วยเหลือยืนเด่นเคว้งคว้างคล้ายเมื่อต่อสู้จบแล้วไม่รู้จะทำเช่นไรดี เด็กสาวหายตกใจอย่างรวดเร็ว เตรียมวิ่งหนีจากที่เกิดเหตุ แต่เมื่อเห็นชายจรจัดยืนนิ่ง นัยน์ตาของเขามีสีแดงกล่ำ คล้ายผ่านการเพิ่งหลั่งน้ำตาแห่งความอาดูรเสียใจออกมา เด็กสาวรู้สึกสะท้อนในหัวใจอย่างแปลกๆ รู้สึกเห็นเขาคล้ายชายคนหนึ่งขึ้นมา เธอหันซ้ายหันขวา แล้วตัดสินใจดึงมือชายที่ช่วยเธอให้รอดจากการรุมโทรม วิ่งตามเธอมา
“แฮ่กๆๆ” เด็กสาววิ่งจับมือชายร่างกำยำวิ่งผ่านตรอกซอกซอยออกมายังถนนที่มีผู้คนเดินไปมามากมาย เธอเห็นรถแท็กซี่วิ่งอยู่บนถนนเบื้องหน้าหลายคัน ทำท่าจะเรียกรถแท็กซี่ แต่ก็หันมามองชายผู้ช่วยเธอไว้แล้วตั้งคำถาม
“พี่มาจากไหนนี่”
ชายจรจัดส่ายหน้าคล้ายไม่ต้องการตอบคำถามนี้ สีหน้าส่อแววสิ้นหวัง ใบหน้าที่หมองเศร้าเต็มไปด้วยหนวดเคราหยาบ เด็กสาวจึงถามซ้ำ
“พี่มาจากต่างจังหวัดเหรอ” ชายจรจัดไม่ตอบ สีหน้าสิ้นหวังยังคงโรยอยู่เต็มใบหน้า เขาเพียงแต่พยักหน้าคล้ายเห็นด้วยกับคำคาดเดาของเด็กสาว
“พี่มีที่พักไหม มีญาติพี่น้องไหม” เด็กสาวถามซ้ำ ความรู้สึกเป็นห่วงชายแปลกหน้าจรจัดผู้ช่วยให้เธอรอดพ้นจากอารมณ์บ้ากามของผู้ชายสามคนในตรอกมืดผุดขึ้นมาเองอย่างไม่น่าจะเกิดขึ้น ขณะที่ชายร่างกำยำสลัดหัวปฏิเสธรวดเดียว
“หนูขอบคุณพี่มากที่ช่วยหนูจากพวกบ้ากามนั่น” เด็กสาวพูดพลางยกมือพนมไหว้ขอบคุณแล้วล้วงธนบัตรราคาหนึ่งพันบาทออกมา ทันทีที่สายตาของเธอสบกับธนบัตร ความเสียดายได้หลั่งล้นเข้าสู่จิตใจของเธอ แต่หัวของเธอหมุนคิดอย่างรวดเร็ว หากพวกบ้ากามนั่นข่มขืนรุมโทรมเธอแล้วจี้ปล้นเงินไปด้วย เธอจะต้องเสียทั้งตัวและเสียทั้งทรัพย์สินติดตัวทั้งหมด แม้กระทั่งชีวิตของเธอก็อาจถูกกระชากไปได้ ซึ่งบ่อยครั้งที่มีข่าวหญิงสาวถูกกระทำเช่นนี้ แล้วเธอจะกลับไปหาพ่อและแม่ได้อย่างไรเล่า
.....พ่อ.....แม่......
เด็กสาวคิดเพียงแค่นั้นแล้วหยุดคิด เธอจ้องมองแววตาอันแสนซื่อจากชายผู้อุตส่าห์มีน้ำใจยื่นมือมาช่วยเหลือเธอ เขามองเธออย่างเฉยชา สายตาไม่ได้สนใจธนบัตรในมือเธอเลยสักนิด
“ไม่เอา” ชายจรจัดพูดสั้นๆ แล้วผละร่างออกจากเธอคล้ายกำลังจะเดินจากไป เธอรีบยุดมือเขาไว้ พลันรู้สึกถึงกระแสความร้อนจากท่อนแขนของเขาแผ่ซ่านเข้ามาสู่ร่างกายเล็กบอบบางของเธอ แม้เธอจะจับท่อนแขนเขาที่บริเวณเสื้อเชิ้ตสีมัวแขนยาวปกคลุมอยู่ แต่ก็รู้สึกถึงไอร้อนอุ่นจากร่างเขาอย่างชัดเจน
“พี่จะไปไหน”
เธอถามพร้อมมองร่างเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง เสื้อผ้าของเขาเก่าๆ โทรมๆ เขาจะมีเงินติดกายถึงหนึ่งพันบาทไหม นี่คือสิ่งที่เธอคิด ชายจรจัดไม่ตอบ แต่ส่ายหน้า หันร่างกลับมาเผชิญใบหน้าเธออีกครั้ง สายตาของเขาไม่จ้องใบหน้าขาวสวยใสอมชมพูของเธอ เพียงแต่มองผ่านๆ อย่างอ่อนโรย เขามีท่าทางหิวโหย สายตาเหม่อลอยด่ำดิ่ง คล้ายทำสิ่งสำคัญประดุจหัวใจของเขาหล่นหายล่วงลับไปแล้ว พลันเด็กสาวรู้สึกเห็นใจเขาอย่างไม่มีเหตุผลขึ้นมา อย่างไรเสียเขาก็อุตส่าห์ลงแรงช่วยเธอให้พ้นจากสามคนบ้ากามนั่น
“พี่มีเงินติดตัวเท่าไหร่ล่ะ” เธอถามโพล่งขึ้นมาอีกครั้ง
ชายจรจัดยกมือล้วงกระเป๋ากางเกงข้างขวา มีบัตรคล้ายบัตรประจำตัวประชาชนและธนบัตรมูลค่ายี่สิบบาท ๔ ใบ ห้าสิบบาท ๑ ใบ และธนบัตรใบละร้อยบาทราว ๘ ใบ นอกจากนั้น เหรียญบาทสามสี่เหรียญร่วงหล่นจากกระเป๋าตกกระทบพื้นฟุตบาทข้างถนนดังกริ๊ก เขารีบก้มตัวตามคว้าสองเหรียญบาท มีเพียงหนึ่งเหรียญกลิ้งหมุนวนหล่นลงสู่ท่อระบายน้ำข้างหน้าเขา ชายจรจัดเหยียดกายตรงอีกครั้ง มองคล้ายไว้อาลัยเหรียญบาทที่จากไปโดยตัวเขาไม่อาจช่วยได้เลย
เด็กสาวรู้สึกได้ถึงความซื่อที่ชายหนุ่มคนนี้มี ทันใดนั้นเองเธอรู้สึกว่าชายจรจัดยิ้มบางเฉียบราวขบขันในโชคชะตาชีวิตของเขาเอง เขาหันมามองเธอ ตัดสินใจให้เธอรับรู้ชีวิตของเขา
“พี่...เอ่อ...พี่เจอกับอุบัติเหตุน่ะ แต่ว่าพรุ่งนี้พี่จะไปหาเพื่อนที่เชียงใหม่แล้ว กะจะไปเริ่มชีวิตใหม่ที่นั่น”
เธอพยักหน้ารับรู้ อย่างน้อยเด็กสาวก็รู้ว่าเขาไม่ใช่คนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย เธออ้าปากจะถามเขาสักอย่าง แต่ชายจรจัดชิงพูดขึ้นก่อน
“ถ้าจะกลับบ้านแล้วกลัวไม่ปลอดภัย พี่ไปส่งแถวบ้านก็ได้นะ”
เด็กสาวรู้สึกน้ำเสียงของเขามีความอบอุ่นปลอดภัยแฝงอยู่ เขาใช้คำว่าไปส่งแถวบ้าน เหมือนเขาจะรู้ว่าในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง เธอก็ไม่ควรไว้ใจเขาเช่นกัน เธอจึงยุดปลายแขนเสื้อเขาไว้แล้วเรียกรถแท็กซี่
ตลอดทางบนรถแท็กซี่ เขาไม่พูดอะไรกับเธอเลย เธอก็ไม่รู้จะพูดอะไรเช่นกัน ทั้งคู่มาถึงหอพักแห่งหนึ่งที่เด็กสาวพักอยู่ ชายหนุ่มผู้มีจิตเอื้อเฟื้อรู้สึกว่าหมดหน้าที่ของเขาแล้ว จึงเดินจากไป
“เดี๋ยวสิพี่ พี่จะไปนอนไหน” เธอร้องทานด้วยน้ำเสียงชัดเจน ขณะที่เขาส่ายหน้าบอกเป็นเชิงว่าไม่รู้ แต่ก็ยังฝืนพูดออกมา “ใต้ท้องฟ้านี้พี่นอนได้หมดแหละ หลับๆ ตื่นๆ ลืมเรื่องอดีตซะแล้วอยู่กับปัจจุบัน เมื่อรู้สึกตัวอยู่กับปัจจุบันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวันเก่าหรือวันใหม่ ก็ไม่มีอะไรที่ต้องไปหวาดกลัวกับมันอีกต่อไป”
เด็กสาวชะงักสะดุดกับคำพูดของเขา ขณะที่เขาก็แปลกใจกับคำพูดของตัวเองเช่นกัน คำพูดเช่นนี้เหมือนเขาเคยได้เรียนรู้มันจากใครบางคนแต่ก็ลืมไปแล้ว พลันเขารู้สึกเจ็บศีรษะแปลบขึ้นมา ขาทั้งสองข้างสั่นระริก ร่างกายของชายหนุ่มโคลงเคลงสั่นไหว เขาทรุดตัวลงนั่งยองกับพื้นคอนกรีต
“พี่เป็นอะไรไปน่ะ” เด็กสาวเปล่งเสียงด้วยความเป็นห่วงผู้ช่วยชีวิตเธอ ชายหนุ่มสะบัดหัวแรงๆ พยายามยันกายให้ลุกขึ้นแต่ยังลุกไม่ไหว เขายกมือโบกแสดงว่าไม่เป็นอะไรหนักหนา
“แค่เจ็บหัวน่ะ” เขาพูดพลางเลื่อนมือที่กุมกำอยู่กลางหัวมากุมที่บริเวณท้ายทอย เด็กสาวรีบถลาเข้าไปช่วยประครองเขา แต่เธอก็พบว่าน้ำหนักเขามากเหลือเกิน เธอเซแซ่ดๆ แล้วล้มทับเขาซ้ำอีก
“โอย” เด็กสาวคราง ขณะที่ชายหนุ่มรู้สึกบรรเทาความเจ็บปวดที่ศีรษะบ้างแล้ว แต่ก็รู้สึกจุกที่ร่างเล็กฟุบทับอยู่กลางหน้าอกของเขา แถมกำลังใช้มือดันหน้าอกเขาไว้อีก
“ออกไปจากตัวพี่ได้ไหม พี่หนัก” ชายหนุ่มร้องขอขณะแผ่ร่างนอนเหยียดกลางพื้นคอนกรีต เด็กสาวรีบโผตัวออกจากร่างของเขาด้วยความเขินอาย ทั้งคู่ยืนตัวตรงอีกครั้ง
“พี่เคยโดนตีที่หัวน่ะ บางทีพี่ก็จะรู้สึกมึนงง จำอะไรในอดีตไม่ได้ หลายครั้งเวลาที่พูดอะไรออกมา พี่คิดว่าเป็นสิ่งที่พี่เคยเรียนรู้ในอดีตนะ แต่จำไม่ได้จริงๆ ว่า ไปเรียนรู้จากใคร ที่ไหน และความหมายที่แท้จริงคืออะไร”
เด็กสาวพยักหน้ารับรู้ในสิ่งที่ผู้ช่วยชีวิตเธอพูด เธอเอื้อมมือไปจับแขนเขาที่มีเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีมัวปกปิดกั้นการสัมผัสกันทางเนื้อหนังโดยตรง
“งั้นพี่ขึ้นไปพักบนห้องหนูก่อนนะ ถ้าพี่เป็นอะไรขึ้นมาหนูคงรู้สึกผิดแน่ๆ เลย”
ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างว่าง่าย เขาเดินตามเธอขึ้นไปที่ห้องพักของเธอ
“อยู่คนเดียวเหรอ” ชายหนุ่มถามขณะที่เด็กสาวอยู่ในห้องตามลำพังกับเขาแล้ว เธอเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำเย็นรินใส่แก้วแล้วยื่นให้เขา
“ใช่ค่ะพี่ ตอนนี้เป็นช่วงที่หนูต้องดิ้นรนมากเลย ทั้งคนที่เป็นเพื่อนและทั้งคนที่ไม่ใช่เพื่อน จะให้เข้ามายุ่งยากกับชีวิตของเรามากไม่ได้หรอก ชีวิตต้องควบคุมเพื่ออนาคตที่ดีกว่า”
ชายหนุ่มพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยกับคำพูดของเธอ เขาดื่มน้ำรวดเดียวจนหมดแก้ว ยิ้มให้เธอแบบไม่แม้แต่จะจ้องหน้าตรงๆ ชายหนุ่มรู้ว่าหากมองหน้าเด็กสาวตรงๆ อาจดูไม่สุภาพ เขาจึงเลือกที่จะไม่จ้องมองใบหน้าและรูปร่างของเธอตรงๆ
“พี่นอนที่นี่ก็ได้นะ” เด็กสาวเอ่ยขึ้น
“ไม่กลัวพี่เหรอ สมัยนี้ไม่ควรไว้ใจใคร แม้แต่ตัวเราเองยังไว้ใจไม่ได้เลย”
เด็กสาวหัวเราะในคำพูดของเขา “พี่พูดแปลกดีนะ จะว่าไปประโยคนี้ก็คุ้นแฮะ แต่จำไม่ได้ว่าเคยได้ยินมาจากที่ไหน”
ชายหนุ่มยื่นบัตรประจำตัวประชาชนให้เด็กสาว
“ในเมื่อน้องมีความเอื้อเฟื้อต่อพี่ พี่ก็ขอให้คำมั่นว่า พี่จะไม่ทำร้ายน้องไม่ว่าในกรณีใดๆ อย่างแน่นอน ขอให้น้องสบายใจได้ เมื่อน้องมีน้ำใจให้พี่นอนที่นี่ พี่ก็จะนอนมันตรงนี้แหละ ฟ้าสว่างเมื่อไร พี่ก็จะไป”
“พี่พูดเหมือนพระเอกหนังที่หลุดออกมานอกจอเลยนะ” เธอหัวเราะคิกขณะที่ชายหนุ่มยิ้มรับอย่างเฝื่อนๆ ห้องนอนของเด็กสาวมีเตียงตัวเดียวและเก้าอี้หนึ่งตัวตั้งอยู่ไม่ห่างจากเตียง ใกล้โต๊ะเขียนหนังสือที่มีกองหนังสือเรียนและโคมไฟตั้งวางอยู่ อีกด้านหนึ่งมีตู้ใส่เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เย็น ตั้งกระจายชิดฝาผนังห้อง ภายในห้องมีห้องน้ำในตัวและมีระเบียงอยู่ด้านหลัง ชายหนุ่มเลื่อนตัวลงมาจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่และทรุดตัวนอนลงบนเสื่อน้ำมัน เบื้องล่างเตียงนอน
เขานอนแผ่กายเหยียดยาว เด็กสาวขยับริมฝีปากเสมือนทำท่าอยากบอกให้เขาขึ้นมานอนบนเตียง แต่ก็ฉุกคิดได้ว่า เธอก็จะไม่มีที่นอน เด็กสาวหันรีหันขวางสักพัก เมื่อได้ยินเสียงเขากรนเธอจึงหยิบผ้าเช็ดตัวมานุ่งพันกายแบบกระโจมอกและถอดเสื้อผ้าน้อยชิ้นทั้งหมดออก เธอย่างก้าวเข้าห้องน้ำเพื่อทำความสะอาดชำระร่างกาย วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ต้องสู้ฟันฝ่ากับการใช้ชีวิต เด็กสาวได้แต่หวังว่าความสงสารที่เธอหยิบยื่นให้ชายจรจัดแปลกหน้าคงไม่ทำให้เธอต้องลุกขึ้นมาต่อสู้กับเขาอีกครั้งในตอนดึก อย่างไรเสียเธอก็มีความมั่นใจลึกๆ ว่าเขาคงไม่ใช่พวกบ้ากามที่เธอเคยพบเจอทุกๆ วันแน่