'เวลาผ่านมาเนิ่นนานเท่าไหร่แล้วนะที่ท่านแม่ได้จากโลกนี้ไป ท่านแม่ท่านจะรู้บ้างหรือไม่ว่าได้ทิ้งลูกชายของท่านคนนี้ให้อยู่อย่างเศร้าใจ'
เจ้าของใบหน้าหวานปานอิสตรี ยมยาวสยาย ร่างสูงโปร่ง หากไม่มีใครสังเกตดีๆคงไม่ทราบว่าคนผู้นี้เป็นบุรุษ ยามนี้ดอกบ๊วยกำลังเบ่งบานแข่งกับ
อากาศหนาวเย็น แต่เจ้าตัวยังคงนั่งเหม่อมองดวงจันทร์อยู่นอกระเบียงแววตาเต็มไปด้วยความเศร้า
"ดึกแล้วพี่ไม่คิดว่าการนั่งมองดวงจันทร์ท่ามกลางอากาศหนาวอย่างนี้จะเป็นผลดีกับร่างกายของเจ้า" ชายอีกคนมีศักดิ์เป็นพี่รูปร่างสมชายชาตรี
หน้าตาคมเข้ม แววตานิ่งลึก เอ่ยบอกน้องชายเหมือนเมื่อครั้งเยาว์วัย แม้กาลเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานเพียงใดน้องก็ยังคงเป็นน้องตัวน้อยสำหรับเขาอยู่วันยังค่ำ
"ไม่คิดว่าท่านพี่จะกลับเร็ว" เอ่ยขึ้นเรียบๆแต่ไม่ยอมหันกลับมาหรือมีท่าทีขยับตัวแต่อย่างใด
"งานเสร็จก็ควรกลับมาพักผ่อน" เดินถือเสื้อคลุมมาคลี่ออกคลุมให้น้องชาย
"ฟาริส...นอนเป็นเพื่อนข้าหน่อยสิ"
"ได้...มาเถอะอิรอส ได้เวลาเข้านอนแล้ว"ฟาริสจับมือของอิรอสให้ลุกยืนขึ้นก่อนจะเดินเข้าห้องด้านในร่างสูงใหญ่พยุงร่างโปร่งให้นอนลงบนเตียงก่อนจะจัดแจงส่งแก้วยาให้
"มันน่าเบื่อนะ..."มองแก้วยาในมือพี่ชายอย่างเบื่อหน่าย
"ถึงจะน่าเบื่อแต่เพื่อรักษาชีวิตเจ้า...มีแต่จะต้องกินมัน"ฟาริสป้อนยาให้น้องชายด้วยมือของตัวเอง อิรอสกินยาเข้าไปอย่างว่าง่ายแล้วเอนตัวลงนอน
บนหมอนใบใหญ่ ฟาริสเดินอ้อมไปอีกข้างก่อนจะขึ้นมานอนเคียงข้างผู้เป็นน้อง ร่างสูงใหญ่ตะกองกอดผู้เป็นน้องถึงความสูงจะไล่เลี่ยกันแต่อิรอสก็
ยังคงตัวเล็กกว่า ร่างโปร่งก็แสนว่าง่ายวาดมือมากอดเอวผู้เป็นพี่ชายก่อนจะหลับตาพริ้มเข้าสู่นิทรารมณ์ ฟาริสเกลี่ยผมที่ปรกหน้าน้องชายออกไป
หวนให้นึกถึงเมื่อครั้งก่อนที่เขาและน้องจะโต ท่านพ่อและท่านแม่รักกันมายาวนานหวานชื่นมีเขาเป็นลูกชายตนโต อิรอสเกิดหลังเขา3ปีก่อนจะมีอี
รอสไม่นานท่านแม่เริ่มมีอาการป่วยพอมีอิรอสในท้องกลับป่วยหนักยิ่งกว่าเดิม หมอหลวงบอกว่าถ้าให้กำเนิดอิรอสท่านแม่อาจจะไม่รอด หากแต่จะ
กำจัดอีรอสท่านแม่ก็ไม่ยอม ท่านพ่อและท่านแม่ตัดสินใจครั้งสุดท้ายด้วยการให้กำเนิดอิรอส ท่านแม่พูดเสมอว่าอิรอสคือของขวัญที่พระเจ้า
ประทานให้ เป็นน้องที่ข้าจะต้องรักให้มาก ดูแลให้ดี ให้ความอบอุ่นและอ่อนโยน สอนทุกอย่างให้เช่นเดียวกับที่ท่านแม่สอนข้า จนวันที่คลอดพอรู้ว่า
เป็นลูกชายท่านแม่ก็ให้ชื่อว่าอิรอสที่แปลว่าความรัก ท่านแม่พร่ำสอนข้าเสมอว่าอิรอสคือคนที่ข้าควรให้ความสำคัญที่สุด เพราะไม่นานท่านจะไม่มี
โอกาสได้อุ้มชูอิรอสอีก ท่านพร่ำบอกเสมอว่ารักข้ามากเท่าไหร่ รักข้าทั้งสองมากมายเหลือเกิน ท่านแม่เฝ้าบอกท่านพ่อเสมอว่าอิรอสไม่ผิดที่จะเกิด
มา อย่าได้เกลียดชัง อย่าได้ผลักไส จงให้ความรักแก่เขาเช่นเดียวกับที่ข้าได้รับ ให้ความอบอ่น การดูแลคุ้มครอง ให้ถือว่าอิรอสคือตัวแทนของนาง
หลังจากนั้น3เดือนท่านแม่ก็จากพวกเราไปอย่างสงบสุข อิรอสอยู่ในความดูแลของแม่นม ข้ามักจะแวะเวียนไปเล่นกับเขาเสมอหลังจากเลิกเรียน
ท่านพ่อก็มักจะไปเล่นกับเขาบ่อยๆ บางครั้งเวลาท่านพ่ออยู่กับเขาสองคนท่านมักจะแอบร้องไห้แล้วกอดเขาไว้ จนพวกเราทั้งสองเติบโตมาเรื่อยๆ
ท่านพ่อก็พบรักครั้งใหม่ เป็นผู้หญิงใจดี อบอุ่น เธอให้ความสำคัญกับพวกเราดั่งเราเป็นลูกของเธอ เรื่องราวกำลังเข้าที่เข้าทางวันหนึ่งเรากลับพบว่า
อิรอสกำลังป่วยเป็นโรคบางอย่าง หมอหลวงบอกว่าเป็นโรคที่ได้รับจากท่านแม่ ผู้คนน้อยนักที่จะเป็นโรคนี้ โลกของอิรอสเหมือนคนสิ้นหวังลงใน
พริบตา ความฝันที่เคยคิดจะออกผจญภัยเป็นอันต้องพับเก็บใส่กระเป๋าไปตลอดกาล ข้าเลือกที่จะไม่เป็นนักปกครองเลือกที่จะเมินเฉยความคาดหวัง
ของท่านพ่อโดยเลือกเป็นผู้รักษา การที่เห็นท่านแม่เสียชีวิตด้วยโรคร้ายและน้องชายที่ป่วยทำให้ข้าเลือกเดินในเส้นทางของผู้รักษา อีรอสเลยต้อง
ทำหน้าที่นักปกครองแทน แต่อิรอสไม่เคยปริปากบ่นว่าเหนื่อยหรือไม่ชอบ แต่จะทำอย่างไรได้ครอบครัวเรามีลูกชายเพียงสองคนเพราะลูกที่เกิดจาก
แม่ใหม่ก็เกิดเป็นหญิงอายุห่างจากข้า7ปี ห่างจากอิรอส4ปี ชื่อว่าดานิก้า อิรอสจนถึงตอนนี้ก็ป่วยได้6ปี ถึงบางครั้งเขาจะชอบแหกกฏที่ข้าตั้งให้ ไม่
แคร์คนรอบข้างหรือตัวเอง แต่ข้ารู้ดีเขากำลังเหงาและเต็มไปด้วยความเศร้า ข้าไม่โทษว่าเป็นความผิดของน้อง เขาคือคนที่ข้าให้ความสำคัญที่สุด
และหวังว่าเขาจะใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุขได้
แสงอาทิตย์ยามเช้าลอดผ่านผ้าม่านผืนใหญ่เข้ามาในห้องปลุกคนขี้เซาให้ตื่นขึ้นจากนิทรา อิรอสกระพริบตาสองสามครั้งก่อนจะยันตัวลุก
จากที่นอน ที่ว่างข้างกายทำให้รู้ว่าฟาริสคงจะลุกไปนานแล้ว ประตูบานใหญ่ถูกเปิดเข้ามาโดยที่ไม่ได้ขออนุญาตสาวน้อยหนึ่งเดียวในตระกูลอยู่ใน
ชุดหวานบานพริ้ววิ่งเข้ามาหอมแก้มคนเป็นพี่ชาย
"อรุณสวัสดิ์พี่อิรอส..นอนหลับสบายไหมคะ?"
"อืม..ก็ดี" ยิ้มให้น้องสาวอย่างอ่อนโยน
"ยาก่อนอาหารค่ะ..อาบน้ำแล้วเจอกันที่โต๊ะอาหารนะ" หยิบยาที่มีพี่เลี้ยงถือตามมาให้พี่ชายกิน
"มีไหมที่ตื่นมาแล้วพี่ไม่ต้องกินยา"ยิ้มกว้างพูดติดตลก
"ไม่ได้น้า...พี่อิรอสต้องทานยาให้ตรงเวลาแล้วก็ครบทุกมื้อด้วย"พยายามคะยั้นคะยอให้พี่ชานทานยา
"ค้าบๆ รับทราบเจ้าหญิงน้อย"กินยาลงไปก่อนจะดื่มน้ำตาม
"งั้นเจอกันที่โต๊ะอาหารนะคะ"
"แล้วเจอกัน"มองน้องสาวที่เดินออกไปพร้อมกับที่แม่บ้านเข้ามาดูแล วันนี้อิรอสเลือกใส่ยูกาตะคลุมด้วยเสื้อคลุมตัวใหญ่อีกที ผมยาวถูกเกล้าขึ้นเป็น
มวยปักด้วยดอกบ๊วย หลังทานอาหารเช้าเสร็จน้องสาวตัวน้อยก็มานั่งเป็นเพื่อนอ่านหนังสือคอนซักถามนู่นนี่ แม้ปีนี้ดานิก้าจะอายุ17ย่าง18 แต่นางไม่
เคยหมดความน่ารักของสาวน้อยเลยซักครั้ง
"พี่อิรอสว่างๆไปสมาคมกับดานี่หน่อยน้า ไปที่นั่นยังไงก็ไม่เหงา พี่อิรอสจะได้มีเพื่อนเยอะๆ"
"สมาคมที่ว่าดีขนาดนั้นเลยหรอ"เอ่ยยิ้มๆพลางอ่านหนังสือ
"พี่ฟาริสยังเคยไปที่นั่นเลย...แล้วก็ได้คุยกับสาวสวยคนนึงด้วยล่ะ"พูดเสียงเจื้อยแจ้ว
"เราก็มีหนุ่มหล่อที่สมาคมสินะ"เย้าแหย่ผู้เป็นน้อง
"พี่อิรอสบ้า...เค้าเขินน้า>/////
"ไปสิวันนี้จะไปเป็นเพื่อน"วางหนังสือในมือลง
"ไม่เปลี่ยนชุดหน่อยหรอคะ"
"ไม่ล่ะ...ไปเถอะ"เดินนำน้องสาวออกมาขึ้นรถม้าหน้าบ้านที่คนไปเตรียมก่อนหน้านี้เดินทางไปยังสมาคมเป็นที่รวมตัวกันของผู้คนเกือบทุกเผ่าพันธ์ ใช่
เรียกว่าทุกเผ่าพันธ์ก็ว่าได้ ดานิก้าเล่าเรื่องนี้ให้กับที่บ้านฟังทุกคนไม่มีท่าทีแปลกใจเพราะที่นี่เป็นแบบนี้มาเนิ่นนาน ทุกเผ่าพันธ์อาศัยอยู่ร่วมกันอย่าง
สงบสุข รถม้าทำหน้าที่ของมันไปเรื่อยๆดานิก้าพร่ำบอกจะแนะนำคนนู้นคนนี้ให้ได้รู้จัก ซักพักแล้วล่ะที่ข้าไม่ได้ออกมาข้างนอก สมาคมที่ว่ามีขนาด
ใหญ่มากเรียกว่าเกือบเป็นเมืองอีกเมืองหนึ่งเลยก็ว่าได้ ชื่อว่าสมาคมไมเนส วันนี้ข้าได้พบเจอผู้คนมากมายเผ่าพันธ์หลากหลาย และนานวันเข้าข้า
กลับมาที่นี่มากกว่าพี่ชายและน้องสาวเสียอีก ผู้คนที่นี่ดีกับข้า ข้ารู้สึกดีและอบอุ่นอยู่เสมอ ข้ามักจะดื้อกินยาไม่ตรงเวลา ไม่กินยา ป่วยบ่อยๆ คนที่นี่
ก็ยังคอยเป็นห่วงข้า คนที่ข้านับว่าให้เป็นหมอคงจะเป็นชายผู้ซึ่งดูแลต้นไม้ พรรณไม้ รักความเป็นอยู่แบบเรียบง่าย และเอลฟ์ขาวใจดีหน้าเลือด ผู้ที่
เห็นเงินสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โหมงานอย่างบ้าระห่ำ เขาสองคนมักจะคอยดูแลข้าเวลาป่วย เลือดตกยางออกอยู่เสมอ แม้แต่ว่าที่พี่สะใภ้ก็คอยดุด่าไม่ให้
ข้ากินช็อกโกแลต นั่นของโปรดข้าเชียวนะ ทุกคนในสมาคมพยายามให้ข้ากินช็อกโกแลตให้น้อยที่สุุด บางทีก็ไม่ให้กิน โดนดุโดนว่าเรื่องดื้อห้ามไม่
ฟังมาก็เยอะข้าก็ดูเรื่อยๆ..ริงๆข้าชอบแกล้งพวกเขามากกว่า จนวันหนึ่งเรื่องมันพลิกน่ะสิ ใครจะรู้ว่าการเรื่อยเปื่อยเอื่อยๆของข้าการที่อยากให้ใคร
สนใจจะทำให้เกิดเรื่องที่มันไม่คาดฝันขึ้นล่ะ วันที่ข้าสูญเสียมิตรภาพสูญเสียความห่วงใยไปยังไงเล่า ดูเหมือนพวกข้าเกือบทะเลาะกันล่ะ เรื่องที่ข้า
ทำตัวดื้อดึงกับอาการป่วยของตัวเอง ข้าไม่โทษใครคงได้แต่โทษตัวเอง ข้าจะไม่ย้อนเวลากลับไปหากแต่ต้องเดินไปข้างหน้าและแก้ไขตัวเอง แก้ไข
ให้ดีขึ้น ให้มันได้เป็นบทเรียนสอนตัวเอง ถ้าเจ้าได้อ่านข้าอยากจะบอกเจ้าว่าข้าขอโทษ ขอโทษจากใจจริงๆ ขอโทษที่เคยดื้อดึง ตอนนี้ข้ากำลัง
พยายามดูแลตัวเองให้มากที่สุด ไม่ทำให้ผู้คนรอบข้างเป็นห่วง ข้ารู้ดีว่ามันย้อนเอามิตรภาพและความห่วงใยดีๆมาจากเจ้าไม่ได้ แต่เจ้าได้สอนให้ข้า
ได้เรียนรู้หลายอย่าง ขอบคุณเจ้ามากจริงๆ แม้จะเป็นช่วงเวลาไม่นาน ขอบคุณทุกท่านที่คอยเป็นห่วงเป็นใยข้าเสมอ ขอบคุณทุกท่านจริงๆ....ข้ายังคง
เสียใจ และหวังว่ามิตรภาพและความห่วงใยที่เคยมีจะยังไม่เลือนหาย...คิดถึงเจ้าเสมอนะเอลฟ์ขาวผู้บ้างาน