ความลับของหมายเลข 1
หลังการบรรยายที่เคร่งเครียดถึงสองชั่วโมงผ่านไป ในที่สุดแสงไฟในห้องก็สว่างขึ้นอีกครั้ง มุนนาราจดจำข้อความสุดท้ายบนจอโปรเจ็กเตอร์ก่อนจะจดลงไปในสมุดอย่างรวดเร็ว นักศึกษาในห้องทยอยเดินออกไป ส่วนเธอเพียงค่อยๆเก็บสมุดหนังสือลงในกระเป๋าอย่างใจเย็น แม้จะไม่หันไปมอง แต่ที่หางตาก็พอเห็นว่ามีเพื่อนร่วมชั้นไม่น้อยที่กำลังเก็บของโอ้เอ้ยิ่งกว่าเธอ หลายคนไม่ได้รีบกลับบ้านเหมือนทุกทีเพราะสภาพอากาศวันนี้ค่อนข้างแย่ ทั้งที่กำลังจะเข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้วแท้ๆ แต่ค่ำนี้ก็ยังมีฝนโปรยลงมาบางๆ ดังนั้นแทนที่จะฝ่าฝนหนาวเหน็บกลับบ้าน เหล่านักศึกษาก็ยอมกลับให้ดึกเสียหน่อยแล้วไปสิงอยู่ตามคาราโอเกะรอบๆ มหาวิทยาลัยยังดีกว่า
แต่นาราไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนั้น มองลงไปจากหน้าต่างชั้นสามก็เห็นออดี้สีเทาเงินจอดรออยู่ที่ด้านหน้าตึก เมื่อเธอเดินลงมาจนถึงชั้นล่างก็พบเจ้าของรถยืนรออยู่ตรงกลางกลุ่มบอดี้การ์ดด้วยท่าทางเฉื่อยเนือย ผิดกับปฏิกิริยากรี๊ดกร๊าดเหมือนจะเป็นลมของสาวๆ ที่อยู่แถวๆ นั้น ร่างสูงใหญ่สวมเสื้อโค้ตแบบบางสีช็อกโกแลตที่ยังคงมีละอองฝนเกาะพราวอยู่บนไหล่ เรือนผมดำสนิทตัดทรงอันเดอร์คัทถูกจัดเสยขึ้นไปเผยคิ้วเข้มและดวงตาคมกริบ สันจมูกโด่งที่เมื่อมองจากด้านข้างก็ทำให้ไพล่นึกไปว่าอาจเป็นคนต่างชาติ แนวสันกรามแกร่งถูกปกปิดไว้ด้วยผ้าพันคอผืนนุ่ม เห็นเพียงริมฝีปากรูปกระจับอิ่มหนาที่เป็นเหมือนป้ายยี่ห้อของบ้านนี้
หมายเลขหนึ่งประจำสกุลมุน... มุนฮยองแทค
มุนฮยองแทคศิษย์เก่าคณะสถาปัตย์ผู้โด่งดังด้วยดีกรีพระเอกระดับฮันรยูสตาร์และฉายาลับๆ ที่คนในมหาวิทยาลัยขนานนามว่าตาแก่หวงลูก
“...พี่มายังไงละเนี่ย? ไม่ใช่ว่าต้องทำงานเหรอ”
เขาหันมาเห็นว่าเป็นน้องสาวก็ยิ้มตาหยี รอยยิ้มนั้นมีพลังทำลายล้างอย่างร้ายกาจ นาราท่องอาเมนในใจ ...พี่ชายเธอต้องฆ่าสาวๆ แถวนี้ให้ตายอีกกี่ศพถึงจะพอใจกันหนอ
“ไป กลับบ้านกัน นี่มีของมาฝากเยอะแยะเลยแหละ” เขาถอดผ้าพันคอออกมาคลุมศีรษะเธอไม่ให้โดนฝนก่อนจะจูงมือเดินไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกล “พวกกระเป๋าถือนี่พี่ไม่ค่อยรู้จักนักหรอก แต่ทางแบรนด์เขาให้มาเพียบเลย กองอยู่ในห้องรับแขกโน่นแน่ะ ชอบอันไหนก็ไปเลือกเอานะ ที่เหลือก็ค่อยโยนๆ ทิ้งไปละกัน”
ความฟุ่มเฟือยที่น่าหมั่นไส้นี้คือสิ่งที่ดาราระดับประเทศเท่านั้นที่จะมีได้ สกุลมุนที่ผ่านความลำบากแสนสาหัสเมื่อช่วงที่เธอเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยในที่สุดก็ได้เสพสุขจนเกินคุ้มให้สมกับความเหนื่อยยากของผู้นำตระกูลคนนี้เสียที สำหรับฮยองแทคแล้วนาราคือความหวังของวงศ์ตระกูล เขาทุ่มเททุกอย่างเพื่อเธอที่สอบติดคณะแพทย์ในขณะที่เขามองว่าอาชีพการงานของตัวเองเป็นอะไรที่ไม่มั่นคง ทั้งๆ ที่คนค่อนประเทศต่อให้วาดฝันสักแค่ไหนก็ไม่มีวันก้าวไปถึงระดับที่เขาเป็นอยู่นี่ได้ด้วยซ้ำ
...ทว่าเบื้องหลังสามีแห่งชาติคนนี้กลับมีความลับมากมายซ่อนอยู่...
ทันทีที่ก้าวขึ้นรถ ร่างสูงใหญ่ก็รุกเข้าประชิดจนนาราหลังติดประตู เพราะยืนอยู่กลางอากาศหนาว ริมฝีปากนั้นจึงเย็นเฉียบราวกับแวมไพร์ หากแต่ปลายลิ้นนั้นกลับร้อนฉ่าเหมือนช็อกโกแลตในหม้อที่เดือดจัด จูบอันดุเดือดนั้นรุกรานหนักข้อจนนาราหมดทางถอย มือหนาช้อนพวงแก้มนิ่มให้เงยหน้าเพื่อจะลิ้มรสให้ถนัดถนี่ ลมหายใจอุ่นนั้นอวลด้วยกลิ่นบุหรี่ชั้นดีที่หอมฉุนเหมือนเหล้าองุ่น เขาสูบเอาลมหายใจของเธอไปและมอบลมหายใจของเขาให้จนเธอได้แต่กลิ่นของเขาเท่านั้น
มืออีกข้างหนึ่งลากต่ำลงไปเคล้าคลึงเนื้อนุ่มอูมใต้กางเกงยีนส์อย่างถือเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ขยับช้อนกอบกุมก่อนจะกดอุ้งมือเบียดบดจนเธอสะท้านไปทั้งร่าง
“พี่...หยุดนะ...ที่ตึกยังมีคน..” เธอดันไหล่เขาออกห่างด้วยแรงทั้งหมดที่มี
แม้จะดันเจ้าตัวออกไปได้ แต่มือข้างนั้นยังคงวางแหมะอยู่ที่เดิม ปลายนิ้วนั้นกดหนักอย่างไม่พอใจ ทำเอานาราแทบตัวงอ เขาจ้องหน้าเธอนิ่งๆ ขณะที่มือนั้นกลับยิ่งลากขยี้อย่างหนักหน่วงคล้ายกับกำลังลงโทษ
“อ๊า~” เสียงหวานครวญเครือ
“พี่ไม่อยู่แค่ไม่กี่วัน กล้าดียังไงออกไปเที่ยวกับคนอื่น คิดว่าแอบไปทำอะไรลับหลังแล้วพี่จะไม่รู้งั้นเหรอ”
เพียงภาพเดียวในรอบสัปดาห์ที่เธอโพสต์ลง SNS เมื่อวันที่ไปฉลองวันเกิดให้เพื่อนในคณะ พี่ชายเธอกลับเห็นว่ามันเป็นการไปเที่ยวกับคนอื่นลับหลังเขาเสียอย่างนั้น
“เลิกคบซะให้หมด ไม่งั้นอย่าหาว่าพี่ไม่เตือน”
ริมฝีปากอุ่นจัดประทับหนึบบนต้นคอระหง ดูดดื่มซุกไซ้อย่างไม่ออมแรงจนเธอเจ็บ นาราฟังแล้วก็นึกโมโหนัก เพื่อนๆ ที่ไปร่วมปาร์ตี้ในวันนั้น เป็นหญิงล้วน ...ในขณะที่ผู้ชายคนเดียวที่ติดเข้ามาในกล้องคือพนักงานเสิร์ฟที่ยืนห่างออกไปร่วมสิบเมตร เพื่อนฝูงในสายงานคือสิ่งที่จำเป็นต้องมีในสังคมหมอ ยิ่งนักศึกษาแพทย์อย่างพวกเธอยิ่งต้องมีเพื่อนที่จะช่วยเหลือกันได้เสียตั้งแต่ตอนนี้ไปจนเกษียณโน่นละ แต่พี่ชายกลับไม่สนอะไรทั้งนั้น เธอไม่มีสิทธิ์เป็นเพื่อนใคร สิ่งเดียวที่เธอเป็นได้คือเป็นของเขาเท่านั้น
และราวกับจะตอกย้ำถึงสถานะของเธอ มือใหญ่ที่กำลังคลึงเค้นอยู่บนผ้ายีนส์นั้นตะปบหมับเข้าให้ ช้อนลงลึกแล้วลากปาดขึ้นมาจนสะโพกงามยกกระดกลอยขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ จงใจบดบี้ให้เนื้อผ้าสากเสียดสีลงไปกับช่อบุปผาอ่อนละมุนที่อยู่ข้างใต้ ทาบมือประทับปลายนิ้วขยี้ซ้ำอย่างไม่ปรานีปราศรัย ครั้นพอเห็นเธอกัดฟันไม่ยอมส่งเสียงร้องก็ให้ยิ่งขัดใจออกแรงลากทึ้งราวกับจะให้กลีบผกาบอบบางนั้นแหลกคามือ นารานั่งไม่ติดเบาะเพียงแค่เขาช้อนไว้ด้วยมือข้างเดียว
เอวบางแอ่นโค้งด้วยไม่อาจต้านทานต่อความกระสันซ่านที่โหมอยู่ในกาย ผิวอ่อนนุ่มที่ถูกพี่ชายขยำขยี้ร้อนฉ่าปานจะลุกเป็นไฟและเปียกฉ่ำชุ่มโชกเสียจนเนื้อผ้าหนาชื้นแฉะ พริบตานั้นระลอกบีบรัดก็ปะทุปัง ห้วงสะเทือนนั้นทำเอาร่างบางสั่นไหว บั้นท้ายอวบอัดร่อนร่ายเนิบนาบส่งท้ายดุจกิ่วหลิวยามต้องสายลม กระทั่งคลื่นนั้นสงบลง ก็เหลือเพียงนาราที่หอบสะท้านอยู่ในรถ ส่วนผู้ก่อเหตุนั้นเพียงหันไปบิดกุญแจสตาร์ทรถด้วยท่าทางเฉื่อยเนือยอันเป็นปกติของเขา....ทว่านารามองเห็นชัยชนะที่วาวโรจน์ในดวงตาคมกริบคู่นั้น
หมายเลขหนึ่งแห่งบ้านสกุลมุน มุนฮยองแทค
โสด อายุ 25 ส่วนสูง 187 เซนติเมตร อาชีพนักแสดง
.....พี่ชายผู้หึงมาแล้วกระทั่งหมาแมวแถวบ้าน.....